บล.กสิกรไทย:

BCP BSRC ที่อ่อนแอจะหักลบประโยชน์ต้นทุนน้ำมันที่ลดลง
  • คาดกำไรไตรมาส 1/2568 จะฟื้นตัว แม้ว่าจะได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบเบรนท์เทียบกับน้ำมันดิบดูไบที่ติดลบ ซึ่งส่งผลให้ค่าการกลั่น (GRM) ของโรงกลั่นพระโขนงของ BCP เพิ่มขึ้น แต่ผลประกอบการโดยรวมของกลุ่มยังคงได้รับผลกระทบจาก GRM ของ BSRC (3 ดอลล่าร์สหรัฐฯ/บาร์เรล) ที่ต่ำกว่าจุดคุ้มทุน และปริมาณการผลิตไฟฟ้าของ BCPG ที่ลดลง
  • เราคาดว่ากำไรสุทธิไตรมาส 1/2568 ของ BCP จะอยู่ที่ 2.30 พันลบ. (กำไรต่อหุ้น: 1.64 บาท) เพิ่มขึ้นจากกำไรสุทธิที่ 17 ลบ. ในไตรมาส 4/2567 แต่ลดลง 8% YoY แต่กำไรปกติคาดจะอยู่ที่ 1.20 พันลบ. ลดลง 69% YoY และ 56% QoQ จากส่วนแบ่งกำไรของ BSRC และ BCPG ที่ลดลงตามที่กล่าวข้างต้น
  • ความความล่าช้าของการเริ่มต้นโครงการ SAF จากการพูดคุยล่าสุดกับผู้บริหาร เราคาดว่าการเริ่มดำเนินงานของโครงการเชื้อเพลิงอาศยานแบบยั่งยืน (SAF) จะถูกเลื่อนจากไตรมาส 2/2568 ไปเป็นครึ่งปีหลังของปี 2568 จากความไม่แน่นอนของการบังคับใช้ SAF ในธุรกิจการบินในยุโรป นอกจากนี้ การเร่งดำเนินการเชิงพาณิชย์ในขณะนี้ก็ยังไม่คุ้มทุน เนื่องจากความต้องการและอัตรากำไรของ SAF ยังอยู่ในระดับต่ำ
  • คงคำแนะนำ “ถือ” และราคาเป้าหมายกลางปี 2569 ที่ 34.40 บาท เนื่องจากมี upside ที่จำกัดต่อราคาเป้าหมายของเราและราคาหุ้นตาม PBV ที่ค่อนข้างแพงเมื่อเทียบกับโรงกลั่นอื่นๆ ในประเทศ เราจึงคงคำแนะนำ “ถือ” BCP โดย BCP ซื้อขายที่ PBV ปี 2568 ที่ 0.8 เท่า สำหรับ ROE ที่ 3.4% เทียบกับของ TOP ที่ 0.33 เท่า (ROE ที่ 3%) และ SRRC ที่ 0.62 เท่า (ROE ที่ 4.6%)

- Advertisement -