Daily Focus: ลุ้นฟื้นทดสอบ 1,157+- จุด

2025 SET Target: 1180

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ฟื้นตัวได้แข็งแกร่งกว่าที่คาด หลังจากปรับตัวลงแรงพอสมควรในวันก่อนหน้า โดยดัชนีปิดบวก 9.34 จุด ที่ระดับ 1,144.05 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่นขึ้นอีกเล็กน้อยเป็น 3.6 หมื่นลบ. หนุนจากแรงซื้อกลับหุ้นขนาดใหญ่ นำโดยโรงไฟฟ้าขณะที่กลุ่มธนาคารยังชะลอตัวลง สถาบันในประเทศขายสุทธิในตลาดหุ้นบางลงเหลือ 357 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติพลิกมาซื้อสุทธิเล็กน้อย 123 ลบ. (สถานะสุทธิใน Index Futures ไม่มีนัยยะ)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index มีโอกาสฟื้นตัวทดสอบแนวต้านหลักบริเวณ 1,157-1,160 จุด หนุนจากบรรยากาศการลงทุนที่เป็นบวก หลังทรัมป์ระบุว่าไม่มีเจตนาจะปลดประธาน FED ออกจากตำแหน่ง หนุนเม็ดเงินไหลกลับเข้าหาสินทรัพย์เสี่ยง ด้าน Dollar Index พลิกมาแข็งค่าขึ้นอีกครั้งจากความกังวลที่ผ่อนคลายลง อย่างไรก็ตาม เมื่อคืนที่ผ่านมา IMF มีการเผยแพร่รายงาน World Economic Outlook โดยเตือนว่าเศรษฐกิจโลกและสหรัฐฯ จะถูกกระทบอย่างหนักจากสงครามการค้าของทรัมป์และนโยบายที่ไม่มีความแน่นอน โดยปรับคาดการณ์การเติบโต GDP โลกลงจาก 3.3% เหลือ 2.8% ปรับลดคาดการณ์ฝั่งสหรัฐฯลงจาก 2.7% เหลือ 1.8% นอกจากนี้ยังระบุว่าเศรษฐกิจในอาเซียนเป็นอีกหนึ่งภูมิภาคที่ถูกกระทบหนักจากมาตรการดังกล่าว โดยปรับลดการเติบโต้ของไทยลงเหลือ 1.8% โดยเป็นปะเทศเดียวในกลุ่มที่โตต่ำ 2% เรามองการเติบโตที่ต่ำเปิดช่องให้ กนง. ปรับลดดอกเบี้ยในปีนี้อีกราว 50 bps จากใหม่หลังเสื่อนจากกำหนดเดิมวันนี้ รวมถึงบจัยที่ต้องดิดตามลือการนัดเจรจาการค้า กับสหรีรูฯ ฝั่ง Real Sector ที่จะทยอยประกาศกำไร 1Q25 หลังกลุ่มธนาคารประกาศออกมาครบแล้ว โดยต้องติดตามว่าจะออกมาต่ำกว่าคาดและนำไปสู่การปรับลดประมาณการ EPS ของตลาดลงมากน้อยเพียงใดจากปัจจุบันที่อยู่ราว 92 บาท เรายังมองกลุ่ม Consumer Staple ยังน่าสนใจท่ามกลางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและมีความไม่แน่นอน

กลยุทธ์ : ยังเน้น Selective Buy หุ้นที่มีแนวโน้มกำไร 1Q25–2025 แข็งแกร่ง และกระทบจำกัดต่อความไม่แน่นอนเศรษฐกิจชะลอตัว

หุ้นเด่นเดือน เม.ย. : BA, BBL, CPF, HMPRO, OSP

FSSIA Portfolio : BA, BBL, BTG, CPALL, MTC, NSL, PR9, SEAFOOD, SHR

หุ้นเด่น Finansia 23 เม.ย. 25 : GFPT

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 12.50 บาท
  • แนวโน้มกำไร 1Q25 อาจสูงกว่าที่เคยคาดมาก อาจทำได้ถึง 537 ลบ. (+40% q-q, +15% y-y) จากส่วนแบ่งกำไรของ GFN และ McKey ที่มีแนวโน้มดีกว่าคาด โดยเฉพาะ McKey ที่มีลุ้นกำไรนิวไฮ 180-200 ลบ.
  • ปริมาณการส่งออกยังน่าจะอยู่ที่ 8,700 ตัน (-11% q-q, +5% y-y) อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้นเพราะต้นทุนวัตถุดิบลงต่อ แนวโน้มการส่งออก 2Q25 ยังดูดี อาจปรับขึ้น q-q มีโอกาสปรับเพิ่มประมาณการ ขณะที่หุ้นเทรดที่ P/E ต่ำเพียง 7.2 เท่า
  • แนวรับ 9.35 บาท แนวต้าน 10.10-10.40 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนต่างชาติยังคงไหลออกจากภูมิภาคสุทธิแต่บางลงเหลือ US$188 ล้าน เม็ดเงินไหลออกจากเกาหลีใต้และไต้หวัน US$179 ล้าน และ US$39 ล้าน ตามลำดับ ขณะที่ฝั่งอาเซียนไหลเข้าเกือบทุกประเทศ สูงสุดที่เวียดนาม US$20 ล้าน และไหลออกเพียงฟิลิปปินส์บางๆ แนวโน้มของกระแสเงินทุนมีโอกาสพลิกมาไหลเข้าพลังกระแสเงินทุนไหลกลับเข้าหาสินทรัพย์เสี่ยงหนาแน่น หลังทรัมป์ระบุไม่มีเจตนาจะปลดพาวเวลออกจากตำแหน่ง

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) CPN คาดกำไรปกติ 1Q25 ที่ 4.1 พันลบ. -1.8% q-q, -0.8% y-y จากรายได้จากธุรกิจที่อยู่อาศัยที่คาดลดลง 50% y-y เนื่องจากไม่มีโครงการใหม่โอนแต่เป็นการโอนโครงการเดิมต่อเนื่อง กำไร 1Q25 ที่คาดจะคิดเป็น 23% ของประมาณการกำไรทั้งปี 2025 ยอดโอนอสังหาฯ ต่ำสุดใน 1Q25 และน่าจะสูงสุดใน 4Q25 ธุรกิจหลักยังแข็งแกร่ง คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2025 ที่ 1.8 หมื่นลบ. +6% y-y และราคาเป้าหมาย 83 บาท Valuation ไม่แพง เทรด PE ต่ำเพียง 12 เท่า -2SD ของค่าเฉลี่ย 5 ปี คงคำแนะนำ “ซื้อ”

(+) SFLEX คาดกำไรปกติ 1Q25 ที่ 68 ลบ. -8.1% q-q จากฐานสูงใน 4Q24 แต่ +8.5% y-y ทั้งที่กำลังซื้อในประเทศไม่สดใส แม้ส่วนแบ่งกาไรของบริษัทร่วม Starprint Vietnam ในไตรมาสนี้คาดว่าจะรับรู้เพียง 3 ลบ. -49.2% q-q (แต่ +15.6% y-y จากฐานต่ำในปีก่อน) ชะลอตามภาวะเศรษฐกิจของเวียดนาม แต่เรายังคงประมาณการกำไรปกติปี 2025 +6.6% y-y ราคาเป้าหมาย 4.70 บาท Valuations ถูกและโครงการซื้อหุ้นช่วยจำกัด downside ยังแนะนำ “ซื้อ”

(-) RBF คาดกำไร 1Q25 ที่ 116 ลบ. -10% q-q, -32% y-y ต่ำกว่าที่เคย มาจากรายได้ที่น่าจะลดลงทั้ง q-q และ y-y ส่วนหนึ่งจากรายได้จีนที่ลดลง และคาดไทย, เวียดนาม รายได้ลด y-y ขณะที่อินโด และอินเดียยังโต y-y ได้ กอปรกับคาดอัตราภาษีจะกลับมาสูงขึ้น หากกำไร 1Q25 ได้ตามคาด จะคิดเป็น 19% ของประมาณการทั้งปี แนวโน้มกำไร 2Q25 น่าจะกลับมาฟื้น q-q และ y-y อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวในช่วงที่เหลือของปีดูมีความผันผวนมากขึ้นจากผลกระทบของ Trump’s tariff เราอยู่ระหว่างปรับลดกำไรและราคาเป้าหมายลงจากปัจจุบันที่ 6.7 บาท

(-) DELTA คาดกำไรสุทธิ 1Q25 ที่ 4.2 พันลบ. +97% q-q, -2% y-y แต่หากไม่รวมค่าใช้จ่ายพิเศษใน 4Q24 จะมีกำไรปกติทรงตัว q-q แต่ +11.5% y-y หนุนจาก AI Segment ที่มีกำไรดีจากความต้องการที่แข็งแรงต่อเนื่อง โดยคาดรายได้รวม +3% q-q, +13% y-y แม้คำสั่งซื้อระยะสั้นจะเร่งขึ้น หลังทรัมป์เลื่อนการบังคับใช้การปรับขึ้นภาษีตอบโต้ 90 วัน และเรายังคงประมาณการกำไรปี 2025 -2.7% y-y แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงอยู่ อาทิ คดีฟ้องร้องที่ยังไม่ได้ข้อสรุป รายได้จาก EV ที่มีโอกาสต่ำกว่าคาด รวมถึงผลกระทบจากภาษีทรัมป์หลัง 90 วันไปแล้ว ทำให้เราปรับลดราคาเป้าหมายเป็น 55 บาท โดย de-rate P/E target จาก 45 เท่า เป็น 35 เท่า ยังแนะนำ Reduce

(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 1,016.57 จุด หรือ +2.66%, ปิดที่ 39,186.98 จุด โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าหลังจากสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังของสหรัฐฯ ได้แสดงความเชื่อมั่นว่าความขัดแย้งด้านการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนจะคลี่คลายลงในไม่ช้า

(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวกเล็กน้อย โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มการเงินและหุ้นลอรีอัล (L’Oreal) หลังประกาศผลประกอบการดีเกินคาด แม้ว่าความเชื่อมั่นในตลาดยังเปราะบาง หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ วิจารณ์นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)

(+) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดบวกตามทิศทางตลาดสหรัฐฯ จากการที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้า

(-) ค่าเงินบาท อ่อนค่าอยู่ที่บริเวณ 33.49 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1.05%

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 1.23 ดอลลาร์ หรือ 1.95% ปิดที่ 64.31 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากสหรัฐฯ ประกาศคว่าอิหร่านรอบใหม่ นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นยังเป็นปัจจัยหนุนนบรรกาศการซื้อขายในตลาดน้ำมันให้คึกคักขึ้นด้วย ในขณะที่เช้านี้เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 64.38 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ 1.12%

(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 5.9 ดอลลาร์ หรือ 0.17% ปิดที่ 3,419.40 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยตลาดถูกกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และจากการที่รัฐมนตรีคลังของสหรัฐฯ ได้แสดงความเชื่อมั่นว่าความขัดแย้งด้านการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนจะคลี่คลายลงในไม่ช้า ในขณะที่เช้านี้ลดลงอยู่ที่ระดับ 3,349.20 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ -2.05%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 947.70/ -0.48%

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

23 เม.ย.ไทย: ส่งออก (มี.ค.)
24 เม.ยสหรัฐ: Exiting Home Sales (มี.ค.), Durable Good Order (มี.ค.)
25 เม.ย.อังกฤษ: ค้าปลีก (มี.ค.)
29 เม.ยสหรัฐ: JOLTs Job Openings (มี.ค.)
30 เม.ยไทย: ประชุม กนง.
- Advertisement -