Daily Focus: จับตาเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีน หลังบรรลุข้อตกลงกับอังกฤษ

2025 SET Target : 1180

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index พักตัวลงหลังจากปรับขึ้นแรงวันก่อนหน้า โดยดัชนีปิดลบ 13.68 จุด ที่ระดับ 1,206.59 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.3 หมื่นลบ. ถ่วงโดยแรงขายในกลุ่มท่องเที่ยว อิเล็กทรอนิกส์ ปิโตรเคมี การแพทย์ เป็นต้น ส่วนกลุ่มที่ปรับตัวบวกสวนตลาด คือ รับเหมาฯ ประกัน REIT สถาบันในประเทศยังคงซื้อสุทธิในตลาดหุ้นอีก 2.1 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติพลิกมาขายสุทธิ 3 พันลบ. (และพลิกมา Short Index Futures สุทธิถึง 1.5 หมื่นสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะแกว่ง Sideways Up ในกรอบ 1,200-1,220 จุด โดยได้อานิสงส์เชิงบวกหลังสหรัฐฯ บรรลุข้อตกลงการค้ากับอังกฤษได้เป็นชาติแรก ขณะที่ทรัมป์ ส่งสัญญาณว่าหากการเจรจากับจีนช่วงสุดสัปดาห์นี้ออกมาดี อาจเห็นการปรับลดภาษีสินค้าจีนลงเช่นกัน ส่งผลให้ Dollar Index พลิกมาแข็งค่าขึ้นและทำให้ค่าเงินบาทกลับมาอ่อนค่าหลังจากแข็งค่าแรงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ภาษีสินค้านำเข้าที่ยังเก็บกับอังกฤษยังอยู่ที่ 10% แต่มีการผ่อนปรนบางสินค้า เช่น รถยนต์ เหล็กและอลูมิเนียม ชิ้นส่วนเครื่องบิน เป็นต้น ดังนั้นจึงสะท้อนได้ว่าอัตราภาษีที่เป็นขั้นต่ำที่สหรัฐฯ จะเรียกเก็บ ส่วนประเทศที่เกินดุลการค้าสหรัฐฯ สูง รวมถึงไทย มีแนวโน้มที่จะถูกเก็บในอัตราที่สูงกว่า 10% ซึ่งต้องติดตามต่อว่าไทยจะได้คิวเจรจาการค้าเมื่อไร นอกจากนี้ราคาน้ำมันฟื้นตัวขึ้น คาดหวังผลการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีนจะช่วยหนุนกลุ่มพลังงานได้อีกครั้ง หากดัชนีไม่ย้อนกลับลงไปต่ำกว่าโซนแนวรับ 1,190-1,200 จุด ยังมีแนวโน้มทยอยไต่ระดับขึ้นได้ โดยปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อดัชนีคือผลประกอบการ 1Q25 บจ.ที่จะประกาศหนาแน่นขึ้น หากไม่ต่ำกว่าคาดมาก จนทำให้ถูกปรับประมาณการ EPS ทั้งปีลงอย่างมีนัยยะ จะทำให้บรรยากาศการลงทุนดูดีขึ้น ระยะสั้นยังเน้นเลือกหุ้นที่มีแนวโน้มกำไรแข็งแกร่งและมั่นคง รวมถึงราคายัง Laggard กว่าตลาดในช่วง 1 เดือนล่าสุดหลัง SET ฟื้นตัวจาก Low มีโอกาสกลับมา Outperform

กลยุทธ์ : ยังเน้น Selective Buy หุ้นที่มีแนวโน้มกำไร 1Q25-2025 แข็งแกร่งและกระทบจำกัดจาก
ภาษีการค้าสหรัฐฯ และเศรษฐกิจชะลอตัว

หุ้นเด่นเดือน พ.ค. : CPALL, MTC, NSL, OSP, PR9

FSSIA Portfolio : BA, BTG, CPALL, KBANK, MTC, NSL, PR9, STECON

หุ้นเด่น Finansia 9 พ.ค. 25 : MTC

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 56 บาท
  • คาดกำไรสุทธิ 1Q25 ที่ 1.58 พันลบ. +14% y-y, +3% q-q จาก Credit cost ที่ลดลงจากคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้น และสินเชื่อที่คาดว่าจะโต 14% y-y เป็นหลัก เราคาดว่าสัดส่วนหนี้ด้อยคุณภาพจะยังอยู่ในระดับที่เอื้ออานวยที่ 2.74% ใน 1Q25 เทียบกับ 2.75% ใน 4Q24 และ 3.03% ใน 1Q24 
  • คงคาดกำไรสุทธิปี 2025 +21% y-y เรายังสบายใจต่อการดำเนินงานและคุณภาพสินทรัพย์ของ NPL มากที่สุดในกลุ่มไฟแนนซ์ และคาดได้อานิสงส์จากดอกเบี้ยขาลง ยังคงเป็น Top Pick ของกลุ่มฯ
  • แนวรับ 42 บาท แนวต้าน 45-46 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนยังคงไหลเข้าภูมิภาคสุทธิแต่บางลงเหลือ US$247 ล้าน เม็ดเงินยังไหลเข้าฝั่งเอเชียตะวันออกอย่างไต้หวันและเกาหลีใต้ US$233 ล้าน และ US$156 ล้าน ตามลำดับ แต่ไหลออกจากอาเซียนนำโดยไทย US$91 ล้าน ตามด้วยอินโดนีเซีย US$51 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังค่อนข้างไปในทิศทางไหลเข้า หลังสหรัฐฯ บรรลุข้อตกลงการค้ากับอังกฤษ อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามการเจรจากับจีนในช่วงสุดสัปดาห์นี้

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) TIDLOR กำไรสุทธิ 1Q25 ออกมาดีกว่าเราและตลาดคาดที่ 1.22 พันลบ. +10% y-y, +17%
q-q หลักๆ มาจาก Credit Cost ที่ต่ำกว่าที่เราคาดมาก ภาพรวมคุณภาพสินทรัพย์มีแนวโน้มที่ดีขึ้น จาก
การไหลของ NPL ที่ลดลงต่อเนื่อง NPL ratio อยู่ที่ 1.78% ปัจจุบันยังอยู่ระหว่างเปลี่ยนโครงสร้างเป็น
Holding company และจะกลับมาเทรดช่วงกลางเดือนพ.ค. เราให้ราคาเป้าหมาย 19 บาท แนะนำ
“ซื้อ”

(+) GULF กำไรสุทธิ 1Q25 ที่ 5.4 พันลบ. +38% q-q, +54% y-y ดีกว่าเราและตลาดคาด 5-10% จากส่วนแบ่งกำไรจาก INTUCH ที่เพิ่มขึ้นจาก ADVANC กำไรดีกว่าตลาดคาด และ FX gain มากกว่าคาด โดยรวมของกำไรที่แข็งแกร่งหลักๆ มาจากมีกำลังผลิตใหม่ที่เพิ่มขึ้นอีก 837 MW แนวโน้มกำไรจะดีต่อเนื่องใน 2Q25 จากส่วนแบ่งกำไรจาก ADVANC ที่เพิ่มจาก 19% เป็น 40.44% คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2025 +20% y-y ราคาเป้าหมาย 57.70 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”

(+) GPSC กำไรสุทธิ 1Q25 ที่ 1.14 พันลบ. +14% q-q, +32% y-y ตามคาด หลักๆ มาจากโรงไฟฟ้าประเภท SPP มี margin ดีขึ้นจากต้นทุนเชื้อเพลิงที่ลดลง GHECO-1 ขาดทุนจากสต๊อกถ่านหินราคาสูงลดลง และส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมดีขึ้น โดยเฉพาะโรงไฟฟ้า Avaada มีกำลังผลิตใหม่เพิ่ม 400MW และโรงไฟฟ้าไซยะบุรีกำไรดีขึ้น y-y แนวโน้ม 2Q25 กำไรน่าจะชะลอตัวเล็กน้อย เนื่องจากมีโรงไฟฟ้าหลายโรงหยุดซ่อมบำรุงตามแผน อย่างไรก็ตาม เรามีแนวโน้มปรับเพิ่มประมาณการจากกำไร 1Q25 ที่คิดเป็น 30% ของประมาณการทั้งปีที่ 3.7 พันลบ. และสมมติฐานค่าไฟฟ้าปีนี้ของเราที่ต่ำกว่านโยบายภาครัฐ หลังประชุมนักวิเคราะห์บ่ายวันนี้

(0) CPAXT กำไรปกติ 1Q25 ที่ 2.6 พันลบ. -34% q-q ตามฤดูกาล แต่ +6% y-y ตามเราและตลาดคาด โดยรายได้เพิ่มขึ้น +2.5% y-y SSSG ของ Makro และ Lotus’s ที่เป็นบวก ส่วนอัตรากำไรขั้นต้น โดยรวมดีขึ้นเล็กน้อย แนวโน้ม SSSG เดือนเม.ย.ของ Makro ทรงตัว แต่ของ Lotus’s ชะลอตัว และคาด 2Q25 จะเป็นจุดต่ำสุดของปี คงประมาณการและราคาเป้าหมาย 34 บาท ยังแนะนำ “ถือ”

(0) DOHOME กำไรสุทธิ 1Q25 ที่ 245 ลบ. +53% q-q, ทรงตัว y-y ตามเราและตลาด โดยกำไรที่เพิ่มขึ้น q-q เนื่องจากเป็น high season ของการขายวัสดุก่อสร้าง และทรงตัว y-y ตาม SSSG ที่ +0.45% y-y ทำให้รายได้รวม +6% q-q, +1.6% y-y ส่วนค่าใช้จ่ายควบคุมได้ดี แนวโน้ม SSSG เดือนเม.ย. ทรงตัว และติดลบเล็กน้อยใน 2 สัปดาห์แรกของเดือน พ.ค. สะท้อนกำลังซื้อที่อ่อนแอ กำไร 1Q25 คิดเป็น 29% ของประมาณการกำไรทั้งปีที่ 845 ลบ. +25% คงประมาณการและราคาเป้าหมาย 7.50 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”

(0) ASW กำไรสุทธิ 1Q25 เท่ากับ 201 ลบ. ดีกว่าเราคาด 9% จากยอดโอนสูงกว่าคาด หากหักกำไร one-time จากการเซ็น JV ใหม่ กำไรปกติอยู่ที่ 122 ลบ. -23% q-q, -52% y-y ยอดโอน -27% q-q, -9% y-y GPM ปรับลงเป็นระดับต่ำสุดที่ 35.6% กำไรปกติ 1Q25 คิดเป็น 15% ของประมาณการทั้งปี ที่ 840 ลบ. -40% y-y ทิศทาง 2Q25 คาดหดตัว y-y แต่ฟื้นตัว q-q จากคอนโดสร้างเสร็จใหม่ 2 แห่ง ยังแนะนำ “ถือ”

(+) STECON คาดกำไร 1Q25 ที่ 215 ลบ. พลิกจากขาดทุน -2.25 พันลบ. ใน 4Q24 และโตก้าวกระโดดจาก 1Q24 ที่มีกำไรเพียง 12 ลบ. ปัจจัยหนุนมาจาก GPM กลับสู่ระดับปกติ คาด 6% สูงสุดในรอบ 6 ปี เนื่องจากไม่ถูกกดดันจากงานอุโมงค์บึงหนองบอน มีเงินปันผลรับจาก GULF 222 ลบ. รายได้ก่อสร้างคาดใกล้เคียงกับ 4Q24 และ +18% y-y ผลักดันจากการเร่งก่อสร้างโรงไฟฟ้า Solar 7 แห่ง คงประมาณการและราคาเป้าหมาย 8 บาท คงคำแนะนำ “ซื้อ”

(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 254.48 จุด หรือ +0.62%, ปิดที่ 41,368.45 จุด ขานรับข่าวการบรรลุข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร นอกจากนี้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ส่งสัญญาณว่าการเจรจากับจีนที่กำลังจะมีขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์นี้ จะมีสาระสำคัญมากกว่าที่คาดไว้ในตอนแรก

(+) ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ประกาศข้อตกลงทางการค้ากับสหราชอาณาจักรเพื่อลดภาษีนำเข้า ซึ่งนับเป็นข้อตกลงแรก นับตั้งแต่ทรัมป์จุดชนวนสงครามการค้าโลกด้วยการเก็บภาษีนำเข้าในวงกว้าง

(0) ตลาดหุ้นเอเชียเปิดบวกสลับลบ รับข่าวการบรรลุข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร

(-) ค่าเงินบาทอ่อนค่าอยู่ที่บริเวณ 33.02 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 0.40%

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 1.84 ดอลลาร์ หรือ 3.17% ปิดที่ 59.91ดอลลาร์/บาร์เรล ปิดพุ่งขึ้นกว่า 3% โดยได้แรงหนุนจากความหวังที่ว่าสหรัฐฯ และจีน ซึ่งเป็นสองประเทศที่ใช้น้ำมันมากที่สุดของโลก จะสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าในระหว่างพบปะกันที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในช่วงสุดสัปดาห์นี้ ในขณะที่เช้านี้เพิ่ม ขึ้นอยู่ที่ระดับ 60.11 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ 0.33%

(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 85.90 ดอลลาร์ หรือ 2.53% ปิดที่ 3,306.00 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากนักลงทุนเทขายทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศการทำข้อตกลงการค้ากับสหราชอาณาจักร ซึ่งทำให้มีการคาดการณ์ว่าสหรัฐฯ อาจจะบรรลุข้อตกลงการค้ากับประเทศ อื่น ๆ เช่นกัน ในขณะที่เช้านี้เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 3,321.40 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ 0.47%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 939.68/ 0.21%

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

9 พ.ค.จีน: ส่งออก (เม.ย.), ยอดขายรถยนต์ (เม.ย.), New Yuan Loans (เม.ย.)

สหรัฐ: Fed Speech

10 พ.ค.จีน: เงินเฟ้อ (เม.ย.)
13 พ.ค.สหรัฐ: เงินเฟ้อ (เม.ย.)
14 พ.ค.จีน: New Yuan Loan (เม.ย.)
- Advertisement -