ติดตามตอนต่อไป / 1,365-1,380

มุมมองตลาดหุ้นวันนี้

  • SET เดินออกข้าง: แรงกดดันจากหุ้นในกลุ่มพลังงานตามราคาน้ำมันดับที่ร่วงลง 3.8% ปิดที่ 568.61 ต่อบาร์เรล ท่ามกลางความกังวลภาวะอุปทานล้นตลาด จากอุปสงค์ที่ซบเซาและความไม่เชื่อมั่นต่อมติของ OPEC+ ในการปรับลดกำลังการผลิต 2.2 ล้านบารเรล์/วัน ใน 1Q67 อีกทั้งคาด SET Index ถูกกดดันจากหุ้นในกลุ่มการเงิน ซึ่งสินเชื่อส่วนใหญ่เป็นเช่าซื้อ บัตรเครดิต และส่วนบุคคล ซึ่งจะได้รับผลกระทบทางลบจากรายได้ดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มลดลง หลังนายกฯและรมว.คลังแกลงแก้หนี้ทั้งระบบ โดยแบ่งลูกหนี้เป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ 1) ลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด 19 SME 3 ล้านราย 2) ลูกหนี้มีรายได้ประจำ แต่มีภาระหนี้จำนวนมาก 3) ลูกหนี้ที่มีรายได้ไม่แน่นอน และ 4) ลูกหนี้ที่เป็นหนี้เสียคงค้างหนี้ยาวนาน อย่างไรก็ดี มองทางลงของ SET Index จำกัด โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มธนาคาร ซึ่งจะได้รับประโยชน์จากการแถลงดังกล่าวผ่านการยกเลิกสถานะ NPL ของลูกหนี้ SME ซึ่งจะส่งผลให้ NPL ลดลงมาก และที่ให้ภาระการตั้งสำรองลดลง ซึ่งมากกว่าผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากรายได้ดอกเบี้ยที่ลดลง ขณะที่การเปิดเผยเงินเฟ้อเดือนพ.ย.ของสหรัฐฯ ที่ขยายตัวใกล้เคียงตลาดคาด (Headline CPI ขยายตัว 3.1% y-y เท่าตลาดคาด และชะลอลงจาก 3.2%y-y ในเดือนต.ค. และ Core CPI ขยายตัว 4.0% y-y เท่าตลาดคาดและเดือนต.ค.) คาดเป็นอีกแรงจำกัดทางลงของ SET Index ท่ามกลางมุมมองเชิงบวกต่อการดำเนินนโยบายการเงินของเฟด สอดรับกับ CME FedWatch Tool ซึ่งให้น้ำหนัก 98.2% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมคืนนี้ และให้น้ำหนัก 48.9% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนพ.ค.67 อย่างไรก็ดี ติดตามผลการประชุม FOMC ในคืนนี้ โดยจุดสำคัญคือ ถ้อยแถลงของเจอโรม พาวเวล ปธ.เฟด และ Dot plot เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปี 67
  • กลยุทธ์การลงทุน : 1) มาตรการรัฐ: AMATA, KBANK, ROJNA, SCB, WHA, WHAUP 2) Defensive: ADVANC, BCH, CHG 3) SET50/100: BCP, KCE, SISB 4) Anti-comm.: PTG, SCC, SCCC, TOA และ 5) TESG: BEM, ERW, KTB, OR, PTT, TISCO

ปัจจัยบวก

  • ครม.อนุมัติหลักการยกเว้นตรวจลงตราผู้ถือหนังสือเดินทางญี่ปุ่นให้อยู่ในไทยไม่เกิน 30 วัน เป็นกรณีพิเศษ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.67-31 ธ.ค.69 เนื่องจากประเทศญี่ปุ่นเป็นคู่ค้าอันดับ 3 และมีการลงทุนในไทยสูงมาก
  • ส.อ.ท.เผยดัชนีความเชื่อมันภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ยุ. อยู่ที่ 90.9 เพิ่มขึ้นจาก 88.4 ในเดือนต.ค. โดยเป็นการปรับเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน ปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวของการบริโภคในประเทศโดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว ขณะที่ภาคการส่งออกที่มีทิศทางดีขึ้น
  • จีนจะรายงานยอดเงินกู้สกุลหยวนในวันนี้ คาดจะเพิ่มขึ้นสู่เดือนพ.ย.ที่ 1.3 ล้านล้านหยวนจากเดือนต.ค.ที่ 7.38 แสนล้านหยวน

ปัจจัยลบ

  • ThaiBMA เผยปีนี้หุ้นกู้ผิดนัดชำระหนี้รวม 5 บริษัท สูงสุดในรอบ 3 ปี กระทบความเชื่อมั่นนักลงทุน จับตาปีหน้าหุ้นกู้ครบดีลเจอปัญหาโรลโอเวอร์ยาก โดยเฉพาะกลุ่มไฮยิลด์
  • ส.อ.ท.เผยกรณีจะปรับขึ้นค่าแรงเป็นวันละ 400 บาท เป็นการปรับขึ้นค่าแรงที่ค่อนข้างสูง อีกทั้งเป็นต้นทุนใหญ่ของการผลิต เพราะใน 46 กลุ่มอุตสาหกรรม มีประมาณครึ่งหนึ่งกี้ยังเป็นอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเข้มข้นหรืออุตสาหกรรมเก่า
  • หอการค้าอังกฤษในจันเปิดเผยว่า 60% ของบริษัทอังกฤษในจีนรู้สึกว่าการชะลอตัวของศก.จีนสร้างอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจในจีนมากกว่าการบังคับใช้มาตรการสกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ที่ลากยาวมาถึงช่วงปลายปีที่ผ่านมา

PICKS OF THE DAY

BCH BUY

  • เป้าหมาย 22.50 / 23.00 แนวรับ 21.00
  • หุ้น Defensive ยามตลาดผันผวน : ราคาหุ้นยืนได้แข็งแกร่งกว่าตลาด แม้ในช่วงตลาดผันผวน และมี Beta ต่ำกว่า 1 โดย Beta อยู่ที่ 0.71 ทำให้ราคามีแนวโน้มปรับตัวลงในสัดส่วนที่น้อยกว่าการปรับตัวลงของตลาด
  • 4Q ยังเติบโตต่อ : ผู้บริหารชี้แนวโน้มผลประกอบการใน 4Q66 ยังเติบโต เนื่องจาก 1)ยังมีการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่อย่างต่อเนื่องหนุนการเข้าใช้บริการ 2) การขึ้นค่าหัวประกันสังคมเป็นบวกต่อคนไข้ OPD 3) ผู้ป่วยชาวต่างชาติเติบโตต่อ มองเป้าปีนี้ที่ 1.2 แสนราย เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่อยู่ที่ 8 หมื่นรายต่อปี คาดหนุนรายได้จากชาวต่างชาติโตกว่า 50%y-y

KBANK BUY

  • เป้าหมาย 132.00 / 136.00 แนวรับ 125.00
  • ได้ประโยชน์จากมาตรการจัดการหนี้ของรัฐบาล: มาตรการนี้จะมีการยกเลิกสถานะการเป็น NPL ได้กับกลุ่มลูกหนี้ SME ซี่งจะทำให้ลดระดับ NPL ลงได้ จากการที่ KBANK มีสัดส่วนสินเชื่อ SME อยู่ค่อนข้างมาก และจะลดภาระการตั้งสำรองลง ถึงแม้ว่ารายได้ดอกเบี้ยอาจจะลดลงบ้างจากการลดระดับดอกเบี้ยลง
  • จะมีแรงซื้อจากกองทุน ESG: KBANK ได้รับการจัดอันดับ Rating ESG ที่ระดับสูงสุด AAA ซึ่งน่าจะทำให้มีแรงซื้อจากการออกกองทุน Thai-ESG

 

 

 

- Advertisement -