บล.พาย:
BBIK: Bluebik Group PCL
เข้าสู่ช่วงฤดูส่งมอบงานใน 2H24
เราปรับคำแนะนำเป็น “ถือ” ที่ราคาเป้าหมายใหม่ 44 บาท (เดิม 48.5 บาท) โดยปรับเรากำไรปี 24/25 ลง -10%/-10% ตามลำดับ เนื่องจาก 1.อัตรากำไรขั้นต้นที่ต่ำกว่าคาด 2.การรับรู้รายได้ช้ากว่าคาดเล็กน้อย โดยเราคาดว่า BBIK ทำกำไรงวด 3Q24 ที่ 81 ล้านบาท (+9% YoY, +91% QoQ) ปรับตัวขึ้นตามปัจจัยทางฤดูกาลกำไรของ 2H มากกว่า 1H จากทั้งในส่วนของกำไรบริษัท และ JV โดยเฉพาะ JV ที่ส่งมอบงานได้อย่างโดดเด่น ไตรมาสถัดไปคาดว่ากำไรจะทำจุดสูงสุดใหม่จากเร่งส่งมอบงาน หลังจากที่ Backlog ทำสูงสุดใหม่ใน 2Q24 ที่ผ่านมา ณ ราคาปัจจุบันเทียบเท่ากับ 19xPE’26E หรือคิดเป็นที่ PEG 1.2 เท่า เทียบกับการเติบโตของกำไรเฉลี่ย 3 ปีข้างหน้าที่ (CAGR 17%) ซึ่งสอดคล้องกับราคาเป้าหมายปัจจุบันของเรา
คาดกำไร 3Q24 เติบโตโดดเด่น
- กำไรสุทธิที่ 81 ล้านบาท (+9%YoY, +91%QoQ) ปรับตัวขึ้นหลักจากเข้าฤดูกาลส่งมองงานใน 2H24 โดยเฉพาะส่วนแบ่งกำไรจาก JV ที่ 21 ล้านบาท (+135%YoY, +100%QoQ) อีกทั้งมีขาดทุนพิเศษจากการปรับมูลค่าการลงทุน 3 ล้านบาท หากนับเฉพาะกำไรปกติอยู่ที่ 84 ล้านบาท (+12%YoY, +88%QoQ)
- อัตรากำไรขึ้นต้นที่ 46.5% (-65 bps YoY, +27 bps QoQ) ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากมีการรับรายได้ JV ในสัดส่วนที่มากขึ้น (JV อัตรากำไรขั้นต้นน้อยกว่าอัตรากำไรธุรกิจเดิม) ซึ่งจะไปรับรู้เป็นส่วนแบ่งกำไรแทนปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบไตรมาสก่อน เนื่องจากการประหยัดต่อขนาด
- สัดส่วนค่าใช้จ่ายในการบริหารต่อรายได้ คิดเป็น 28.3% (-23 bps YoY, -39 QoQ) หรือ 109 ล้านบาท ในงวด 3Q24 ใกล้เคียงไตรมาสก่อน แต่เนื่องจากสัดส่วนต้นทุนของค่าจ้างพนักงานคิดเป็น 80% ของต้นทุน ทั้งหมด เมื่อรายได้ปรับตัวขึ้น ส่งผลให้เกิดการประหยัดต่อขนาด
- ส่วนแบ่งกำไรจาก JV ที่ 21 ล้านบาท (+135%YoY, +100%QoQ) เติบโตโดดเด่นจาก ORBIT ที่ส่งมอบงานได้ต่อเนื่อง
ปรับลดประมาณการกำไรปี 24/25 แต่คงมุมมองเชิงบวกในระยะยาว
- เราปรับลดประมาณการกำไรในปี 24/25 ลง -10%/-10% เป็น 296 ล้านบาท (+9% YoY) และ 375 ล้านบาท (+27%) ตามลำดับ เนื่องจาก 1.อัตรากำไรขั้นต้นที่ต่ำกว่าคาดเล็กน้อย 2.การรับรู้รายได้ช้ากว่าคาดเล็กน้อย โดยคาดการณ์กำไร 9M24 ที่ 191 ล้านบาท หรือคิดเป็น 65% ของประมาณการกำไรใหม่ของเรา
- แนวโน้มไตรมาสถัดไป คาดว่ากำไรจะทำจุดสูงสุดใหม่ เนื่องจาก 1.เข้าสู่ฤดูกาลส่งมอบงานใน 2H24 2.ปริมาณของ backlog ที่ทำจุดสูงสุดใหม่ใน 2Q24 ที่ 1.4 พันล้านบาท เป็นปัจจัยหนุนการรับรู้รายได้ ติดตามตัวเลข Backlog ในระยะถัดไปเพื่อประเมินผลประกอบการ
- เรายังคงมีมุมมองเชิงบวกในระยะยาว เนื่องจากเป็นธุรกิจที่อยู่ใน Digital Transformation Trend ยังคงเติบโตต่อเนื่อง Mordor intelligence คาดไทยเติบโตเฉลี่ย (CAGR) 8% จนถึงปี 2029 และ BBIK มีความสามารถในการแข่งขันที่จะช่วยหนุนการเติบโต จากประวัติการทำงานและความชำนาญที่มากขึ้นในอุตสาหกรรม อีกทั้งการเติบโตแบบ Inorganic ซึ่งคล้ายกับการเติบโตของบริษัทในอุตสาหกรรมเดียวกันที่ต่างประเทศ
ปรับคำแนะนำเป็น “ถือ”
ที่มูลค่าพื้นฐาน 44.00 บาทต่อหุ้น คำนวณด้วย วิธีคิดลดกระแสเงินสด (DCF) ด้วย WACC: 11.9%, TG: 5% เทียบเท่ากับ 19xPE’26E หรือคิดเป็นที่ PEG 1.2 เท่า เมื่อเทียบกับการเติบโตของกำไรเฉลี่ย 3 ปีข้างหน้าที่ (CAGR 17%)