Daily Focus: SET มีโอกาสซึมตัวลงต่อ กดดันจากทั้ง Sentiment ต่างประเทศและภาพเทคนิคตลาด
2025 SET Target : 1600
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ฟื้นตัวได้ในช่วงแรก นำโดย DELTA ที่หลุด Cash Balance และปรับตัวขึ้นแกร่ง อย่างไรก็ตาม ดัชนีย้อนลงมาปิดในแดนลบ 3.16 จุด ที่ระดับ 1,439.89 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่สูงขึ้นเป็น 4.1 หมื่นลบ. ถูกกดดันจากหุ้นขนาดใหญ่เช่น BDMS GULF INTUCH PTTEP PTT CPALL CPN เป็นต้น สถาบันในประเทศซื้อสุทธิในตลาดหุ้นบางลงเหลือ 263 ลบ. ส่วนนักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิอีก 1.5 พันลบ. (แต่ Long Index Futures สุทธิบางๆ 2.7 พันสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index มีโอกาสซึมตัวลงหาแนวรับ 1,430-1,435 จุด จากบรรยากาศการลงทุนที่พลิกมาเป็นลบ หลังล่าสุดตัวเลขเงินเฟ้อ PPI สหรัฐฯเดือนพ.ย. ออกมาสูงกว่าคาด +0.4% m-m (ตลาดคาด +0.2% m-m) ซึ่งแม้ตลาดจะยังคงประเมินว่า FED จะยังเดินหน้าลดดอกเบี้ยลงในการประชุมสัปดาห์หน้าอีก 25 bps สู่ระดับ 4.25-4.50% แต่มีความไม่แน่นอนมากขึ้นสำหรับการปรับลงในปี 2025 ส่งผลให้ Dollar Index และ Bond Yield ดีดตัวขึ้น กดดันสินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้งโดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยีที่เผชิญแรงขาย ส่วนฝั่งเอเชียรวมถึงไทยคาดยังเห็นกระแสเงินทุนที่ไหลออกตามทิศทางค่าเงินในภูมิภาค ส่วนปัจจัยในประเทศการประชุมบอร์ดไตรภาคีในการขึ้นค่าแรงขึ้นต่ำ 400 บาท ยังไม่ได้ข้อสรุปและนัดประชุมอีกครั้งวันที่ 23 ธ.ค. หากผลออกมาชัดเจนจะเป็นบวกต่อกลุ่ม Domestic Play โดยเฉพาะการบริโภค เช่น ค้าปลีก อาหาร ไฟแนนซ์ รวมถึงผลบวกจากมาตรการแก้หนี้ “คุณสู้ เราช่วย” ในปีหน้า ระยะสั้นเรายังมองดัชนีอยู่ในช่วงแกว่งสร้างฐาน โดย Downside ยังถูกจำกัดด้วยแรงซื้อของสถาบันในประเทศทั้ง VAYU1รวมถึง SSF TESG ช่วงท้ายปี โดยเรามองแนวรับบริเวณ 1,400+- จุด ส่วนระยะกลาง-ยาว ยังคาดหวังภาพเศรษฐกิจไทยที่อยู่ในช่วงทยอยเร่งตัวใน 4Q24 จาก High Season ของการใช้จ่ายและการท่องเที่ยว รวมถึงปี 2025 ที่มองภาคการลงทุนทั้งรัฐและเอกชนจะเป็นหนึ่งในเครื่องยนต์หลักหนุนการเติบโต จะช่วยหนุนให้ดัชนีทยอยไต่ระดับขึ้นในปีหน้า
กลยุทธ์ : เน้น Domestic Play ที่มีแนวโน้มกำไร 40Q24-2025 แข็งแกร่ง // ส่วนที่สะสมในช่วงก่อนหน้ายังถือลงทุนระยะกลาง-ยาว
หุ้นเด่นเดือน ธ.ค. : AAV, BDMS, CPALL, MAGURO, RBF
FSSIA Portfolio: BA, CHG, CPALL, KTB, MTC, NSL, RBF, SEAFCO, SHR, WHA
หุ้นเด่น Finansia 13 ธ.ค. 24 : SHR
- แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 3.80 บาท
- คาดผลการดำเนินงาน 4Q24 แข็งแกร่งด้วยเป้า RevPar ที่คาดเติบโต 10-15% ซึ่งคาด 4Q24 น่าจะสามารถพลิกกลับเป็นกำไรได้ โครงการปรับปรุงโรงแรม SAii Laguna Phuket คาดจะเสร็จเร็วกว่าแผน อีกทั้งโรงแรม SO/Maldives เข้าสู่ High season
- บริษัทคาด RevPar ปี 2025 จะเติบโต 13-15% y-y ทำให้เรายังคงคาดกำไรปกติปี 2025 จะเร่งขึ้นเป็น 367 ลบ. +145% y-y จุดเด่นยังคงเป็น Valuation ที่ถูก โดยเทรด PBV เพียง 0.5 เท่า
- แนวรับ 2.34-2.32 บาท แนวต้าน 2.48-2.50//2.80 บาท
Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนยังคงไหลออกจากภูมิภาคสุทธิ US$431 ล้าน ผิดจากที่คาดว่าจะพลิกมาไหลเข้า เม็ดเงินไหลออกนำโดยไต้หวัน US$177 ล้าน รองลงมาคือ อินโดนีเซีย US$137 ล้าน ส่วนเกาหลีใต้และไทยไหลออกประเทศละ US$45-55 ล้านแนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังอยู่ในทิศทางไหลออกหลังเงินเฟ้อ PPI สหรัฐฯเดือนพ.ย. สูงกว่าคาด ทำให้ตลาดไม่มั่นใจต่อการลดดอกเบี้ยของ FED ในปีหน้า ขณะที่ Dollar Index แข็งค่าขึ้นกดดันค่าเงินสกุลเอเชียอ่อนค่า
ประเด็นสำคัญวันนี้
(-) ครม.อนุมัติกฎหมายจัดเก็บภาษี Global Minimum Tax ขั้นต่ำ 15% ตามกติกาของ OECD โดยแนวทางจัดเก็บภาษีนิติบุคคลต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทยขั้นต่ำ 15% เพื่อสร้างความเท่าเทียมในการแข่งขันระดับโลก เกณฑ์การจัดเก็บ GMT 15% ของไทยที่ปัจจุบันได้สิทธิพิเศษ BOI ทำให้อัตราภาษีที่แท้จริงต่ำกว่า 15% จึงน่าจะต้องถูกจัดเก็บเพิ่ม หลังจากนี้ ต้องเสนอ พรก. ทั้ง 2 ฉบับไปยัง สนง.คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบ หลังจากนั้นจึงเข้าสู่ขั้นตอนของสภาฯต่อไป เพื่อให้มีผลบังคับใช้ในปี 2025 สำหรับบริษัทในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ และกลุ่มอาหารที่เข้าเกณฑ์ และอาจต้องถูกจัดเก็บ GMT เพิ่มเป็น 15% ซึ่งกรณีมีการปรับขึ้นภาษีดังกล่าวจริงจะกระทบกำไรทั้งปีของ DELTA ที่ประมาณ 13%, TU ราว 5.7% และ STA ประมาณ 3.6% ส่วน CPF มีผลกระทบจำกัด อย่างไรก็ตาม นี่เป็นการประเมินเบื้องต้น ซึ่งยังต้องติดตามรายละเอียดวิธีการคำนวณของภาครัฐ รวมถึงแนวทางการช่วยเหลือหรือการผ่อนปรนของ BOI ด้วย
(-) MEGA เราปรับลดประมาณการกำไรปี 2024-26 ลง 10%/6%/2% ตามลำดับ เนื่องจากสถานการณ์ในเมียนมาร์ยังไม่มีพัฒนาการที่ดีขึ้น เราคาดรายได้จากธุรกิจ Distribution ในปี 2025 จะทำได้เพียงทรงตัว y-y หลังจากคาดว่าลดลง 12.2% y-y ในปี 2024 แต่เนื่องจากธุรกิจ Distribution คิดเป็นสัดส่วน 45% ของรายได้รวม ในขณะที่รายได้หลัก 53% มาจากธุรกิจ Brand ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่ามาก และมีความทนทาน ต่อเศรษฐกิจมากกว่า จึงทำให้กำไรสุทธิในปี 2024-26 ยังเติบโตได้ 11%/11%/9% ตามลำดับ ปรับใช้ราคาเป้าหมายปี 2025 ที่ 45 บาท Valuation ถูก ยังแนะนำ “ซื้อ”
(0) คาดการณ์หุ้นเข้าออก SET50/100 งวด 1H25 สำหรับ SET50 คาดหุ้นเข้า BANPU SAWAD COM7 CCET หุ้นออก TIDLOR CENTEL BCP EA ส่วนด้าน SET100 คาดหุ้นเข้า CCET JTS TVO AURA หุ้นออก MBK SKY TIPH RBF โดยตลท.จะประกาศอย่างเป็นทางการช่วงกลางเดือน ธ.ค.
(-) ตลาดดาวโจนส์ลดลง 234.44 จุด หรือ -0.53%, ปิดที่ 43,914.12 จุด โดยตลาดถูกกดดันจากดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐฯ ที่ออกมาสูงเกินคาด และจากการที่นักลงทุนเทขายทำกำไร
(-) ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ หลังจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ตามคาด และส่งสัญญาณที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจท่ามกลางความเสี่ยงทางการเมืองที่เพิ่มขึ้น
(-) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดลบตามตลาดสหรัฐ รับข่าวตัวเลข PPI ที่ออกมาสูงเกินตลาดคาด
(-) ค่าเงินบาทอ่อนค่า อยู่ที่บริเวณ 33.94 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ 0.21% (-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 27 เซนต์ หรือ 0.38% ปิดที่ 70.02 ดอลลาร์/บาร์เรลหลังจากสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ออกรายงานเตือนเกี่ยวกับภาวะ น้ำมันลันตลาดในปี 2568 ในขณะที่เช้านี้ลดลงอยู่ที่ระดับ 69.90 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -0.17%
(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 47.30 ดอลลาร์ หรือ 1.7% ปิดที่ 2,709.40 ดอลลาร์/ออนซ์ ปิดร่วงลงกว่า 1% เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากราคาทองคำทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 5 สัปดาห์เมื่อวันพุธ นอกจากนี้ นักลงทุนได้ปรับโพสิชันการลงทุนก่อนการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในสัปดาห์หน้า ในขณะที่เช้านี้ลดลงอยู่ที่ระดับ 2,705.60 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ -0.14%
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 868.50/ -0.56%