KS Daily View 21.02.2025>>> S&P 500 ปรับตัวลงกังวลการใช้จ่ายผู้บริโภค หลัง Walmart ให้ Guidance ไม่สดใส และทำให้กลุ่มการเงินปรับตัวลงตามด้วย ตลาดหุ้นไทยลงแรง กดดันจากหุ้นโซนบนอย่าง ICT ที่เผชิญแรงขาย ประเมินแนวรับถัดไปที่ 1,230 หุ้นแนะนำ SC, PTT

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ:

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลงจากความกังวลเกี่ยวกับการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่อาจชะลอตัว หลังจาก Walmart ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐฯ และมักถูกใช้เป็นตัวชี้วัดสุขภาพของภาคการบริโภค ได้ออกมาให้คาดการณ์การเติบโตของยอดขายในปีงบประมาณหน้าที่เพียง 3-4% ลดลงจาก 5% ในปีที่ผ่านมาการปรับลดคาดการณ์ของ Walmart ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างในตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มค้าปลีก เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าความไม่แน่นอนจากนโยบายภาษีนำเข้าของประธานาธิบดีทรัมป์อาจส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค ส่งผลให้หุ้น Walmart ร่วงลงถึง 7% และฉุดหุ้นค้าปลีกรายอื่นๆ ลงตามไปด้วย ความกังวลนี้ยังลุกลามไปยังหุ้นกลุ่มการเงิน ส่งผลให้ดัชนี Dow Jones ลดลง 1.01% S&P 500 ลดลง 0.43% และ Nasdaq Composite ลดลง 0.47%

ตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,245.61 จุด ปรับตัวลงแรงราว 17 จุด โดยเป็นนักลงทุนต่างชาติที่กลับมาขายสุทธิ 2,820 ล้านบาท แรงกดดันหลักมาจากการขายทำกำไรในกลุ่มที่ Outperform ในช่วงก่อนหน้าอย่าง GULF, ADVANC, INTUCH และ TRUE ซึ่งรวมกันแล้วกดดันดัชนีราว 11 จุด ในขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้นหนุนตลาดจากการประกาศจ่ายเงินปันผลมากกว่าตลาดคาด และกลุ่มประกันที่ผลประกอบการค่อนข้างดี หลังจาก SET หลุดแนวรับ 1,250

เราคาดว่ากรอบของตลาดวันนี้น่าจะอยู่ที่ 1,230 – 1,260 หุ้นแนะนำ SC, PTT และระวังความผันผวนจาก TRUE

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

  1. ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวว่าอาจเป็นไปได้ที่จะบรรลุข้อตกลงการค้าใหม่กับจีน แม้จะเพิ่งประกาศขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนอีก 10% เขาชื่นชมประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และกล่าวว่ามีความสัมพันธ์ที่ดีมาก แต่ไม่ได้ระบุว่าจะมีการพูดคุยกันเมื่อใด ความเห็นของทรัมป์ส่งผลให้เงินหยวนแข็งค่าขึ้น 0.2% และตลาดหุ้นจีนลดการร่วงลง อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์มองว่าเป็นเพียงความเห็นที่ไม่เป็นทางการและยังคงต้องเผชิญอุปสรรคอีกมากกว่าจะมีข้อตกลงการค้าใหม่
  • ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 5,000 ราย เป็น 219,000 ราย สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 215,000 ราย ขณะที่จำนวนผู้รับสวัสดิการต่อเนื่องเพิ่มขึ้นเป็น 1.87 ล้านราย นักเศรษฐศาสตร์จับตาผลกระทบจากการปลดพนักงานรัฐบาลกลางของทรัมป์ โดยตัวเลขผู้ว่างงานในวอชิงตัน ดี.ซี. อยู่ในระดับสูงสุดในรอบเกือบ 2 ปี อย่างไรก็ตาม ตัวเลขโดยรวมยังอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปี 2019 ก่อนโควิด
  • กระทรวงพาณิชย์เห็นชอบ 3 มาตรการช่วยเหลือข้าวนาปรัง ปี 2568 วงเงิน 1,893.53 ล้านบาท เป้าหมายดูดซับผลผลิต 3.8 ล้านตัน ประกอบด้วย 1) สินเชื่อชะลอการขายข้าวนาปรัง ช่วยค่าฝากเก็บ 1,000-1,500 บาทต่อตัน 2) ชดเชยดอกเบี้ย 6% ให้โรงสีที่รับซื้อข้าวสูงกว่าตลาด 200 บาทต่อตัน และ 3) เปิดจุดรับซื้อข้าวเปลือกโดยรัฐสนับสนุนค่าบริหาร 500 บาทต่อตัน มาตรการนี้จะช่วยให้ชาวนาขายข้าวได้ไม่ต่ำกว่า 8,000 บาทต่อตัน เริ่มดำเนินการได้ต้นเดือนมีนาคมหลังผ่านการอนุมัติจาก นบข.
  • Terminal Investment Limited (TiL) บริษัทบริหารท่าเรือระดับโลกจากสวิตเซอร์แลนด์ แสดงความสนใจลงทุนในท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 ท่าเทียบเรือ E1 และ E2 โดยโครงการนี้มีเป้าหมายเพิ่มขีดความสามารถรองรับตู้สินค้าเป็น 18 ล้าน TEU ต่อปี จากปัจจุบัน 11.1 ล้าน TEU คาดว่าจะเปิดท่าเทียบเรือ F1 ในปี 2570 และ F2 ในปี 2574 ส่วนการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนท่าเทียบเรือ E จะเริ่มในปี 2572 เพื่อให้ท่าเทียบเรือ E0 เปิดบริการได้ในปี 2575
  • ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และยูเครนเผชิญความตึงเครียดรุนแรง หลังทางการยูเครนยกเลิกการแถลงข่าวร่วมระหว่างประธานาธิบดีเซเลนสกีและนายคีธ เคลล็อกก์ ทูตพิเศษของทรัมป์ที่เดินทางมาเยือนเพื่อหารือเรื่องยุติสงคราม โดยให้มีเพียงการถ่ายภาพร่วมกัน ท่ามกลางความขัดแย้งหลังทรัมป์กล่าวหาเซเลนสกีว่าเป็นเผด็จการที่ไม่ยอมเจรจาสันติภาพ และเซเลนสกีไม่พอใจที่ถูกกีดกันจากการเจรจาระหว่างทรัมป์กับปูติน

หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:

  • SC : ราคาพื้นฐาน 3.00 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ SC จากการประกาศแผนธุรกิจและเป้าหมายปี 2568 โดยตั้งเป้ายอดขายที่ 26,000 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 4%) และรายได้พอร์ตโฟลิโอที่ 25,000 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 11%) และเชื่อว่าจะสามารถฟื้นผลการดำเนินงานหลักทั้งหมดได้ในปี 2568 จากจุดต่ำสุดที่ผิดปกติในปี 2567 โดยเฉพาะธุรกิจที่อยู่อาศัยที่มีการเปิดตัวโครงการใหม่ที่ดีหลายโครงการ SC ยังเน้นการบริหารโครงสร้างต้นทุนทั้งหมด เช่น การรวมศูนย์การซื้อวัสดุและการนำเสนอโปรโมชั่นการขายที่เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าแต่ละกลุ่มและแต่ละทำเล แม้ว่าอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจที่อยู่อาศัยในไตรมาส 4 ปี 2567 จะอ่อนแอที่ 22% แต่ด้วยกลยุทธ์ที่กล่าวข้างต้น SC คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาส 1 ปี 2568 จะปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเป็น 28-29% (ใกล้เคียงกับระดับปกติที่ 31-32%) และคาดว่าปัจจัยหลักที่หนุนกำไรจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต

  • PTT : ราคาพื้นฐาน 35.80 บาท

เราคงมุมมองเชิงบวกต่อ PTT แม้ว่ากำไรในไตรมาส 4 ปี 2567 จะต่ำกว่าที่คาดไว้จากค่าใช้จ่ายพิเศษ แต่กำไรของโรงแยกก๊าซนั้นดีกว่าที่คาด อีกทั้งมีการประกาศจ่ายเงินปันผลที่สูงกว่าคาดที่ 1.30 บาทต่อหุ้น รวมกับปันผลระหว่างกาลที่ 0.80 บาทต่อหุ้น เป็น 2.10 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลประมาณ 4.1% นอกจากนี้ เราคาดว่ากำไรในไตรมาส 1 ปี 2568 จะปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อน เนื่องจากไม่มีค่าใช้จ่ายพิเศษของ PTTGC และ PTTGM ที่ประมาณ 5.1 พันล้านบาท และคาดว่าจะมีกำไรจากสต็อกสินค้าในธุรกิจโรงกลั่นและปิโตรเคมี รวมถึงราคา Propane ที่สูงขึ้นส่งผลให้อัตรากำไรของโรงแยกก๊าซดีขึ้นด้วย

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันศุกร์ ติดตามเงินเฟ้อของญี่ปุ่นคาดไว้ที่ 3.7% YoY, 0.2% MoM เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 3.6%, 0.6% และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตเบื้องต้นเดือน ก.พ. ของญี่ปุ่นคาดไว้ที่ 49.6 ส่วนภาคบริการคาดไว้ที่ 52.2 ต่อด้วยทางยุโรปภาคการผลิตคาดไว้ที่ 46 และภาคบริการคาดไว้ที่ 50.5 และทางสหรัฐฯ ภาคการผลิตคาดไว้ที่ 51.3 และภาคบริการคาดไว้ที่ 52.7
- Advertisement -