KS Daily View 07.03.2025>>> S&P 500 ปรับตัวลงแรงจากหุ้นกลุ่มชิปที่นำโดย Marvell หลัง Guidance มากกว่าคาดเพียงเล็กน้อย ด้านหุ้นไทย ปิดลบสวนทางภูมิภาค แม้สงครามการค้าผ่อนคลายลง ประเมิน Sideway สร้างฐานที่บริเวณ 1,180-1,200 หุ้นแนะนำ SHR, CPN

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ:

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลงแรง โดย Dow Jones ลดลง 1.99%, S&P 500 ลดลง 1.78% และ Nasdaq Composite ลดลง 2.61% ปรับตัวลงเกือบทุกกลุ่มอุตสาหกรรม นำโดยหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีหลังจากที่ Marvell Technology รายงานผลประกอบการดีกว่าคาดแต่ให้ Guidance ในไตรมาสปัจจุบันมากกว่าค่ากลางของนักวิเคราะห์เพียงเล็กน้อย จึงทำให้เกิดแรงขายในกลุ่มชิปขึ้น รวมถึงการที่ Scott Bessent รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ออกมาสนับสนุนการใช้ภาษีเป็นเครื่องมือปกป้องเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยกล่าวว่า “นโยบายการค้าของสหรัฐฯ ภายใต้ทรัมป์ให้ความสำคัญกับ Main Street มากกว่า Wall Street” ทำให้ขณะนี้ดัชนี Nasdaq Composite เข้าสู่โซน Correction หลังจากปรับตัวลงจากจุดสูงสุดราว 10%

ตลาดหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,189.55 จุด ปรับตัวลงราว 17 จุด (-1.44%) สวนทางและ Underperform ตลาดในภูมิภาคที่ปรับตัวขึ้นรับสงครามการค้าที่มีท่าทีผ่อนคลาย แรงขายมาจากหุ้นในกลุ่มใหญ่อย่างพลังงานที่ราคาน้ำมันปรับตัวลงหลัง OPEC+ เตรียมเพิ่มกำลังการผลิต นอกจากนี้กลุ่มค้าปลีก ขนส่ง โรงพยาบาล ธนาคาร ต่างก็ปรับตัวลงเช่นกัน เราประเมิน SET ผันผวนสูงและน่าจะสร้างฐานที่บริเวณนี้ แม้ปัจจัยภายนอกอย่างสงครามการค้าผ่อนคลายขึ้น แต่ภายในยังไม่มีปัจจัยบวกที่ชัดเจน

มอง Sideway สร้างฐาน กรอบวันนี้ที่ 1,180 – 1,200 หุ้นแนะนำเป็น SHR, CPN

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

  1. ประธานาธิบดีทรัมป์ลงนามในคำสั่งยกเว้นภาษีนำเข้า 25% สำหรับสินค้าจากแคนาดาและเม็กซิโกที่อยู่ภายใต้ข้อตกลงการค้า USMCA จนถึงวันที่ 2 เมษายน โดยเฉพาะในกลุ่มรถยนต์และชิ้นส่วน รวมถึงลดภาษีนำเข้าปุ๋ยโพแทชจากแคนาดาเหลือ 10% หลังจากการเจรจากับผู้นำทั้งสองประเทศและผู้บริหารบริษัทรถยนต์ ทำให้แคนาดาตอบสนองด้วยการเลื่อนแผนการเก็บภาษีตอบโต้ระลอกที่สองมูลค่า 125 พันล้านดอลลาร์แคนาดา (87.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ออกไปเป็นวันที่ 2 เมษายนเช่นกัน แต่ยังคงมาตรการภาษีตอบโต้ระลอกแรกมูลค่า 30 พันล้านดอลลาร์แคนาดาที่เริ่มใช้เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
  2. จำนวนผู้ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสหรัฐฯ ลดลง 21,000 ราย เหลือ 221,000 ราย ต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ที่ 233,000 ราย อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้รับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องเพิ่มขึ้นเป็น 1.9 ล้านราย ใกล้เคียงกับระดับสูงสุดในรอบ 3 ปีที่ทำไว้ในเดือนมกราคม สะท้อนว่าผู้ว่างงานมีความยากลำบากมากขึ้นในการหางานใหม่
  3. ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลง 25 bps มาอยู่ที่ 2.5% ซึ่งเป็นการปรับลดดอกเบี้ยครั้งที่ 6 ในรอบ 9 เดือน ท่ามกลางสัญญาณที่ดีของการชะลอตัวของเงินเฟ้อในยูโรโซนที่ลดลงเหลือ 2.3% ในเดือนกุมภาพันธ์ ประธาน ECB คริสติน ลาการ์ด กล่าวว่านโยบายการเงินเริ่ม “ผ่อนคลายอย่างมีนัยสำคัญ” และการลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมอาจใกล้จุดสิ้นสุด โดยการเติบโตของเงินเดือนกำลังชะลอตัวตามที่คาดและกระบวนการลดเงินเฟ้อกำลังดำเนินไปด้วยดี อย่างไรก็ตาม ยังมีความกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้น ความเปราะบางของความเชื่อมั่นผู้บริโภค และผลกระทบจากความตึงเครียดทางการค้า
  4. AOT เตรียมเปิดประมูลโครงการส่วนต่อขยายอาคารด้านทิศตะวันออก (East Expansion) ของสนามบินสุวรรณภูมิ มูลค่า 12,000 ล้านบาท ในเดือนพฤษภาคมนี้ คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในเดือนพฤศจิกายน 2568 และเปิดให้บริการในปี 2571 นอกจากนี้ยังมีแผนลงทุน 1.3 แสนล้านบาท เพื่อพัฒนาอาคารผู้โดยสารด้านทิศใต้ สร้างรันเวย์เส้นที่ 4 และรถไฟฟ้าไร้คนขับ โดยจะเริ่มก่อสร้างในปี 2570 และแล้วเสร็จในปี 2576 ซึ่งจะเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารเป็น 150 ล้านคนต่อปี ผลักดันให้สุวรรณภูมิขึ้นเป็น 1 ใน 10 ท่าอากาศยานที่รองรับผู้โดยสารสูงสุดในโลก
  5. บีโอไอร่วมกับสมาคมแผ่นวงจรพิมพ์ไต้หวัน (TPCA) และสมาคมแผ่นวงจรพิมพ์ไทย (THPCA) จัดงาน TPCA Thailand PCB Forum 2025 โดยมีผู้ผลิต PCB ชั้นนำและผู้ผลิตชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องกว่า 60 ราย เข้าร่วมศึกษาลู่ทางการลงทุนในไทย ทั้งนี้ ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (2565-2567) มีการลงทุนในอุตสาหกรรม PCB และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกว่า 130 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 202,000 ล้านบาท ส่งผลให้ไทยขึ้นเป็นผู้ผลิต PCB อันดับ 1 ในอาเซียนและติดอันดับ Top 5 ของโลก โดยมีผู้ผลิตรายใหญ่จากไต้หวันหลายราย เช่น ZDT, Unimicron และ Compeq เข้ามาลงทุนผลิต PCB เทคโนโลยีขั้นสูงสำหรับผลิตภัณฑ์ AI และอิเล็กทรอนิกส์

หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:

  • SHR : ราคาพื้นฐาน 3.50 บาท

เราคงมุมมองเชิงบวกต่อ SHR จากการประชุมที่ผ่านมา โดยผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ในปี 2568 ที่ระดับ 11,000 ล้านบาท คาดการเติบโตของรายได้เฉลี่ยต่อห้อง (RevPar) ที่ 5-10% เมื่อเทียบกับปีก่อน นำโดยโรงแรมในไทยที่คาดว่าจะเติบโต 20-25% เมื่อเทียบกับปีก่อน และโรงแรมใน Mauritius ที่คาดเติบโต 25-30% ในขณะที่โรงแรมใน Maldives และ Fiji จะเติบโตประมาณ 5-10% ส่วนการเติบโตในระยะยาวจะมาจากการขาดทุนที่น้อยลงของกิจการร่วมค้าใน Maldives การลดลงของอัตราดอกเบี้ย และการเพิ่มอัตรากำไรจากทั้งการเพิ่มอัตราค่าห้องพักและอัตราการเข้าพัก นอกจากนี้ เราคาดว่าในไตรมาส 1 ปี 2568 บริษัทจะยังคงสร้างการเติบโตได้อย่างโดดเด่นจากโรงแรมในไทยอย่าง SAii Laguna Phuket ภายหลังจากการกลับมาเปิดในช่วงกลางเดือนธันวาคมที่ผ่านมา

  • CPN: ราคาเป้าหมาย 78.00 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ CPN แม้จะมีความกังวลเรื่องการลดตัวคูณมูลค่าหุ้น โดยปัจจุบันราคาหุ้น CPN ซื้อขายที่ระดับ -2SD หรือ 13 เท่าของกำไรปี 2568 แต่เราคาดว่าจะเห็นความเสี่ยงขาลงที่จำกัดจากระดับปัจจุบัน เนื่องจาก CPN ยังเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าปลีกรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ด้วยพอร์ตธุรกิจที่มีการกระจายความเสี่ยงที่ดี ซึ่งส่งผลให้ปัจจัยพื้นฐานและผลการดำเนินงานของธุรกิจค้าปลีกแข็งแกร่ง โดยยังสามารถเพิ่มพื้นที่เช่าได้ต่อเนื่องในทุกปีและมีการปรับราคาค่าเช่าได้อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับเราคาดว่าโครงการดุสิตทั้งส่วนห้างสรรพสินค้าและอาคารสำนักงานที่จะเปิดตัวในครึ่งปีหลังจะเป็นปัจจัยกระตุ้นการเติบโตได้ต่อเนื่องในปี 2569 นอกจากนี้ CPN ยังสามารถสร้างกระแสเงินสดอิสระได้ดี ซึ่งจะช่วยในการลดหนี้สินลงได้ในอนาคต

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันศุกร์ ติดตามตัวเลขเศรฐกิจของสหรัฐ การจ้างงานนอกภาคการเกษตร (Nonfarm payrolls) เดือน ก.พ. ตลาดคาดการณ์ที่ 1.55 แสนตำแหน่งเร่งตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ 1.43 แสนตำแหน่ง ต่อด้วยตัวเลขอัตราการว่างงาน (Unemployment rate) เดือน ก.พ. ตลาดคาดการณ์ที่ 4.0% ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า
- Advertisement -