Daily Focus: สหรัฐฯ-จีนลดภาษีชั่วคราว หนุนสินทรัพย์เสี่ยง
2025 SET Target : 1180
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัวในแดนลบช่วงเช้า ก่อนที่ช่วงบ่ายจะฟื้นตัวขึ้นปิดบวก 4.35 จุด ที่ระดับ 1,210.94 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.1 หมื่นลบ. โดยคาดหวังการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา สถาบันในประเทศยังคงซื้อสุทธิในตลาดหุ้นอีกบางๆ 245 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่อง 1.5 พันลบ. (และ Short Index Futures สุทธิเล็กน้อย 1.1 พันสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะแกว่งตัวในแดนบวกเข้าใกล้กรอบ 1,220-1,230 จุด หนุนจากการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนออกมาเป็นบวก โดยสหรัฐฯ ปรับลดภาษีนำเข้าจีนลงจาก 145% เหลือ 30% ขณะที่จีนปรับลดจาก 125% เหลือ 10% เป็นเวลา 90 วัน เพื่อเปิดทางการเจรจาเพิ่มเติมในอนาคต ซึ่งถือว่าผลออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดค่อนข้างมาก ทำให้สินทรัพย์เสี่ยงและราคา Commodity ฟื้นตัวแรงจากโอกาสเกิด Recession ของสหรัฐฯ ที่ลดลง ขณะที่ Bond Yield และ Dollar Index ปรับตัวขึ้น โดยตลาดลดโอกาสที่ FED จะลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ก.ค. เหลือเพียง 40% และเพิ่มโอกาสในเดือน ก.ย. เป็น 78% ช้าออกไปหนึ่งการประชุม ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตามคืนนี้ คือเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ เดือน เม.ย. ตลาดคาด Headline +2.4% y-y Core +2.8% y-y หากออกมาสูงกว่าคาดอาจทำให้ Sentiment บวกปัจจุบันถูกลดทอนลง ส่วนปัจจัยในประเทศโฟกัสหลักยังคงอยู่ที่โค้งสุดท้ายของการประกาศผลประกอบการ 1Q25 บจ. โดยเท่าที่ออกมาแล้วโดยรวมดีกว่าคาด 8% แต่กระจุกที่หุ้นขนาดใหญ่เป็นหลัก ขณะที่หุ้นขนาดกลาง-เล็กยังผสมผสาน และเริ่มเห็นสัญญาณการชะลอการใช้จ่ายภายในประเทศจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ เราจึงยังเน้นเลือกหุ้นที่มีแนวโน้มกำไรแข็งแกร่งและมั่นคง โดยเฉพาะสินค้าบริการจำเป็น รวมถึงราคายัง Laggard กว่าตลาดในช่วง 1 เดือนล่าสุดหลัง SET ฟื้นตัวจาก Low มีโอกาสกลับมา Outperform
กลยุทธ์ : ยังเน้น Selective Buy หุ้นที่มีแนวโน้มกำไร 1Q25-2025 แข็งแกร่งและกระทบจำกัดจากภาษีการค้าสหรัฐฯ และเศรษฐกิจชะลอตัว
หุ้นเด่นเดือน พ.ค. : CPALL, MTC, NSL, OSP, PR9
FSSIA Portfolio : BA, BTG, CPALL, KBANK, MTC, NSL, PR9, STECON
หุ้นเด่น Finansia 13 พ.ค. 25 : TOP
- แนะนำ “เก็งกำไร” ราคาเป้าหมายเฉลี่ยจาก IAA Consensus 28.66 บาท
- ประกาศกำไรสุทธิ 1Q25 ที่ 3.5 พันลบ. +27% q-q, +40% y-y ดีกว่าที่ตลาดคาดหนุนจาก Stock Gain ส่วนกำไรปกติอยู่ที่ 2.2 พันลบ. -26% q-q, -69% y-y จากค่าการกลั่นที่ชะลอ
- เราคาด TOP จะได้ Sentiment บวกจากการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนออกมาเป็นบวกกว่าคาด โดยมีการลดภาษีนำเข้าระหว่างกันชั่วคราว 90 วัน นอกจากนี้ค่าการกลั่นล่าสุดยืนในระดับที่สูงที่ระดับ US$5-6 ต่อบาร์เรล คาดเป็นปัจจัยหนุนระยะสั้น
- แนวรับ 27-26.50 บาท แนวต้าน 28.50-29 บาท
Fund Flow : ช่วง 2 วันทำการที่ผ่านมา กระแสเงินทุนต่างชาติไหลเข้าภูมิภาคสุทธิหนาแน่น US$1,101 ล้าน โดยกระจุกตัวที่ไต้หวัน US$1,250 ล้าน แต่ไหลออกจากเกาหลีใต้ US$79 ล้าน ส่วนฝั่งอาเซียนเม็ดเงินไหลออกจากไทยและอินโดนีเซียประเทศละ US$34-44 ล้าน แต่ไหลเข้าฟิลิปปินส์บางๆ US$8 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังไหลเข้าต่อเนื่อง โดยยังได้อานิสงส์จากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนที่เบาลง
ประเด็นสำคัญวันนี้
(-) กลุ่มร้านอาหาร เริ่มดูแผ่วลงจากกำลังซื้อที่ไม่สดใส อากาศที่ร้อนน้อยกว่าปกติใน 2Q และนักท่องเที่ยวฟื้นช้ากว่าคาด โดย AU รายงานกำไร 1Q25 ใกล้เคียงตลาดคาด -24% q-q ตามปัจจัยฤดูกาล แม้ยังโต +21% y-y แต่ SSSG พลิกเป็นลบที่ -9.4% y-y เป็นครั้งแรกในรอบ 13 ไตรมาส แต่รายได้รวมเติบโต 24% y-y มาจากรายได้ขายสินค้าผ่าน Modern trade ที่เติบโตสูง เม.ย. 2025 มีการปิดสาขา AU ที่ฮ่องกง เพราะ Franchisee ปรับโครงสร้าง ซึ่งไม่กระทบต่อผลการดำเนินงานของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้บริษัทมีแผนขยายร้าน franchise ไปดูไบ และอินโดนีเซีย รวมถึงขยายช่องทางการจำหน่ายผ่าน distributor ในมาเลเซียและเวียดนาม
(+) WHA กำไร 1Q25 ที่ 2.1 พันลบ. +47% q-q, +52% y-y ดีกว่าเราคาด 28% และตลาดคาด 25% กำไรที่ดีกว่าคาดมาจากอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงกว่าคาด กำไร 1Q25 คิดเป็น 41% ของคาดการณ์ทั้งปี ปีนี้ไม่น่าห่วงแต่กำไรปีหน้าคาดลดลง การเจรจาการค้าสหรัฐ-จีนคืบหน้าแต่ยังมีความไม่แน่นอน ลูกค้าส่วนใหญ่ไม่กระทบ แต่ลูกค้าใหม่บางส่วนอาจรอก่อนตัดสินใจ เราจึงคงประมาณการและยังคงคำแนะนำ “ซื้อ”
(-) WHAUP กำไรสุทธิ 1Q25 ที่ 224 ลบ. –5% q-q, -52% y-y ต่ำกว่าเราคาด 8% จากรายได้ที่ต่ำกว่าคาดและค่าใช้จ่ายในการบริหารมากกว่าคาด แม้ส่วนแบ่งกำไรจาก GHECO-1 เพิ่มขึ้น q-q แต่ลดลง y-y เนื่องจากมี reserved shutdown 28 วัน แนวโน้ม 2Q25 น่าจะทรงตัว q-q แต่ยังลดลง y-y จาก GHECO-1 เดินเครื่องเต็มไตรมาสและขาดทุนจากสต๊อกถ่านหินราคาสูงลดลง คงประมาณการและราคาเป้าหมาย 4.50 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”
(+) MOSHI กำไรสุทธิ 1Q25 ที่ 156 ลบ. -24% q-q ตามฤดูกาล, +24% y-y ดีกว่าเราคาด 11% จากอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่าคาด SSSG ไตรมาสนี้อยู่ที่ 7.9% y-y ตามคาด แนวโน้มกำไร 2Q25 น่าจะเติบโตทั้ง q-q และ y-y จาก SSSG ใน 3 สัปดาห์แรกของเดือน เม.ย. ปรับขึ้นสูงถึง 15% y-y ขณะที่ SSSG เฉลี่ยทั้งปีของเราที่ 3.5% ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของ 1Q25 ที่ 7.9% ประมาณการกำไรมี Upside 10-15% ยังแนะนำ “ซื้อ”
(0) CBG กำไรสุทธิ 1Q25 ที่ 760 ลบ. -3% q-q, +21% y-y ต่ำกว่าคาดเล็กน้อย โดยลดลง q-q มาจากรายได้เครื่องดื่มชูกำลังในประเทศ -17% q-q, +29% y-y คาดรายได้ต่างประเทศน่าจะกลับมาฟื้นใน 2Q25 ตามฤดูกาล และคาดจะเริ่มเห็นผลบวกของการปรับลดต้นทุนบรรจุภัณฑ์ใน 3Q25 น่าจะช่วยหักล้างผลลบของภาษีน้ำตาล และยังต้องติดตามสถานการณ์การแข่งขันในประเทศที่ยังรุนแรง เพราะ OSP และ KTD ต่างทำโปรโมชั่นต่อเนื่องนับตั้งแต่ต้นปี 2025
(0) RBF กำไรสุทธิ 1Q25 ที่ 106 ลบ. -18% q-q, -39% y-y ตามคาด ไม่สดใสนัก เรายังคาดหวังการเติบโตของกำไรในช่วงที่เหลือของปี จากทั้งคำสั่งซื้อของลูกค้าใหม่ที่เพิ่มขึ้นทั้งปากีสถานและรัสเซีย อย่างไรก็ตาม ระยะสั้นอาจเผชิญความเสี่ยงจาก US tariff กระทบลูกค้าส่งออกของ RBF ทั้งในไทยและเวียดนาม ราคาเป้าหมาย 4.80 บาท ยังแนะนำ “ถือ” ประกาศซื้อหุ้นคืนวงเงินไม่เกิน 500 ลบ.
(+) TACC กำไรสุทธิ 1Q25 ทำนิวไฮที่ 73 ลบ. +29% q-q, +21% y-y มาจากรายได้เครื่องดื่มทำนิวไฮ หักล้างต้นทุนกาแฟที่สูงขึ้นได้ทั้งหมด รายได้แข็งแกร่งมาจากกระแสความนิยมในเครื่องดื่มชาไทยและชาเขียวที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ค่าใช้จ่ายปรับลดลง หลังเลิกธุรกิจ HIP และสามารถหักล้างผลลบของต้นทุนเมล็ดกาแฟที่สูงขึ้นได้ทั้งหมด แม้อัตรากำไรขั้นต้นลงเหลือ 32.5% ต่ำสุดในรอบ 8 ไตรมาส แต่มีอัตรากำไรสุทธิสูงขึ้น
(+) ตลาดดาวโจนส์ ปิดที่ 42,410.10 จุด เพิ่มขึ้น 1,160.72 จุด หรือ +2.81% ทะยานขึ้นกว่า 1,000 จุดในวันจันทร์ (12 พ.ค.) หลังจากสหรัฐฯ และจีนบรรลุข้อตกลงการค้าชั่วคราว ซึ่งช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าโลก ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ ในวันนี้ เพื่อประเมินแนวโน้มเงินเฟ้อและทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)
(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวกในวันจันทร์ (12 พ.ค.) ท่ามกลางบรรยากาศเชิงบวก หลังจากที่สหรัฐฯ และจีนตกลงกันเป็นการชั่วคราวในการลดภาษีนำเข้า ซึ่งช่วยบรรเทาความกังวลในตลาดโลกที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า
(+) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดบวก รับข่าวการบรรลุข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน
(+) ค่าเงินบาท แข็งค่าอยู่ที่บริเวณ 33.02 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ หรือ -0.22%
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 93 เซนต์ หรือ 1.52% ปิดที่ 61.95 ดอลลาร์/บาร์เรล ปิดบวกในวันจันทร์ (12 พ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการที่สหรัฐฯ และจีนบรรลุข้อตกลงการค้าชั่วคราว ซึ่งทำให้นักลงทุนมีความหวังว่าสงครามการค้าระหว่างสองประเทศจะยุติลง ในขณะที่เช้านี้ลดลงอยู่ที่ระดับ 61.86 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -0.15%
(-) ราคาทองคำ COMEX ร่วงลง 116 ดอลลาร์ หรือ 3.47% ปิดที่ 3,228.00 ดอลลาร์/ออนซ์ ปิดร่วงลงกว่า 3% ในวันจันทร์ (12 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากสหรัฐฯ และจีนบรรลุข้อตกลงการค้าชั่วคราว ขณะที่เช้านี้เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 3,240.70 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ 0.39%
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 939.09/-0.06%
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
13 พ.ค. | สหรัฐ: เงินเฟ้อ (เม.ย.) |
14 พ.ค. | จีน: New Yuan Loan (เม.ย.) |
15 พ.ค. | สหรัฐ; PPI (เม.ย.), Retail Sales (เม.ย.) อังกฤษ: 1Q25 GDP growth |
16 พ.ค. | ญี่ปุ่น: 1Q25 GDP growth |