KS Daily View 13.05.2025 >>> สหรัฐฯ-จีน เจรจาผ่อนคลาย มอง SET มีแนวโน้มปรับตัวขึ้น มองกรอบ SET วันนี้ 1,210-1,235 จุด แนะนำ PR9, GPSC, GULF, MTC และ AURA
Theme การลงทุนสัปดาห์นี้: คาดตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้แกว่งตัวรอในกรอบ 1,180-1,235 จุด โดยมองกรอบบนไว้ที่ 1,270 จุดมีปัจจัยหนุนจาก sentiment เชิงบวกของการเจรจาภาษีการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนที่ได้ข้อสรุปที่ผ่อนคลายลง ซึ่งมองว่าแนวโน้มการปรับตัวขึ้นของ SET index มาจากการที่ตลาดถูกปรับ multiple PER ขึ้น โดยเฉพาะกลุ่ม Electronics, Petrochemical, Energy, Pet Food และ ยางและถุงมือยาง ขณะที่ Market EPS ยังคงมีแนวโน้มถูกปรับตัวลดลงในสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งนี้สัปดาห์หน้าเป็นช่วงโค้งสุดท้ายของการรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนสำหรับ 1Q25 เพื่อที่จะเป็นตัวกำหนดทิศทางดัชนีว่าจะสามารถทะลุแนวต้านที่บริเวณระดับ 1,235-1,270 จุดได้หรือไม่ตามผลประกอบการที่รายงานออกมาตอบรับระหว่างความคาดหวังและความจริงที่ทำได้ ซึ่งมุมมองของเราเชื่อว่าตลาดจำเป็นต้องมีผลประกอบการที่แข็งแกร่งเพื่อสอดคล้อง momentum เชิงบวกของการพลิกตัวกลับเป็นขาขึ้น ในทางกลับกันหากรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนออกต่ำกว่าคาด อาจหนุนให้ SET index พลิกกลับมาเป็น side way
แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศวันนี้: ตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,210.94 จุด หลังจากที่ตลาดรอปัจจัยเชิงบวกใหม่ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เราประเมินว่าตลาดวันนี้มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นในกรอบ 1,210–1,235 จุด โดยได้รับแรงสนับสนุนจากบรรยากาศเชิงบวกของการเจรจาภาษีการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนที่ได้ข้อสรุปที่ผ่อนคลายลง ขณะที่ในประเทศยังคงต้องติดตามการพิจารณาทบทวนโครงการแจกเงิน 10,000 บาท สำหรับหุ้นเด่นในสัปดาห์นี้ เราแนะนำ PR9, GPSC, GULF, MTC และ AURA
ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:
- ติดตามการประชุม ครม. หลังมีกระแสข่าวว่ารัฐบาลอาจมีการพิจารณาทบทวนโครงการแจกเงิน 10,000 บาท สำหรับในส่วนที่เหลือ โดยอาจนำเงินจากโครงการดังกล่าวราว 1.57 แสนล้านบาท ไปใช้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อรับมือกับผลกระทบจากมาตรการปรับขึ้นภาษีนำเข้าสหรัฐฯ หากมีการชะลอตัวโครงการ digital wallet ออกไปจะส่งจิตวิทยาเชิงลบกับกลุ่ม commerce อย่าง CPALL CRC
- สหรัฐและจีนได้บรรลุข้อตกลงการค้าเฟสหนึ่ง โดยในช่วง90วันแรก โดยที่สหรัฐตัดสินใจปรับลดภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศจีนเหลือ 30% (จากเดิม 145%) ในขณะที่จีนปรับลดภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐจาก 125% เหลือ 10% ซึ่งเรามองเป็นจิตวิทยาเชิงบวกจากข่าวต่อกลุ่มElectronics (DELTA, KCE, HANA) Petrochemical (PTTGC, IVL, SCC, IRPC), Energy (SPRC, TOP, PTTEP, BCP), Pet food (AAI, ITC) และ ยาง (STA, TEGH) และถุงมือยาง (STGT)
- กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของไทยได้หารือกับรัฐมนตรีเกษตรของฟิลิปปินส์เกี่ยวกับการเปิดตลาดส่งออกเนื้อสัตว์ปีกดิบ เช่น ไก่และเป็ด ไปยังประเทศฟิลิปปินส์ซึ่งโดยอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาร่าง Health Certificate ร่วมกับกรมปศุสัตว์ของไทย คาดว่าจะสามารถส่งออกเนื้อสัตว์ดิบได้ปีละประมาณ 5,000 ตัน มูลค่า 500 ล้านบาท ซึ่งเรามองเป็นจิตวิทยาเชิงบวกเล็กน้อยกับหุ้น GFPT
- การเจรจานิวเคลียร์รอบที่ 4 ระหว่างอิหร่าน-สหรัฐ ยังคงหาข้อสรุปไม่ได้ โดยที่รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน อับบาส อารักชี ยืนยันสิทธิในการเสริมสมรรถนะยูเรเนียมของอิหร่าน ขณะที่สหรัฐเรียกร้องให้อิหร่านรื้อถอนโครงการนิวเคลียร์ทั้งหมดและเสนอให้อิหร่านนำเข้ายูเรเนียมเสริมสมรรถนะแทนการผลิตเอง ทั้งนี้สหรัฐได้ข่มขู่ว่าจะใช้กำลังทหารหากไม่มีความคืบหน้า ซึ่งมองว่าหากการเจรจาไม่ประสบผลสำเร็จ อาจหนุนให้สหรัฐมีการ sanction อิหร่าน หรือใช้กำลังทหารในกรณีเลวร้าย จะส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นเป็นบวกกับ PTTEP
- ญี่ปุ่นตั้งเป้าลดภาษีกับทางสหรัฐ แลกกับการนำเข้าข้าวโพดเพิ่มขึ้น และอาจร่วมมือด้านอุตสาหกรรมต่อเรือกับสหรัฐ เพื่อแลกกับภาษีอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ต่ำลงโดยจะมีผลบังคับใช้เดือนกรกฎาคมนี้ ในส่วนของประเทศไทยอาจจะมองประเทศญี่ปุ่นเป็น proxy ของการนำเข้าข้าวโพดเพิ่มขึ้นแลกกับการลดอัตราภาษี ที่จะหนุนให้ต้นทุนธุรกิจปศุสัตว์มี GPM ที่ปรับตัวดีขึ้น อย่าง CPF BTG TFG
Daily pick
MTC: ราคาพื้นฐาน 49.00 บาท
เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ MTC จากแนวโน้มผลประกอบการ 1Q25 คาดจะออกมาที่ 1.58 พันลบ. เพิ่มขึ้น 3% QoQ และ 14% YoY จากการเติบโตของสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ที่ดีกว่าอุตสาหกรรม และค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญ (credit cost) รวมถึงผลขาดทุนจากรถถูกยึดที่ลดลงทั้ง YoY, QoQ โดยที่ NPL ratio ใน 1Q25 ทรงตัวที่ระดับ 2.8% ด้วยภาพของแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของไทยยังคงเป็นขาลงหนุนให้ต้นทุนการเงินจะปรับตัวลดลงในอนาคต เราคาดการณ์ MTC มีโอกาส outperform ภายหลังงบการเงินในกลุ่มออกมามีแนวโน้มดีขึ้นทั้งcredit cost และ asset quality แม้จะมี Loan growth ที่ยังอ่อนแอ
AURA: ราคาพื้นฐาน 20.10 บาท
เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ AURA จากการคาดการณ์กำไรใน 1Q25 ที่จะออกมาเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งโดยคาดกำไรใน 1Q25 ที่ 325 ลบ.เติบโตขึ้น 18.7%YoY และ 5.2%QoQ จากกำไรของธุรกิจซื้อขายทองที่มี volume สูงขึ้นในช่วงทองขาขึ้นโดยกำไรที่ดีขึ้นมาจากฝั่งรับซื้อทอง รวมไปถึงเราคาดธุรกิจทองมาเงินไปจะเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งเช่นกัน โดยเรามองการเติบโตของสินเชื่อทองมาเงินไปจะขึ้นไปที่ 5.1 พันล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 4.5%QoQ โดย AURA มีสาขาเพิ่มเป็น 508 สาขา ณ สิ้น 1Q25 เราคาดการณ์ปีนี้จะเป็นปีทองต่อเนื่องของ AURA โดยมีเป้าหมายการเติบโตที่ระดับ 20-30% จากการขยายสาขา 156 สาขาในปี 2025 และตั้งเป้าการเติบโตของสินเชื่อมาอยู่ที่ 7.5 พันล้านบาท เราคาดการณ์ AURA จะเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งต่อเนื่องไปยัง ปี 2027
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
วันอังคาร ติดตามตัวเลขเงินสหรัฐฯ (US CPI) เดือน เม.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ +2.4% YoY ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า ขณะที่Core CPI ตลาดคาดที่ +2.8% YoY ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า
วันพุธ ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อของเยอรมัน (Germany CPI) เดือน เม.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ +2.1% YoY ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า
วันพฤหัสบดี ติดตามดัชนียอดค้าปลีกของสหรัฐ (US Retail sale) เดือน เม.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ +0.1% MoM ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ +1.4% MoM ต่อด้วยดัชนีราคาผู้ผลิต (US PPI index) ของสหรัฐฯ สำหรับเดือน เม.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ +2.5% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ +2.7% YoY ปิดท้ายด้วย จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดคาดการณ์ที่ 2.30 แสนตำแหน่งเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.28 แสนตำแหน่ง
วันศุกร์ ติดตามรายงานการเติบโต GDP ของญี่ปุ่น ใน 1Q25 ครั้งแรก ตลาดคาดการณ์ที่ -0.1% QoQ ชะลอตัวจากไตรมาสก่อนหน้าที่ +0.6% QoQ ต่อด้วยการายงานจำนวนที่อยู่อาศัยเริ่มสร้าง (Housing Starts) ของสหรัฐ เดือน เม.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ 1.365 ล้านหลัง เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 1.324 ล้านหลัง ต่อด้วย รายงานใบอนุญาตก่อสร้างบ้าน (Building Permits) ของสหรัฐ เดือน เม.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ 1.450 ล้านหลัง ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ 1.467 ล้านหลัง