KS Daily View 02.12.2024 >>> SET ต่ำสุดรอบ 5 เดือน แต่ประเมิน Downside จำกัดในเดือนนี้ มอง SET กรอบที่ 1,420 – 1,440 จุด แนะนำ SAPPE, OSP
Theme การลงทุนสัปดาห์นี้: คาดตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ยังพักตัวในกรอบ 1,410-1,440 จุด แต่ความเสี่ยงด้านลบเริ่มจำกัด แม้จะมีความขัดแย้งในตะวันออกกลางและสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่เร่งระดับขึ้น แต่ผลกระทบทั้งเชิงพื้นฐานและจิตวิทยายังจำกัด ขณะที่บรรยากาศการลงทุนอาจได้แรงหนุนจาก Bond Yield สหรัฐฯ ที่ปรับลดลงจาก 4.5% มาอยู่ที่ 4.2% หลังตลาดคาดหวังการลดดอกเบี้ยของ Fed ในเดือน ธ.ค. ส่งผลให้ดัชนีค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงมาที่ 105-106 จากระดับสูงสุดรอบปีที่ 108 ในช่วงกลางเดือน พ.ย. นอกจากนี้ยังอาจมีแรงหนุนจากเม็ดเงินกองทุนลดหย่อนภาษีที่อาจเข้าซื้อหากตลาดย่อตัวในเดือนนี้ สัปดาห์นี้มีตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญที่ต้องติดตามทั้งในและต่างประเทศ สำหรับสหรัฐฯ มีรายงานดัชนีภาคการผลิต ISM ต้นสัปดาห์ที่คาดจะปรับตัวดีขึ้น และตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรวันศุกร์ที่น่าจะฟื้นตัวหลังได้รับผลกระทบจากการประท้วงและเฮอริเคนในเดือนก่อน แต่ตลาดอาจให้น้ำหนักกับอัตราการว่างงานที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นมากกว่า เนื่องจากเป็นข้อมูลที่น่าเชื่อถือกว่า ส่วนไทยมีรายงานเงินเฟ้อวันอังคารที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากฐานต่ำปีก่อน แต่แรงกดดันเงินเฟ้อที่แท้จริงยังต่ำและการปล่อยสินเชื่อชะลอตัว อาจมีเม็ดเงินเข้าเก็งกำไรประเด็นการลดดอกเบี้ยในการประชุม กนง. 17 ธ.ค. แนะนำเก็งกำไรในหุ้นMTC TIDLOR GPSC SAV SAPPE
แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศวันนี้: ตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,427.54 จุด ปิดลบเป็นเดือนแรกในรอบ 5 เดือน โดยมีเพียงกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ และท่องเที่ยวที่ปิดบวกได้ในเดือนที่แล้ว อย่างไรก็ตามเรามอง Downside ในช่วงที่เหลือของปีน่าจะจำกัดจากการที่ค่าเงินบาทแข็งค่ามาที่ 34.3 รวมถึงการที่ SET Index ไม่เคยติดลบ 2 ปีติดต่อกัน นับตั้งแต่หลังวิกฤตต้มยำกุ้ง โดยสิ้นปีที่แล้วดัชนีปิดที่ 1,415.85 จุด เรามองแนวรับบริเวณ 1,410 – 1,415 เป็นระดับที่มีนัยสำคัญในช่วงที่เหลือของปีนี้ วันนี้เราประเมินกรอบไว้ที่ 1,420 – 1,440 แนะนำ SAPPE, OSP
ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:
1. กระทรวงการคลังร่วมกับสถาบันการเงินของรัฐ 8 แห่ง ออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยวงเงินรวมกว่า 94,000 ล้านบาท ครอบคลุมผู้ได้รับผลกระทบกว่า 740,000 ราย โดยมีทั้งมาตรการพักชำระหนี้ ลดดอกเบี้ย และสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) วงเงิน 50,000 ล้านบาท พร้อมเตรียมขยายวงเงินเพิ่มอีก 50,000 ล้านบาท เพื่อช่วยฟื้นฟูคุณภาพชีวิตและการประกอบอาชีพของผู้ประสบภัย
2. ที่ประชุม ครม.สัญจรที่เชียงใหม่ เห็นชอบการปรับเพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุแบบขั้นบันไดจาก 600-1,000 บาท เป็น 700-1,250 บาท ปรับเบี้ยคนพิการเป็น 1,000 บาทแบบถ้วนหน้า และให้เงินอุดหนุนเด็กแรกเกิดเดือนละ 600 บาทแบบถ้วนหน้าโดยไม่ต้องคัดกรองรายได้ ครอบคลุมตั้งแต่ในครรภ์ 4 เดือน รวมถึงมีนโยบายยกระดับสวัสดิการแรงงานนอกระบบด้วย
3. กระทรวงพาณิชย์ปิดดีลเจรจาความตกลงการค้าเสรี (FTA)ฉบับแรกของไทยกับกลุ่มประเทศยุโรป EFTA (สวิตเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ และลิกเตนสไตน์) ครอบคลุม 15 ประเด็นสำคัญ โดยใช้เวลาเจรจา 2 ปี และมีกำหนดลงนามในเดือนมกราคม 2568 ปัจจุบันมูลค่าการค้ารวมระหว่างไทยกับ EFTA อยู่ที่ 10,293.53 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 2.03% ของการค้าทั้งหมดของไทยกับโลก
4. โดนัลด์ ทรัมป์ ออกมาเตือนกลุ่มประเทศ BRICS ว่าอย่าพยายามสร้างสกุลเงินใหม่หรือใช้สกุลเงินอื่นมาแทนที่ดอลลาร์สหรัฐในการค้าระหว่างประเทศ โดยขู่ว่าจะเก็บภาษีนำเข้า 100% กับประเทศที่พยายามทำเช่นนั้น และจะไม่อนุญาตให้ส่งสินค้าเข้ามาขายในตลาดสหรัฐฯ
5. กองกำลังป้องกันอิสราเอล (IDF) ได้ส่งเครื่องบินรบโจมตีแท่นยิงขีปนาวุธของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ทางตอนใต้ของเลบานอน หลังตรวจพบความเคลื่อนไหวของกลุ่มก่อการร้าย แม้จะมีข้อตกลงหยุดยิงระหว่างทั้งสองฝ่ายที่เพิ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันพุธที่ผ่านมา
6. ยอดขายสินค้าออนไลน์ในช่วงเทศกาล Black Friday ของสหรัฐฯ เติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ 14.6% เมื่อเทียบกับปีก่อน ในขณะที่ยอดขายหน้าร้านเพิ่มขึ้นเพียง 0.7% โดยเมื่อรวมยอดขายทั้งออนไลน์และหน้าร้านแล้วเพิ่มขึ้น 3.4% สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคที่หันมาซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น
7. ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนในเดือนพฤศจิกายนอยู่ที่ 50.3 เพิ่มขึ้นจาก 50.1 ในเดือนตุลาคม แสดงถึงการขยายตัวต่อเนื่องหลังจากรัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ภาคบริการและการก่อสร้างลดลงมาอยู่ที่ 50 และจีนยังเผชิญความท้าทายใหม่จากชัยชนะของทรัมป์ในการเลือกตั้งสหรัฐฯ ที่อาจนำไปสู่การขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนอย่างรุนแรง
Daily pick
SAPPE : ราคาพื้นฐาน 82.20 บาท
เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ SAPPE หลังจากประสบปัญหาในไตรมาส 3/2567 โดยคาดว่าไตรมาส 4/2567 จะกลับมาเติบโตเมื่อเทียบกับปีก่อนได้ตามเดิม ส่งผลให้ทั้งปียังเติบโตด้านรายได้ที่ 15-20% โดยคาดว่าปัญหาของผู้จัดจำหน่ายในอินโดนีเซียจะเริ่มกลับสู่ภาวะปกติ และการทำการตลาดในอนาคตจะเน้นการปรับให้เข้ากับตลาดท้องถิ่นมากขึ้น นอกจากนี้ประเมินว่า SAPPE จะได้ประโยชน์จากต้นทุนขวด PET ที่ลดลงตามราคา PET resin ที่ปรับตัวลดจาก 1,000 ดอลลาร์ต่อตันเหลือ 900-920 ดอลลาร์ต่อตัน คาดว่าหากราคาน้ำมันลดลงในปีหน้าจะช่วยเสริมการเติบโตของกำไรในปี 2568 โดยปัจจุบันSAPPE มีมูลค่าที่ไม่แพงเมื่อเทียบกับการเติบโตปี 2568 ที่ตั้งเป้า 15-20% พร้อมอัตราเงินปันผลราว 4%
OSP: ราคาพื้นฐาน 29.10 บาท
เรามีมุมมองเชิงบวกต่อเนื่องสำหรับ OSP โดยคาดว่าจะรายงานกำไรไตรมาส 4/2567 กลับมาเติบโตแข็งแกร่งหลังจากขายธุรกิจที่ไม่ใช่ธุรกิจหลักออกไปหมดแล้ว และคาดว่าจะได้ส่วนแบ่งตลาดกลับคืนมาบางส่วนหลังปัญหาน้ำท่วมในภาคเหนือและอีสานคลี่คลาย นอกจากนี้การเติบโตในต่างประเทศยังทำได้ดีโดยเฉพาะในพม่า และคาดว่า OSP จะได้ประโยชน์จากราคา LNG ที่ลดลงในอนาคต เนื่องจากมีสัดส่วนต้นทุนก๊าซธรรมชาติ 7-10% ของต้นทุนขายทั้งหมด อีกทั้งปัจจุบันมีมูลค่าที่ไม่แพง พร้อมเงินปันผล 4-5% ส่งผลให้คาดว่ามีความเสี่ยงขาลงที่จำกัด
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
วันจันทร์ ติดตามการรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของไทย (S&P Global Thailand Manufacturing PMI) เดือน พ.ย. เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 50 จุด ต่อด้วยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตของจีน (Caixin Manufacturing PMI) เดือน พ.ย. เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 50.3 จุด และปิดท้ายด้วย ตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตของสหรัฐ (ISM Manufacturing PMI) เดือน พ.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ 47.6 จุดปรับตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 46.5 จุด
วันอังคาร ติดตามตัวเลขตำแหน่งงานว่างเปิดใหม่ของสหรัฐ (JOLTS Job openings) เดือน ต.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 7.51 ล้านตำแหน่งเร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 7.44 ล้านตำแหน่ง
วันพุธ ติดตามตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการของจีน (Caixin Service PMI) เดือน พ.ย. เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 52.0 จุด ต่อด้วยตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการบริการของสหรัฐ (ISM Service PMI) เดือน พ.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ 55.5 จุดปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 56.0 จุด และปิดท้ายด้วยยอดสั่งซื้อสินค้าจากโรงงาน (Factory Orders) ในสหรัฐ เดือน ต.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 0.3% MoM เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ -0.5% MoM
วันพฤหัสฯ ติดตามถ้อยแถลงของเจอโรม พาวเวลล์ ในงาน New York Times Dealbook Summit, รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ (Fed Beige Book), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐฯ (US Initial Jobless Claims) และการประชุม OPEC+
วันศุกร์ ติดตามรายงานตัวเลขเงินเฟ้อพื้นฐานของไทย (TH CPI)เดือน พ.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ 1.20% YoY ปรับตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 0.83% YoY และตัวเลขเงินเฟ้อที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน (TH Core CPI) เดือน ต.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 0.76% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 0.77% YoY ต่อด้วยตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐที่รายงานการจ้างงานนอกภาคการเกษตร (Nonfarm payrolls) เดือน พ.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ 200,000 ตำแหน่งเร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 12,000 ตำแหน่ง ต่อด้วยตัวเลขอัตราการว่างงาน (Unemployment rate) เดือน พ.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ 4.1% ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า