Daily Focus: Sector-Stock Rotation ยังหนุน แม้ Upside Index ยังจำกัด

2025 SET Target: 1600

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัว Sideways สลับทั้งในแดนบวกและลบ ก่อนปิดบวกบางๆ 1 จุด ที่ระดับ 1,257.48 จุด ด้วยมูลค่าการซือขาย 4.7 หมื่นลบ. อย่างไรก็ตาม หากตัด DELTA ออก ดัชนีจะบวกได้เกือบ 10 จุด นำโดยกลุ่ม ค้าปลีก ธนาคาร อาหาร ท่องเที่ยว เป็นต้น สถาบันในประเทศพลิกมาซื้อสุทธิในตลาดหุ้น 1.4 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติมีสถานะทรงตัว (สถานะสุทธิใน Index Futures แต่ละกลุ่มวานนี้เบาบางไม่มีนัยยะ)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index แกว่งตัว Sideways โดย Upside ของดัชนียังถูกจำกัดจากการเคลื่อนไหวของ DELTA ขณะที่ประเด็นต่างประเทศมีแรงกดดันอ่อนๆ หลังทรัมป์ประกาศจะเก็บภาษีสินค้ารถยนต์ ชิป และยาจากต่างประเทศ 25% เริ่มวันที่ 2 เม.ย. เพื่อให้เกิดการเข้ามาลงทุนตั้งโรงงานในสหรัฐฯ แทน ขณะที่ US Bond Yield และ Dollar Index ขยับตัวขึ้นหลังประธานหลายสาขาออกมาให้ความเห็นในทางเดียวกันว่าควรจะตรึงดอกเบี้ยไปอีกระยะหนึ่ง จากเศรษฐกิจที่ยังแข็งแรงและเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูง โดยคืนนี้ติดตามรายงานการประชุม FED ว่าจะมีรายละเอียดหรือข้อมูลเพิ่มเติมในทิศทางใด อย่างไรก็ตาม เรายังมองว่าเม็ดเงินที่ออกจาก DELTA ในระยะนี้ยังคงเกิด Sector และ Stock Rotation เข้าหากลุ่มอื่นๆ ให้ปรับตัวได้แข็งแกร่งและสวนทางดัชนี ส่วนปัจจัยหนุนในประเทศยังอยู่ที่พัฒนาการข่าวมาตรการกระตุ้นตลาดหุ้นเพื่อลดผลกระทบจากแรงขาย LTF ที่ครบกำหนด โดยเฉพาะการหารือระหว่าง SET FETCO และคลังฯ ส่วนน้ำหนักสูงสุดของเรายังคงอยู่ที่การประกาศผลประกอบการบจ.4Q24 ฝั่ง Real Sector ซึ่งเท่าที่ประกาศออกมาล่าสุดไม่ได้ต่ำกว่าที่ตลาดคาดอย่างมีนัยยะ และนำไปสู่การปรับลดประมาณการกำไรปี 2025 อย่างรุนแรง โดยต้องติดตามต่อถึงสิ้นสุดสัปดาห์หน้า ระยะสั้นคาดหุ้นที่มีกำไรแข็งแกร่งและมีแนวโน้มดีต่อในปี 2025 คาดว่าจะปรับตัวได้แข็งแกร่งกว่าตลาด ขณะที่ Valuation ปัจจุบันของ SET ที่ค่อนข้างถูก โดยเทรุด PER ราว 13 เท่า และมี Earnings Yield Gap กว่า 5% ยังเน้นหุ้น Domestic Play เป็นหลัก เพื่อลดความเสี่ยงจากปัจจัยสงครามการค้าโลก

กลยุทธ์ : เน้น Domestic Play ที่มีแนวโน้มกำไร 4Q24-2025 แข็งแกร่ง // ส่วนที่สะสมหุ้นเพิ่มแล้วโซน 1,300+- หรือต่ำกว่า แนะนำถือลงทุนระยะกลาง-ยาว

หุ้นเด่นเดือน ก.พ. : BBL, CHG, CPALL, ERW, NSL

FSSIA Portfolio: BA, BBL, CHG, CPALL, MTC, NSL, RBF, SEAFCO, SHR, WHA

หุ้นเด่น Finansia 19 ก.พ. 25 : CPALL

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 83 บาท
  • กำไร 4Q24 CPAXT ที่ออกมาดีกว่าคาดเล็กน้อยเป็น Sentiment บวกหนุน CPALL โดยเรายังคงมุมมองบวกต่อแนวโน้มกำไรสุทธิ 4Q24 ที่คาด 6.5 พันลบ. +6% q-q, +16% y-y หนุนจาก SSSG ที่เป็นบวกในทุก Format 
  • ปัจจุบันเราคาดกำไร 2024-25 ที่ 2.5 หมื่นลบ. +37% y-y และ 2.8 หมื่นลบ. +12% y-y ตามลำดับ ราคาหุ้นปัจจุบันเทรด 2025PER ต่ำเพียง 16.7 เท่า ขณะที่ดีลโอกาสเข้าลงทุนใน Seven & I Holding หากได้ข้อสรุป คาดว่าจะช่วยปลดล้อคปัจจัย Overhang โดยเฉพาะหากไม่ได้เข้าลงทุนเชื่อว่าตลาดจะตอบรับเชิงบวก
  • แนวรับ 50-49.50//47 บาท แนวต้าน 53-53.50 บาท 

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) CPAXT กำไรสุทธิ 4Q24 ที่ 4 พันลบ. +85q-q จากปัจจัยฤดูกาล, +22% y-y จากรายได้ที่เติบโตดีและอัตรากำไรขึ้นต้นเพิ่มขึ้น ส่วน SSSG ของธุรกิจค้าส่ง +3% Y-Y และค้าปลีก +1.9% ตามการขยายสาขา จบปี 2024 มีกำไรปกติ 1.08 หมื่นลบ. +23% y-y ตามที่เราคาดแต่สูงตลาดคาด 6% แนวโน้ม SSSG เดือนม.ค. 2025 โต 1-3% และ ค้าปลีกโต 4-6% และยังมีโมเมนตัมในทางบวก คงประมาณการกำไรและราคาเป้าหมาย 34 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”

(0) MTC กำไรสุทธิ 4Q24 ที่ 1.54 พันลบ. +14% y-y, +4% q-q หลักๆ มาจากคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีกว่าคาด NPL ลดลงเหลือ 2.75% และการตั้งสำรองลดลงเหลือ 2.8% แต่ NIM ลดลง q-q จากทั้ง Funding Cost และ Loan Yield สินเชื่อเติบโต 15% y-y ตามที่เราคาด คงประมาณการและราคาเป้าหมาย 60 บาท MTC เป็นหุ้นเด่นในกลุ่ม จากคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีและแนวโน้มต้นทุนดอกเบี้ยที่จะลดลง ยังแนะนำ “ซื้อ”

(+) SFLEX คาดกกำไรปกติ 4Q24 อยู่ในระดับสูง 76 ลบ. ทรงตัว q-q แต่ก้าวกระโดด 80% y-y และทำให้กำไรทั้งปีทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เราปรับเพิ่มกาไรปี 2025 ขึ้น 4.2% อย่างไรก็ตาม แม้จะทำนิวไฮแต่อัตราการเติบโตชะลอลงเป็น 6.4% Y-Y หลังจากโตในอัตราเร่งติดต่อกัน 2 ปี ได้ราคาแป้าหมายใหม่ 4.70 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”

(0) TU แนวโน้ม 1Q25 จะชะลอตัว y-y และค่าใช้จ่ายจะสูงขึ้นจากทั้ง transformation cost และค่าใช้จ่ายการตลาด เพราะปีนี้จะเน้น brand มากขึ้น บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2025 โต 3-4% TU ประมาณการภาษีจ่ายปี 2025 จาก GMT จะเพิ่มขึ้นราว 300-350 ลบ. เราปรับประมาณการกำไรปี 2025 ขึ้น 3% เป็น +3% y-y แต่กำไรต่อหุ้นปรับเพิ่มขึ้น 6.5% จากผลการซื้อหุ้นคือทำให้จำนวนหุ้นทุนจดทะเบียนลดลง ได้ราคาเป้าหมายใหม่ 15 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”

(0) ILM คาดกำไรสุทธิ 4Q24 ที่ 182 ลบ. -6% q-q, -7% y-y โดยน่าจะลดลง q-q จากอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลงและ y-y จากสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ลดลง Index Living Mall กำลังกลับมาขยายสาขา โดยวางแผนเปิดสาขา อย่างไรก็ตามเราปรับประมาณการกาไรสุทธิลงเล็กน้อยโดยปี 2025 คาด +7% Y-Y ได้ราคาเป้าหมายใหม่ 17 บาท Div. yield 8% ยังแนะนำ “ซื้อ”

(0) SEAFCO คาดขาดทุนสุทธิ 4Q24 ที่ 24 ลบ. เพิ่มขึ้นจากขาดทุน 11 ลบ. ใน 3Q24 และกำไร 36 ลบ. ใน 4Q23 สาเหตุหลักมาจากช่วงรอยต่อของานมีวันหยุดจำนวนมาก และ cost overrun คาดจบปี 2024 มีกำไรสุทธิที่ 4 ลบ. -98% y-y อย่างไรก็ดี ปัจจุบันมี Backlog 1.7 พันลบ. สูงสุดในรอบ 4 ปี มีทิศทางขาขึ้นและมีศักยภาพรับงานเพิ่มอีกมาก คาดผลประกอบการเร่งขึ้นเด่นตั้งแต่ 2025 จากรถไฟฟ้าสายสีส้ม คงคาดกำไรสุทธิปี 2025 โตก้าวกระโดดเป็น 148 ลบ. คงราคาเป้าหมาย 3 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”

(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 10.26 จุด หรือ +0.02%, ปิดที่ 44,556.34 จุด ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน รวมทั้งรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้

(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวกที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ขณะที่นักลงทุนคาดว่ามีแนวโน้มที่การใช้จ่ายด้านการทหารอาจเพิ่มขึ้นในยุโรป ขณะที่มีการเจรจาสันติภาพเพื่อยุติสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน

(-) ตลาดหุ้นเอเชีย ส่วนใหญ่เปิดลบ สวนทางกับตลาดสหรัฐฯ รอรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC Minutes) คืนนี้

(+) ค่าเงินบาทแข็งค่าอยู่ที่บริเวณ 33.66 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ หรือ -0.20%

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 1.11 ดอลลาร์ หรือ 1.57% ปิดที่ 71.85 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากมีรายงานว่ายูเครนได้ส่งโดรนโจมตีท่อส่งน้ำมันในรัสเซีย อย่างไรก็ดี รายงานข่าวเกี่ยวกับการเจรจาสันติภาพเพื่อยุติสงครามในยูเครนได้ส่งผลให้ราคาน้ำมันลดช่วงบวก ในขณะที่เช้านี้ลดลงอยู่ที่ระดับ 71.75 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -0.14%

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 48.30 ดอลลาร์ หรือ 1.67% ปิดที่ 2,949.00 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของมาตรการภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ในขณะที่เช้านี้เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 2,953.20 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ 0.14%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 869.94/ 0.80%

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

19 ก.พ.อังกฤษ: เงินเฟ้อ (ม.ค.)

สหรัฐ: FOMC minutes

20 ก.พ.สหรัฐ: Initial Jobless Claims (ก.พ/15)

จีน: Loan Prime Rate 1Y

21 ก.พ.สหรัฐ: Existing Home Sale (ม.ค.)

อังกฤษ: Retail Sales (ม.ค.)

24 ก.พ.ยุโรโซน: เงินเฟ้อ (ม.ค.)
25 ก.พ.ไทย: ส่งออก (ม.ค.)
- Advertisement -