KS Daily View 06.03.2025>>> S&P 500 ปรับตัวขึ้นหลัง ISM Services สูงกว่าคาด และการที่สหรัฐฯ เลื่อนขึ้น Tariffs ยานยนต์ต่อแคนาดา-เม็กซิโกออกไป 1 เดือน ด้านหุ้นไทย ปรับตัวขึ้น Outperform ภูมิภาค ปัจจัยภายนอกดูดีขึ้น มองวันนี้ไปต่อโดยมีกรอบ 1,180 – 1,230 หุ้นแนะนำ BA, MTC
แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ:
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ กลับมาปรับตัวขึ้น โดย Dow Jones เพิ่มขึ้น 1.14%, S&P 500 เพิ่มขึ้น 1.12% และ Nasdaq Composite เพิ่มขึ้น 1.46% แม้ตัวเลขเศรษฐกิจอย่างการจ้างงานที่รายงานโดย ADP จะออกมาเพียง 77,000 ตำแหน่ง แต่ตัวเลขสำคัญอย่าง ISM Services ออกมาที่ 53.5 สูงกว่าคาด แม้ Price (ต้นทุน) จะเพิ่มขึ้นมาก แต่ Employment (การจ้างงาน) ก็เร่งตัวขึ้นด้วยเช่นกัน ทำให้ 10Y Bond Yield เริ่มทรงตัวได้ที่ระดับ 4.2% นอกจากนี้ยังมีปัจจัยหนุนอย่างสหรัฐฯ ประกาศเลื่อน Tariffs สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ปฏิบัติตามข้อตกลง USMCA (United States-Mexico-Canada Agreement) เป็นเวลา 1 เดือน
ตลาดหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,206.96 จุด ปรับตัวขึ้นราว 29 จุด (+2.49%) ค่อนข้าง Outperform ตลาดในภูมิภาค นำโดยหุ้นในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ปิโตรเคมี วัสดุก่อสร้าง และบรรจุภัณฑ์ ปัจจัยบวกมาจากความหวังการดีลทางการค้าหลัง รมว.พาณิชย์สหรัฐฯ ส่งสัญญาณอาจมีการเจรจากับแคนาดาและเม็กซิโก นอกจากนี้การประชุมสองสภาจีน ตั้งเป้าการเติบโตของ GDP ที่ 5% เพิ่มการขาดดุลงบประมาณที่ 4% ตั้งเป้าหมายการบริโภคเป็นความสำคัญอันดับหนึ่งในปีนี้ ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับจีน มองปัจจัยภายนอกดีขึ้น ตลาดน่าจะมีแรงส่งไปต่อ
ประเมินกรอบวันนี้ที่ 1,180 – 1,230 จุด หุ้นแนะนำ BA, MTC
ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:
- ภาคบริการในสหรัฐฯ ขยายตัวเร็วขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ โดยดัชนีภาคบริการของ ISM เพิ่มขึ้นเป็น 53.5 จาก 52.8 ในเดือนก่อน มากกว่าตลาดคาด โดยกิจกรรมทางธุรกิจยังเติบโตต่อเนื่อง ลูกค้ามีออเดอร์เพิ่มขึ้น การจ้างงานปรับตัวดีขึ้น แต่ยังมีความกังวลเรื่องต้นทุนและนโยบายภาครัฐ อุตสาหกรรมที่เติบโตเด่น ได้แก่ การเงิน การก่อสร้าง สุขภาพ ไอที และการขนส่ง ขณะที่บางธุรกิจเช่น การจัดการธุรกิจ ค้าปลีก และการศึกษายังเผชิญความท้าทาย โดยรวมภาคบริการยังมีแนวโน้มขยายตัวแต่ยังต้องระมัดระวังความผันผวนที่อาจเกิดขึ้น
- ประธานาธิบดีทรัมป์กำลังพิจารณาผ่อนปรนมาตรการภาษีนำเข้าที่เพิ่งประกาศใช้กับแคนาดาและเม็กซิโก โดยมีการเลื่อนการเก็บภาษียานยนต์ออกไป 1 เดือน และกำลังพิจารณายกเว้นภาษีสินค้าเกษตรบางรายการ การตัดสินใจนี้เกิดขึ้นหลังจากได้รับการร้องขอจากผู้บริหารในอุตสาหกรรมยานยนต์และเกษตรกรรม เนื่องจากภาษีนำเข้า 25% ที่ประกาศใช้ก่อนหน้านี้ส่งผลกระทบรุนแรงต่อตลาดโลก
- จีนตั้งเป้าการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ประมาณ 5% ในปี 2025 ในการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติ โดยนายกรัฐมนตรีหลี่ เฉียงเน้นย้ำถึงความเสี่ยงจากสงครามการค้าที่รุนแรงขึ้นกับสหรัฐฯ และอุปสงค์ภายในประเทศที่อ่อนแอ พร้อมประกาศเพิ่มการขาดดุลงบประมาณเป็น 4% ของ GDP จาก 3% ในปีก่อน และเพิ่มการออกพันธบัตรพิเศษเป็น 1.3 ล้านล้านหยวน เพื่อสนับสนุนการอุดหนุนผู้บริโภคและเพิ่มทุนให้ธนาคารของรัฐ ขณะที่ลดเป้าหมายเงินเฟ้อลงเหลือ 2% จาก 3% สะท้อนแรงกดดันด้านเงินฝืดที่ยังคงอยู่
- กระทรวงการคลังเตรียมเสนอ ครม. พิจารณาปรับโครงสร้างภาษีรถยนต์ Plug-in Hybrid (PHEV) ในเดือนเมษายนนี้ เพื่อให้มีผลตั้งแต่ 1 ม.ค. 2569 โดยจะแยกการจัดเก็บภาษีระหว่าง PHEV กับรถ Hybrid (HEV) และอิงระยะทางวิ่งด้วยไฟฟ้าที่ 80 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง พร้อมตัดเกณฑ์ความจุถังน้ำมันออก นอกจากนี้ยังสั่งศึกษาการปรับภาษีแบตเตอรี่เป็นแบบขั้นบันได จากเดิมเก็บอัตราเดียว 8% โดยจะพิจารณาจากระยะเวลาชาร์จและน้ำหนัก เพื่อดึงดูดการลงทุนโรงงานผลิตแบตเตอรี่ในไทย
- จีนประกาศแผนลดกำลังการผลิตเหล็กเพื่อปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมและบรรเทาความตึงเครียดทางการค้าโลก โดยคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ (NDRC) เสนอให้ลดการผลิตเหล็กเป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นผลมาจากปัญหาภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ซบเซาและความต้องการใช้เหล็กในประเทศลดลง การส่งออกเหล็กราคาถูกของจีนได้สร้างความไม่พอใจให้กับประเทศคู่ค้า โดยเฉพาะเวียดนามและเกาหลีใต้ที่ประกาศเก็บภาษีต่อต้านการทุ่มตลาด ทั้งนี้ ในปี 2564 จีนเคยลดการผลิตเหล็กลง 5.6% เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน และล่าสุดมีแนวโน้มว่าจะลดกำลังการผลิตเหล็กดิบลงประมาณ 50 ล้านตัน เพื่อแก้ปัญหาโครงสร้างอุตสาหกรรมและบรรเทาความตึงเครียดทางการค้า
หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:
- BA : ราคาพื้นฐาน 26.87 บาท
เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ BA จากผลประกอบการในไตรมาส 4 ปี 2567 ที่ดีกว่าที่ตลาดคาดประมาณ 18% โดยพลิกกลับมาเป็นกำไรเป็นไตรมาสแรกนับตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2558 กำไรที่ดีกว่าคาดเมื่อเทียบกับปีก่อนมาจากการเติบโตของรายได้โดยเฉพาะในเส้นทางหลัก และการลดลงของราคา Jet fuel เครื่องบินในไตรมาส 4 ปี 2567 โดยรายได้เติบโตดีขึ้น 11% เมื่อเทียบกับปีก่อน มาจากจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับปีก่อน และค่าตั๋วโดยสารที่เพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับปีก่อน เราชื่นชอบ BA สำหรับความแข็งแกร่งของเส้นทางบินหลักที่คาดว่าจะมีการแข่งขันด้านราคาต่ำ และยังได้รับประโยชน์จากราคาน้ำมันเครื่องบินที่ลดลง โดย BA มีการทำ hedging น้ำมันประมาณ 20% เราคาดว่าราคาน้ำมันดิบที่ลดลงจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นเชิงบวก ประกอบกับในไตรมาส 1 ปี 2568 จะเป็นช่วงฤดูท่องเที่ยวสำหรับสมุย ซึ่งเป็นเส้นทางบินหลักของ BA
- MTC : ราคาพื้นฐาน 53.50 บาท
เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ MTC สำหรับผลประกอบการในไตรมาส 4 ปี 2567 ที่ผ่านมาและแนวโน้มการเติบโตของปี 2568 โดยบริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อที่ 15% และยังคงเน้นที่สินเชื่อมีหลักประกันเป็นหลัก โดยเราคาดว่าคุณภาพสินทรัพย์ยังสามารถควบคุมได้ดี โดยต้นทุนด้านเครดิตคาดว่าจะลดลงต่อเนื่องมาอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 2.8% ในปี 2568 ขณะที่สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จะควบคุมไว้ที่ไม่เกิน 2.7% เรามองว่าวงจรต้นทุนด้านเครดิตของธุรกิจจำนำทะเบียนกลับเข้าสู่ภาวะปกติหลังจากการปรับปรุงคุณภาพพอร์ตที่ผ่านมา โดยคาดว่าต้นทุนทางการเงินจะเริ่มลดลงตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 2568 เป็นต้นไป
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
- วันพฤหัสฯ ติดตามนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB Main Refinancing Rate) ตลาดคาดการณ์ว่าคณะกรรมการจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% จากครั้งก่อนหน้า ต่อด้วย ตัวเลขจำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของ สหรัฐ (Initial Jobless Claims) ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.42 แสนตำแหน่ง
- วันศุกร์ ติดตามตัวเลขเศรฐกิจของสหรัฐ การจ้างงานนอกภาคการเกษตร (Nonfarm payrolls) เดือน ก.พ. ตลาดคาดการณ์ที่ 1.55 แสนตำแหน่งเร่งตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ 1.43 แสนตำแหน่ง ต่อด้วยตัวเลขอัตราการว่างงาน (Unemployment rate) เดือน ก.พ. ตลาดคาดการณ์ที่ 4.0% ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า