ข้างนอกดี แต่ข้างในอาจรั้ง / 1,350-1,370

มุมมองตลาดหุ้นวันนี้

  • SET มีลุ้นขึ้นต่อ : Sentiment หนุนจากฝั่งสหรัฐฯ และแรงหนุนจากมาตรการภาครัฐหากแต่จำกัดด้วยความกังวลนโยบายการเงินตึงตัวภายในประเทศ ทั้งนี้ คาด SET Index จะได้ Sentiment หนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาดของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯ หลัง VISA, PepsiCO และ GM ต่างเผยรายได้และกำไรต่อหุ้นดีกว่าคาด นอกจากนี้ ข้อมูลจาก FactSet เผยว่านับจนถึงวันที่ 23 พ.ย.67 มีบริษัทในดัชนี S&P500 รายงานผลประกอบการไปแล้วประมาณ 20% โดยในจำนวนนี้มี 76% ที่รายงานผลประกอบการสูงกว่าคาด อีกทั้งมองการลงมุนในสินทรัพย์เสี่ยงยังได้แรงหนุนจาก US bond Yield 2 และ 10 ปี ที่ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 4.9% และ 4.6% ตามลำดับ หลังสหรัฐฯเผยดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นที่ 50.9 ในเดือนพ.ย.67 ลดลงจาก 52.1 ในเดือนมี.ค.67 และเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน ขณะที่หุ้นในกลุ่มจับจ่ายใช้สอยมองได้แรงหนุนจากความคืบหน้าของดิจิทัลวอลเล็ต หลังวานนี้ครม.มีมติเห็นชอบหลักการโครงการดิจิทัลวอลเล็ต อย่างไรก็ดี วันนี้ติดตามงาน Monetary Policy Forum 1/2024 ของธปท. ซึ่งหากยังคงไม่เผยสัญญาณในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในปีนี้เช่นเดียวกับถ้อยแถลงหลังการประชุมกนง.รอบล่าสุด มองเป็น Sentiment ทางลบต่อ SET Index ท่ามกลางต้นทุนของผู้บริโภคและภาคธุรกิจที่ยังคงตัวในระดับสูง นอกจากนี้ การที่สมาคมธนาคารไทยนัดหารือในวันนี้และอาจมีการลดดอกเบี้ยบางประเภทลง เช่นดอกเบี้ยบ้าน และดอกเบี้ย SME หากมีการปรับลดจริงจะส่งผลให้ผลตอบแทนสินเชื่อลดลง และทำให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของกลุ่มธนาคารลดลง อย่างไรก็ตาม มองว่าผลกระทบอาจจะจำกัดเนื่องจากสินเชื่อบ้านไม่ใช่สินเชื่อที่มีสัดส่วนสูงในพอร์ตสินเชื่อของธนาคาร ส่วนสินเชื่อ SME มองว่าถ้ามีการปรับลดจริงน่าจะเป็นเฉพาะรายเท่านั้น เนื่องจากสินเชื่อ SME เป็นสินเชื่อที่มีความเสี่ยงสูง (ในทางกลับกัน มองเป็น Sentiment บวกต่อกลุ่มอสังหาฯ)
  • กลยุทธ์การลงทุน : 1) Spending: BJC, CPALL, CPAXT, HTC, ICHI, NSL, TACC, TNP 2) ท่องเที่ยว: BA, CENTEL, ERW, MINT, SHR 3) เก็งงบ 1Q67: AMATA BEM, BTG. GULF. PSL WHA 4) บาทอ่อน: AAI SAPPE, TU. XO และ 5) อสังหาฯ: AP, SC, SIRI

ปัจจัยบวก

  • ก.ท่องเที่ยวฯเผยประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวสะสมตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 21 เม.ย.67 ที่ผ่านมาทั้งสื้น 11.3 ล้านคน เพิ่มขึ้น 42% y-y สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้วประมาณ 5.45 แสนลบ.
  • ครม.เห็นชอบให้ยกเว้นการตรวจลงตราเพื่อการท่องเที่ยวให้แก่ผู้ถือหนังสือเดินทางของนักท่องเที่ยวรัสเซียเป็นกรณีพิเศษเป็นการชั่วคราว โดยให้อยู่ในราชอาณาจักรได้เป็นเวลาไม่เกิน 60 วัน
  • ยูโรโซนเผยดัชนี PMI รวมภาคบริการและการผลิตขั้นต้นปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 51.4 ในเดือนเม.ย. จากระดับ 50.3 ในเดือนมี.ค. ซึ่งสูงกว่าตลาดคาดูที่ 50.8 และสูงเหนือระดับ 50 ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 อีกทั้ง เป็นการ บ่งชี้ว่ายูโรโซนเริ่มต้น 2Q67 ได้อย่างแข็งแกร่ง
  • Oxford Economics คาดราคาอาหารทั่วโลกที่สูงขึ้นอาจลดลงถึงจุดต่ำสุดในปี 67 ซึ่งจะช่วยบรรมทาความเดือดร้อนให้คับผู้ซื้อได้ โดยปัจจัยสำคัญของราคาสินค้าโภคภัณฑ์อาหารที่ลดลง มาจากกำลังการผลิตที่สมบูรณ์

ปัจจัยลบ

  • สศค.เผยภาวะศก.การเกษตรใน 1Q67 หดตัว 4.1%y-y โดยสาขาพีช ซึ่งเป็นสาขาการผลิตหลัก หดตัว 6.4% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากเอลนิโญที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 66 ต่อเนื่องมาถึงช่วงต้นปี 67 ซึ่งกระทบต่อพืชสำคัญหลายชนิด ทำให้พืชเจริญเติบโตช้า ผลผลิตน้อยลง และไม่สมบูรณ์
  • เจ้าหน้าที่อาวุโสรายหนึ่งจากทางการสหรัฐฯ เผย การที่รัสเซียสนับสนุนเกาหลีเหนืออย่างเต็มที่อาจมีส่วนทำให้ผู้นำเกาหลีเหนือกล้าเสี่ยงมากขึ้นในการคุกคามเกาหลีใต้และส่งออกอาวุธไปต่างประเทศ รวมถึงหนุนให้เกาหลีเหนือเพิกเฉยต่อการเรียกร้องของสหรัฐฯให้กลับเข้าสู่กระบวนการเจรจาเกี่ยวกับอาวุธนิวเคลียร์

PICKS OF THE DAY

CPALL BUY

  • เป้าหมาย 58.50 / 60.00 แนวรับ 55.00
  • รับประโยชน์จากความคืบหน้า Digital Wallet: ความคืบหน้าทางนโยบายชัดเจนมากขึ้น หลังครม. เห็นชอบตามเงื่อนไขและรายละเอียดของคณะกรรมการเงินดิจิทัล ทางฝ่ายมองว่า CPALL ซึ่งมีสาขา 7-11 ทั่วประเทศกว่า 1.5 หมื่นสาขา จะได้รับแรงหนุนเชิง Sentiment โดยตรง ผู้บริหารมองในช่วง 1Q67 จะยังสามารถรักษาระดับ SSSG ให้โตได้ตามการขยายตัวของ GDP
  • ภาคท่องเที่ยวสนับสนุน: ทางฝ่ายคาดกลุ่มค้าปลีกได้ประโยชน์จากภาคท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว ซึ่งจะหนุนให้อุปสงค์สินค้าเพิ่มขึ้น มองจะช่วยหนุนให้ SSSG ให้สูงขึ้นตาม โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเผยจำนวนนักท่องเที่ยวเข้าไทย 1 ม.ค. – 21 เม.ย. แล้วกว่า 11.3 ล้านราย (+42% y-y) สร้างรายได้จากการใช้จ่ายแล้วกว่า 5.45 แสนล้านบาท

ERW BUY

  • เป้าหมาย 5.00 / 5.20 แนวรับ 4.60 / 4.70
  • การท่องเที่ยวฟื้นตัว : จำนวนนักท่องเที่ยวเข้าไทยช่วง 1 ม.ค. – 21 เม.ย. ฟื้นตัว 42% y-y เป็นบวกโดยตรงต่อ ERW ซึ่งมีสัดส่วนโรงแรมในประเทศไทยกว่า 85.56% ของโรงแรมทั้งหมดในมือ ผู้บริหารมองปี 2567 จะสามารถเพิ่มระดับการขยายตัว ARR สู่ 6%y-y ซึ่งจะช่วยหนุนให้รายได้โตกว่า 15% y-y
  • เล็งเปิดโรงแรมเพิ่มในปี 2567 : มีแผนเปิดโรงแรมเพิ่มอีก 14 แห่ง โดยเป็นโรงแรมในไทย 8 แห่ง ในฟิลิปปินส์ 3 แห่ง และ ญี่ปุ่นอีก 3 แห่ง ทำให้จำนวนโรงแรมในเครือเพิ่มขึ้นเป็น 91 แห่ง จำนวนห้องในมือเพิ่มขึ้น 1,336 ห้อง สู่ระดับ 11,624 ห้อง
- Advertisement -