ตลาดอาจยังไม่มั่นใจ / 1,280-1,295
มุมมองตลาดหุ้นวันนี้
- คาด SET พักตัว แกว่งออกข้าง : ปัจจัยหนุนอาจดันตลาดขึ้นได้จำกัด โดยปัจจัยหนุนมาจาก 1) สต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐราย สัปดาห์จาก EIA ออกมา -3.728 ล้านบาร์เรล ติดลบมากกว่าตลาดคาดที่ -1.6 ล้านบาร์เรล และติดลบเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนที่ -3.436 ล้านบาร์เรล รวมถึงความไม่สงบในตะวันออกกลางหนุนราคาน้ำมันดิบ WTI เร่งตัวขึ้นแตะระดับ 74.73 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล บวกต่อหุ้นในกลุ่มพลังงานต้นน้ำ 2) แรงเข้าซื้อในห้นที่รอประกาศผลประกอบการ 2Q67 โดยในวันนี้มีหุ้นที่น่าสนใจคาดผลประกอบการจะออกมาดี ได้แก่ BH GPSC COCOCO GULF และ TOP 3) ความคืบหน้าดิจิทัลวอลเล็ตหลังรมว.คลังเผยมีความเป็นไปได้ที่จะเริ่มใช้จ่ายเงินดิจิทัลวอลเล็ตภายในเดือน พ.ย. 67 สร้าง Sentiment บวกให้หุ้นในกลุ่มค้าปลีก ขณะที่ปัจจัยกดดันดัชนี และคาดจำกัด upsideในวันนี้มาจาก 1) ตลาดยังกังวลในคดีของนายกฯ ที่จะมีการวินิจฉัยในวันที่ 14 ส.ค.67 หลังศาลรธน.ได้วินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกลวานนี้ เนื่องจากมีผลกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาลโดยตรง นักลงทุนจึงอาจชะลอการเพิ่มน้ำหนักการลงทุนจนกว่าจะทราบผลการวินิจฉัย 2) การฟื้นตัวของตลาดหุ้นทั่วโลกเริ่มชะลอ แม้ตลาดหุ้นในเอเชียวานนี้ปิดในแดนบวก แต่ตลาดห้นสหรัฐฯกลับปิดในแดนลบ ดัชนี S&P500 ปิดที่ -0.77% แสดงถึงความกังวลต่อภาพเศรษฐกิจที่ผ่อนคลายลง แต่ยังคงมีการขายทำกำไรหุ่นกลุ่มเทคโนโลยีที่ตลาดมองว่า valuation สูง และเวียนเข้ากลุ่มอื่น มองหุ้น Defensive จึงยังเป็นตัวเลือกที่ดีท่ามกลางความผันผวน 3) ด้านปัจจัยอื่น ติดตามตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐ และ Atlanta Fed GDPNow เพื่อคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐในระยะถัดไป
- กลยุทธ์การลงทุน : 1) เก็งงบ 2Q67: BH, BGRIM, COCOCO, GFPT, GPSC, SAPPE, GULF, TOP 2) Defensive: BDMS, BH, INTUCH, ADVANC 3) เงินดิจิทัล: CPALL, KTC, SCB, CPAXT 4) งบดีและคาดดีต่อ: ADVANC, ITC และ 5) Short Stock : STEC, CK, SAWAD
ปัจจัยบวก
- ฮุนไดทุ่มงบ 1,000 ล้านบาท วางแผนตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า BEV และแบตเตอรี่ครบวงจร พร้อมเดินเครื่องผลิตต้นปี 2569 เพื่อใช้ไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์ EV
- Airbnb เปิดข้อมูลล่าสุด แม่ฮ่องสอน ตรัง และ อยุธยา ติดอันดับ 2 ที่ท่องเที่ยวที่ถูกค้นหามากที่สุด มีการค้นหาเพิ่มจากปีก่อนกว่า 149%
- รมว.คลังเผยขณะนี้มีความเป็นไปได้ที่โครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต จะสามารถเริ่มใช้จ่ายได้ภายในเดือน พ.ย. 67
- Maersk คาดความต้องการในการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ทั่วโลก คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอีก 2-3 ไตรมาสข้างหน้า แต่อาจโตในอัตราที่ช้าลง เพราะยังคงมีปัจจัยเสี่ยงอยู่บ้าง
- นายกฯ เผยหลังตัวแทน Google เขาพบว่า จะมีผู้บริหารระดับสูงจาก Google มาเยือนประเทศไทยในช่วงอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ เพื่อประกาศความร่วมมือต่างๆ มากมาย ซึ่งจะทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยี และเศรษฐกิจดิจิทัล
ปัจจัยลบ
- กกร.กังวลเศรษฐกิจไทยปี 67 ยังเปราะบาง เสี่ยงโตต่ำกว่าศักยภาพหลังอุปสงค์ในประเทศชะลอ
- ยอดส่งออกสินค้าของเยอรมนีในเดือนมิ.ย.ลดลง 3.4% ซึ่งเป็นตัวเลขที่แย่กว่าที่คาดการณ์ไว้มาก โดยนักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์เคยคาดการณ์ว่าอาจจะลดลงเพียง 1.5% เท่านั้น
- ฮาลิแฟกซ์เผยราคาบ้านใน UK เดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 0.8% พุ่งขึ้นสูงสุด นับตั้งแต่เดือนม.ค. หลังราคาไม่เปลี่ยนแปลงเลยในช่วง 3 เดือนก่อนหน้า สร้างความกังวลต่อภาวะฟองสบู่ในตลาดอสังหาฯ
- เครดิตบูโร พบว่าในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2567 หนี้เสียรถยนต์เติบโตมากที่สุดถึง 30% คิดเป็นมูลค่า 2.5 แสนล้านบาท ส่งผลให้ยอดปฏิเสธ สินเชื่อรถยนต์พุ่ง เนื่องจากธนาคารเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ
- LWS ชี้ครึ่งปีแรก 2567 ทำเล กรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีหน่วยที่อยู่อาศัยเหลือขายคงค้างมากขึ้น 0.6% แผนเปิดโครงการใหม่ลดลงกว่า 27% เทียบปีก่อน และมีอัตราการปฏิเสธสินเชื่อสูงถึง 70%
PICKS OF THE DAY
BH BUY
- เป้าหมาย 265.00 / 270.00 แนวรับ 250.00
- งบ 2Q67 แข็งแกร่ง: จากปริมาณนัก ท่องเที่ยวที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น y-y ใน 2Q67 ที่ผ่านมา ผ่านนโยบาย Free VISA ทำให้ BH ที่มีสัดส่วนผู้ป่วยต่างชาติที่ 66% ทำให้ BH จะได้ประโยชน์จากนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นนี้ โดย 2Q67 มีรายได้จากกิจการโรงพยาบาลที่ 6,282 ลบ. +4.2% y-y และ BH สามารถควบคุบค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ได้ดี จึงเห็นกำไรโตดีกว่ารายได้ที่ 10.5% ที่ 1,932 ลบ. และได้มีการประกาศจ่ายปันผล 1H67 ที่ 2 บาท/หุ้น XD 23 ส.ค.
- VitalLife Scientific Wellness Center, Phuket: BH พร้อมขยายธุรกิจสู่ความงามและ Pre medic (DNA Test) ในจังหวัดภูเก็ตผ่าน บจ. ไวทัลไลฟ์ ที่พร้อมให้บริการในเร็วๆนี้ ช่วยเพิ่มรายได้ ผ่านแนวโน้มการรักษาที่กำลังเติบโต
STEC SHORT
- เป้าหมาย 7.80 / 8.00 แนวต้าน 8.30
- คาด 2Q67 อ่อนตัวค่อนข้างมาก: คาด 2Q67 กำไรอ่อนตัว y-y และ q-q ค่อนข้างมาก จาก 2 ปัจจัยหลัก 1.มีค่าใช้จ่ายซ่อมบำรุงผิวจราจรทำให้อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ในระดับต่ำ และ2.ขาดทุนจากสายสีเหลืองและชมพูเพิ่มขึ้น จากจำนวนผู้โดยสารลดลงตามฤดูกาลในช่วงปิดเทอมและปรับการเดินรถจากการซ่อมรางในสายสีเหลือง
- มองผลประกอบการปีนี้ไม่สดใส: หากมองในส่วนของธุรกิจก่อสร้างในครึ่งปีหลัง จะมีงานรถไฟทางคู่รอเข้า คมนาคมและครม. ถึง 6 เส้นทาง รวมกว่า 3 แสนลบ. ซึ่ง STEC ยังมีศักยภาพในการคว้างาน เนื่องจากการร่วมมือกับผู้รับเหมารายใหญ่เพื่อให้ได้ประโยชน์ร่วมกัน แต่ผลกระทบจาก 2 ปัจจัยข้างต้น ทำให้ผลประกอบการปีนี้ยังไม่สดใส









