MARKET MOVE: Tariff กดดันเศรษฐกิจโลก หวังการเจรจา / 1,135-1,155
คาด SET Index แกว่งตัว Sideways: แรงกดดันจากความกังวลภาวะเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย หลัง IMF ปรับลดคาด GDP ลง หากแต่มีแรงพยุงจากความหวังในการผ่อนคลายนโยบายการเงินในประเทศเพิ่มเติม และแรงหนุนจากความหวังว่าสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนคลี่คลาย
กลยุทธ์การลงทุน
- เก็งงบ 1Q68: ADVANC, AP, BDMS, CENTEL, CPF, MTC, QH, STECON, TRUE
- Domestic play: AEONTS, BEM, BJC, BTG, CPALL, CK, KTC, OR, SAWAD, TIDLOR, UNIQ
- พลังงาน: BCP, PTTEP, SPRC, TOP
- Defensive: BCH, CHG, PR9, TTW
- Selective: BGRIM, GPSC
- IMF หั่นคาด GDP โลก พร้อมคาดไทยโต 1.8%: คาดแรงกดดันมาจากความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโลก หลัง IMF คาดเศรษฐกิจโลกปี 68 และ 69 จะขยายตัว 2.8% และ 3.0% ตามลำดับ จากเดิมที่คาดที่ 3.3% ในเดือนม.ค.68 โดยได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ทั้งนี้ ตัวเลขข้างต้นถือว่าต่ำกว่าอย่างมากเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยรอบ 20 ปีระหว่างปี 43-62 ที่ 3.7% และหากพิจารณาเศรษฐกิจขนาดใหญ่พบว่า IMF ได้ปรับลดคาด GDP ในปี 68 ของสหรัฐฯ ยูโรโซนและจีนลงสู่ 1.8% (เดิม 2.7%), 0.8% (เดิม 1.0%) และ 4% (เดิม 4.6%) ตามลำดับ อีกทั้ง IMF ยังระบุว่า ASEAN เป็นหนึ่งในกลุ่มประเทศที่คาดว่าได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ เนื่องจากมีการเชื่อมโยงทางการค้ากับประมาศที่ได้รับผลกระทบโดยตรงอย่างจีนและสหรัฐฯ สอดรับกับการที่ IMF ปรับลดคาด GDP ไทยในปี 68 และ 69 ค่อนข้างรุนแรง โดยลดลงสู่ขยายตัว 1.8% และ 1.6% จากคาดในเดือนม.ค.68 ที่ 2.9% และ 2.6% ตามลำดับ ซึ่งภาพข้างต้นมีแนวโน้มกระตุ้นความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจไทย และทางฝ่ายมองเป็นแรงกดดันที่รุนแรงกว่าการปรับลดประมาณการเศรษฐกิจโลก
- หวังนโยบายการเงินช่วยเศรษฐกิจ: ในทางกลับกัน เศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มขยายตัวต่ำได้เป็นการกระตุ้นความหวังของนักลงทุนต่อการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมของกนง. เพื่อช่วยปรับปรุงเงื่อนไขทางเศรษฐกิจให้ดีขึ้นโดยความหวังข้างต้น คาดจะเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยจำกัดทางลงของ SET Index ขณะที่มุมมองของทางฝ่ายคาดกนง.จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 2 ครั้งในปีนี้ ครั้งละ 0.25% ใน 2Q68 และ 3Q68
- หวัง 2 เศรษฐกิจขนาดใหญ่หันมาคุยกัน: นอกจากนี้ มองทางลงจำกัด ท่ามกลาง Sentiment จากภายนอกที่ดีขึ้น หลังปธน.ทรัมป์เผยภาษีศุลกากรต่อสินค้าจีน 145% ถือว่าสูงมากและจะไม่สูงขนาดนั้น ซึ่งอาจเป็นสัญญาณถึงการปรับลงในอนาคต กอปรกับรมต.คลังสหรัฐฯคาด ว่าความขัดแย้งด้านการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนจะคลี่คลายลงในไม่ช้า โดยแม้การเจรจากับจีนมีแนวโน้มว่าจะยัดเยื้อแต่ทั้งจีนและสหรัฐฯ ต่างไม่คิดว่าจะปล่อยให้สถานการณ์เช่นนี้ดำเนินต่อไปโดยไม่เปลี่ยนแปลง อีกทั้ง การที่ปรนทรัมป์เผยว่าไม่มีเจตนาที่จะปลดคุณพาวเวล ปร.เฟด ยังช่วยคลายความคังวลเกี่ยวกับความเป็นอิสระของธนาคารกลางสหรัฐฯ
+ ปัจจัยเพิ่มเติม –
(+) ครม.มีมติอนุมัติงบกลางปี 68 วงเงิน 7,404.34 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงคารเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยาครน้ำเพื่อรองรับสถานการณ์ภัยแล้งและฝนทิ้งช่วงในปี 68
(+) สำนักงบฯเผยจากข้อมูลณวันที่ 30 มี.ค.68 พบว่าจากครอบงบฯลงทุนปี 68 รวม 9.08 แสนล้านบาท สามารถเบิกจ่ายได้แล้วกว่า 72.93% สูงกว่าเป้า 66% หรือคิดเป็นวงเงินที่มีการเบิดจ่ายงบประมาณได้ แล้วกว่า 6.2 แสนล้านบาท
(+) รมช.คลังเผยโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจเฟส 3 อายุตั้งแต่ 16-20 ปี ประมาณ 2.7 ล้านคน คาดว่าจะมีการบรรจุวาระในการประชุมครม.ภายใน 1-2 สัปดาห์ และยังคงเดินหน้าตามไทม์ไลน์เดิมคือจะได้รับเงินภายใน 2068
(-) ส.อ.ท.เผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนมี.ค.68 อยู่ที่ระดับ 91.8 ลดลงจากเดือนค.พ.68 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 93.4 ซึ่งเป็นผลจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว และนโยบายการขึ้นภาษีน้ำเข้าของสหรัฐฯ
PICKS OF THE DAY
STECON BUY
- เป้าหมาย 8.10 / 8.30 แนวรับ 7.50
- 1Q68 ได้ปันผลพิเศษ: แนวโน้ม 1Q68 คาดกำไรปกติสูงขึ้น y-y และ q-q จาก GPM ที่กลับมาสู่ระดับปกติและมีรายได้ปันผลพิเศษจาก GULF เข้ามาเสริมอีก 222 ลบ.
- ประมูลโครงการใหม่ พ.ค. 68: โครงการทางหลวงพิเศษหมายเลข 82 สายทางยกระดับบางขุนเทียน-บ้านแพ้ว (PPP Gross Cost) มูลค่ารวม 15,724.12 ลบ. มีแผนประมูลภายใน พ.ค. 68 มองผู้รับเหมารายใหญ่จะได้เปรียบในการประมูลโครงการใหญ่ๆภาครัฐฯ และปัจจุบันผู้รับเหมารายใหญ่มีจำนวนน้อยราย
- เร่งค่าใช้จ่ายรัฐฯพยุง GDP: เตรียมดันโครงการรัฐกระตุ้นเศรษฐกิจปี 68 ยังมีงบประมารในงบกลางกว่า 1.5 แสนลบ. กระจายการลงทุนทั้งการบริโภคภาคเอกชนและการใช้จ่ายภาครั
SAWAD BUY
- เป้าหมาย 32.00 / 33.00 แนวรับ 30.50
- สินเชื่อ 2Q68 น่าจะเร่งตัวขึ้น: สินเชื่อ 2Q68 จะเร่งตัวขึ้นจากความต้องการสินเชื่อที่จะเพิ่มขึ้นจากการเปิดเทอม และการเริ่มฤดูเพาะปลูกรอบใหม่
- ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง: การลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย จะช่วยให้ต้นทุนทางการเงินของ SAWAD ลดลง นอกจากนี้น่าจะทำให้ความ สามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ดีขึ้นด้วย ซึ่งจะส่งผลดีต่อคุณภาพสินทรัพย์ของ SAWAD ด้วย