Daily Focus: ลุ้นสร้างฐานบริเวณ 1,410-1,420 จุด ก่อนฟื้นตัว
2025 SET Target : 1600
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่ง Sideways ออกข้างก่อนปิดลบบางๆ 0.47 จุด ที่ระดับ 1,427.54 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4 หมื่นลบ. ภาพรวมตลาดขาดปัจจัยใหม่และสหรัฐฯ อยู่ในช่วงเทศกาล Thanksgiving สถาบันในประเทศซื้อสุทธิในตลาดหุ้น 1.2 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1.3 พันลบ. (และ Short Index Futures บางๆ 1.8 พันสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index ลุ้นสร้างฐานบริเวณ 1,410-1,420 จุด หลังจากแกว่งย่อตัวลงต่อเนื่องสัปดาห์ก่อน หลังหลุดแนวรับ 1,440+- จุด โดยสัญญาณทางเทคนิคระยะสั้น Stochastic เริ่ม Oversold ทำให้มีลุ้นฟื้นตัว ขณะที่บรรยากาศการลงทุนผ่อนคลายขึ้นบ้าง ด้าน Bond Yield สหรัฐฯย่อตัวลง ตลาดยังให้โอกาสที่ FED จะปรับลดดอกเบี้ยลงอีก 25 bps ในการประชุมเดือนนี้ด้วยความน่าจะเป็น 65% อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสัปดาห์นี้ ซึ่งจะมีตัวเลขสำคัญหลายตัว เช่น ISM ภาคการผลิตและบริการการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ตัวเลข PMI ภาคการผลิตจีน รวมถึงตัวเลขเงินเฟ้อไทย โดยจะเป็นข้อมูลสำคัญเดือนสุดท้ายก่อนที่ FED จะประชุมช่วงกลางเดือน ระยะสั้นเรามองแนวโน้มตลาดเดือน ธ.ค. จะแกว่งตัว Sideways หลังจากปรับพอร์ตตอบรับผลประกอบการ 3024 และ Outlook 4024-2025 หลังการประชุม นักวิเคราะห์ไปพอสมควร และอาจมีแรงหนุนจากเม็ดเงิน SSF TESG ท้ายปีช่วยหนุนเล็กน้อย อย่างไรก็ตามระยะกลาง-ยาวเรายังคาดหวังโมเมนตัมกำไรและเศรษฐกิจไทยจะทยอยเร่งตัวอีกครั้งใน 4024 จาก High Season ของการใช้จ่ายและการท่องเที่ยว รวมถึงปี 2025 ที่มองภาคการลงทุนทั้งรัฐและเอกชนจะเป็นหนึ่งในเครื่องยนต์หลักหนุนการเติบโต นอกจากนี้ยังมี Upside หากกนง.ลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม ส่วน Downside คาดว่ายัง ถูกจำกัดจากเม็ดเงินลงทุนของกองทุนวายุภักษ์ 1
กลยุทธ์ : เน้น Domestic Play ที่มีแนวโน้มกำไร 4Q24-2025 แข็งแกร่ง // ส่วนที่สะสมในช่วงก่อนหน้ายังถือลงทุนระยะกลาง-ยาว
หุ้นเด่นเดือน ธ.ค. : AAV, BDMS, CPALL, MAGURO, RBF
FSSIA Portfolio: BA, CHG, CALL, KTB, MTC, NSL, RBF, SEAFCO, SHR, WHA
หุ้นเด่น Finansia 2 ธ.ค. 24 : MAGURO
- แนะนำ “ซื้อ” อยู่ระหว่างปรับเพิ่มราคาเป้าหมายจากปัจจุบันที่ 22 บาท
- เบื้องต้นประเมินกำไร 4Q24 จะทำ New High ต่อเนื่องที่ 33-35 ลบ. ไหนจากรายได้ที่เติบโตต่อเนื่องตามการเปิดสาขาใหม่ ล่าสุดเตรียมเปิดตัวร้านอาหารแบรนด์ใหม่ทั้ง Tonkatsu Aoki ร้านหมูทอดจิ้มเกลือ และ CouCou เป็นรูปแบบ All-day Dining ในเดือน ธ.ค. หนุนการเติบโต
- เราอยู่ระหว่างปรับเพิ่มประมาณการกำไรจากปัจจุบันที่คาดปี 2024-25 ที่ 84 ลบ. -4% y-y และ 121 ลบ. +44% y-y ตามลำดับ ยังเป็นหุ้น Top Pick ในกลุ่มร้านอาหารที่เราชอบ
- แนวรับ 20.40//20 บาท แนวต้าน 21.50//22 บาท
Fund Flow : เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนยังคงไหลออกจากภูมิภาคต่อเนื่อง และหนาแน่นขึ้นเป็น US$1,438 ล้าน นำโดยไต้หวันและเกาหลีใต้ประเทศละ US$614-659 ล้าน ส่วนอาซียนเม็ดเงินโดยรวมยังไหลออกสูงสุดที่อินโดนีเซีย US$119 ล้าน มีเพียงเวียดนามที่ยังไหลเข้า US$13 ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนคาดว่ายังจะชะลอการไหลออกหลัง Bond Yield สหรัฐฯปรับตัวลงต่อเนื่อง ส่วนสัปดาห์นี้รอติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญหลายรายการ
ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) ERW ประกาศเช่าที่ดิน 60 ปี ขนาด 2 ไร่ บริเวณแถว BTS พร้อมพงศ์ รวมมูลค่า 6.1 พันลบ. โดยจะนำไปสร้างโรงแรมระดับ premium economy หรือ upscale คาดสร้างเสร็จในปี 2030 และหวัง IRR 8-9% เรามีมุมมองเป็นกลางต่อดีลนี้ ในแง่บวก ERW จะมี growth จาก upscale segment จากก่อนหน้านี้ที่ focus หลักอยู่ที่ Hop Inn อย่างไรก็ตาม ที่ดินที่เช่าราคาค่อนข้างสูงราว 51 ลบ./ไร่/ปี เทียบกับ Block A Siam Square ที่ CPN เช่าราว 28 ลบ./ไร่/ปี ซึ่งอาจเป็นเหตุผลที่ IRR ที่ไม่สูงมากนัก ราคาเป้าหมาย 6บาท แนะนำ “ซื้อ”
(-) IRC กำไรสุทธิ 4Q24F ที่ 10 ลบ. -93% q-q, -81% y-y เป็นกำไรที่ต่ำที่สุดในรอบ 9 ไตรมาส จากอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลงเหลือเพียง 10% ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้นจากการส่งเสริมการตลาด จากอุตสาหกรรมรถยนต์ที่ยังซบเซา และเราคาดว่าจะฟื้นตัวอย่างเร็วสุดกลางปีหน้า เราจึงปรับลดประมาณกำไรสุทธิปี FY25-FY26 ลง 10% และ 8% เหลือ 207 ลบ. -33% y-y และ 233 ลบ. +13% y-y ตามลำดับ และปรับลดราคาเป้าหมายลงเป็น 12.40 บาท ลดคำแนะนำลงเป็น “ขาย”
(0) คาดการณ์หุ้นเข้าออก SET50/100 งวด 1H25 สำหรับ SET50 คาดหุ้นเข้า BANPU SAWAD COM7 CCET หุ้นออก TIDLOR CENTEL BCP EA ส่วนด้าน SET100 คาดหุ้นเข้า CCET JTS TVO AURA หุ้นออก MBK SKY TIPH RBF โดยตลท.จะประกาศอย่างเป็นทางการช่วงกลางเดือน ธ.ค.
(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 188.59 จุด หรือ +0.42%, ปิดที่ 44,910.65 จุด ที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี อาทิ หุ้นอินวิเดีย (Nvidia) ขณะที่หุ้นกลุ่มค้าปลีกได้รับความสนใจ เนื่องจากฤดูกาลชอปปิงช่วงวันหยุดได้เริ่มต้นขึ้นแล้วในสหรัฐฯ
(+) ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก โดยได้แรงหนุนจากการทะยานขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่นักลงทุนวิเคราะห์ข้อมูลเงินเฟ้อของยูโรโซนเพื่อประเมินแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.
(+) ตลาดเอเชียเปิดบวก รอการรายงายตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของประเทศ ต่างๆ ในภูมิภาค เช่น ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, และ จีน
(+) ค่าเงินบาทแข็งค่า อยู่ที่บริเวณ 34.31 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ -0.37%
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 72 เซนต์ หรือ 1.05% ปิดที่ 68.00 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังตลาดคลายความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงด้านอุปทาน น้ำมันที่เกิดจากความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ และมีแนวโน้มว่าปริมาณน้ำมันจะเพิ่มขึ้นในปี 2568 แม้คาดว่ากลุ่มโอเปกพลัสจะยังคงปรับลดการผลิตต่อไปก็ตาม ในขณะที่เช้านี้เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 68.02 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ 0.03%
(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 41.10 ดอลลาร์ หรือ 1.56% ปิดที่ 2,681.00 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์และความตึงเครียดด้านการเมืองระหว่างประเทศที่ยังคงดำเนินต่อไป แต่สัญญาทองคำปรับตัวลงรายเดือนมากที่สุดนับตั้งแต่เดือน ก.ย. ปีที่แล้ว โดยเผชิญแรงขายหลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง ในขณะที่เช้านี้ลดลงอยู่ที่ระดับ 2,658.00 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ -0.86%
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 878.55/-
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
2 ธ.ค. | จีน: Caixin Manufacturing PMI (พ.ย.) สหรัฐ: ISM Manufacturing PMI (พ.ย.) |
3 ธ.ค. | สหรัฐ: JOLT Job Opening (ต.ค.) |
4 ธ.ค. | สหรัฐ: ISM services PMI (พ.ย.) ออสเตรเลีย: 3Q24 GDP growth |
5 ธ.ค. | สหรัฐ: Initial Jobless Claims (พ.ย.) กลุ่มโอเปก: ประชุม OPEC และ Non- OPEC Ministerial |
6 ธ.ค. | ไทย: เงินเฟ้อ (พ.ย.) สหรัฐ; Non-Farm Payrolls (พ.ย.) |