KS Daily View 15 พ.ค. 2025>>> เช้านี้คาดตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นเล็กน้อยต่อเนื่องจากวันที่ผ่านมา หนุนโดยกลุ่ม ปิโตรเคมี อาหาร และ โรงไฟฟ้าจากภาพเชิงบวกของข้อเสนอทางการค้าและการลงทุนของไทยแลกเปลี่ยนกับอัตราภาษีนำเข้าของสหรัฐที่ลดลง

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศวันนี้: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 0.10%, Nasdaq Composite เพิ่มขึ้น 0.72% ขณะที่ Dow Jones ลดลง 0.21% ภาพรวมตลาดค่อนข้างทรงตัว รอติดตามตัวเลข PPI, Retail Salas และถ้อยแถลงของประธานเฟดในคืนนี้ อย่างไรก็ตามหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้นโดดเด่น หนุนโดย Nvidia พุ่งขึ้นกว่า 4% จากข่าวการส่งมอบชิป AI ให้ซาอุดีอาระเบีย

ตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,216.71 จุด เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 2.32 จุด (+0.19%) หนุนโดยการปรับตัวขึ้นของกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์, ICT, และอาหาร จากภาพเชิงบวกมากขึ้นของดีลการค้าของไทยและสหรัฐ เราคาดการณ์ว่า SET Index ของไทยยังคงมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นเล็กน้อยต่อเนื่องจากวันที่ผ่านมา ประเมินกรอบที่ 1,210-1,230 หนุนโดยกลุ่ม ปิโตรเคมี อาหาร และ โรงไฟฟ้าจากภาพเชิงบวกของข้อเสนอทางการค้าและการลงทุนของไทยเพื่อแลกเปลี่ยนกับอัตราภาษีนำเข้าของสหรัฐที่ลดลง อย่างการนำเข้าพลังงานและสินค้าการเกษตรที่คาดว่าจะหนุนให้อัตรากำไรขั้นต้นในอนาคตปรับตัวดีขึ้น ทั้งนี้มองว่าตลาดยังคงให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นที่รายงานผลประกอบการใน 1Q25 แข็งแกร่ง และมีแนวโน้มเติบโตได้ต่อเนื่องไปยัง 2Q25 อย่าง TIDLOR และ AURA ที่รายงานผลประกอบการ 1Q25 เติบโตทั้ง YoY, QoQ และมีแนวโน้มผลประกอบการที่จะเติบโตขึ้นทั้ง YoY และ QoQแข็งแกร่งต่อเนื่องใน 2Q25

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

  1. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของไทย ได้เปิดเผยข้อเสนอต่อสหรัฐฯในการเจรจาเรื่องของกำแพงภาษี มีสาระสำคัญของข้อเสนอมี 5 ข้อ ได้แก่ 1) เสริมความร่วมมือธุรกิจอาหารแปรรูปไทยและสหรัฐโดยเฉพาะการนำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐเพื่อเป็นวัตถุดิบแปรรูปและส่งออกไปตลาดโลก; 2) นำเข้าสินค้าจากสหรัฐเพิ่มขึ้นอย่าง พลังงาน (น้ำมันดิบ, LNG, อีเทน), เครื่องบินและชิ้นส่วน, อาวุธยุทโธปกรณ์ และผลิตภัณฑ์เกษตรอย่างข้าวโพด ถั่วเหลือง และเนื้อวัว; 3) การลดภาษีนำเข้าภายใต้ระบบ MFN จำนวน 11,000 รายการ ลง 14% และ การลดอุปสรรคที่ไม่ใช่ภาษี (NTBs) อย่างการลดข้อจำกัดการนำเข้าและโควตาให้ตลาดสินค้าสหรัฐมากขึ้น; 4) บังคับใช้กฎหมายถิ่นกำเนิดสินค้าเคร่งครัดผ่านการบังคับใช้กฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า; 5) ส่งเสริมการลงทุนของเอกชนไทยในสหรัฐใน 4 ปีข้างหน้า โดยเฉพาะกลุ่มพลังงานและการลงทุนฟาร์มเกษตรขนาดใหญ่ จากข้อเสนอดังกล่าวเรามองว่า PTTGC จะได้ประโยชน์จากการนำเข้าและใช้อีเทนมากขึ้นหนุนให้ GPM ปรับตัวขึ้นราว 4% ด้วยต้นทุน ethane ที่ถูกกว่า naphtha ขณะที่กลุ่มโรงไฟฟ้าอย่าง GPSC BGRIM GULF จะได้ประโยชน์จากแนวโน้มของราคาพลังงานที่ปรับตัวลดลง และท้ายสุดกลุ่มปศุสัตว์ CPF BTG TFM จะได้ประโยชน์จากต้นทุนที่ปรับตัวลงจากการนำเข้าข้าวโพดที่ราคาถูกกว่าราคาในประเทศประมาณ 30%
  • หากไทยสามารถเจรจาการค้ากับสหรัฐในอัตราภาษีนำเข้าได้จาก 36% เป็น 10% อาจหนุนให้ GDP Growth ของไทยปี 2025 จะมี upside 1.8%-2.0% เทียบกับคาดการณ์ ณ ปัจจุบันที่ 1.4% ในส่วนของ Market EPS ปี 2025 มองว่ามี upside จำกัด โดยเราประเมินไว้ที่ 88 บาท
  • ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาครง เตือนว่าอาจมีการออกมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียรอบใหม่ภายในไม่กี่วัน หากไม่ยอมตกลงหยุดยิง โดยอาจครอบคลุมภาคการเงินและอุตสาหกรรมน้ำมัน-ก๊าซ ซึ่งสอดคล้องกับท่าทีของเยอรมนีและชาติพันธมิตรยุโรปที่พร้อมกดดันรัสเซียเพิ่มเติมหากไม่ยินยอมตามข้อเสนอหยุดยิง 30 วัน ขณะที่ปูตินยังไม่ตอบรับ แต่เรียกร้องการเจรจาโดยตรงกับยูเครนที่อิสตันบูลในวันที่ 15 พ.ค. โดยมีโดนัลด์ ทรัมป์ สนับสนุนแนวทางดังกล่าว มองว่าหากฝั่งยุโรปมีมาตรการคว่ำบาตรกับฝั่งรัสเซียอาจหนุนให้ราคาพลังงานปรับตัวขึ้น เป็นบวกกับ PTTEP
  • นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยังคงกล่าวว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ตเฟส 3 ซึ่งจะมอบเงิน 10,000 บาทให้กับประชาชนกลุ่มอายุ 16-20 ปี จำนวน 2.7 ล้านคน อาจต้อง ชะลอออกไปก่อน เพื่อมุ่งเน้นการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจในระยะยาว อาจมองเป็นผลเชิงลบเล็กน้อยต่อจิตวิทยาการลงทุนกลุ่มค้าปลีก ในขณะเดียวกัน เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเปิดเผยความคืบหน้าโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง จะเข้าเสนอเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ช่วงปลายเดือนพ.ค.นี้

หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:

  • TIDLOR: ราคาพื้นฐาน 19.75 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ TIDLOR จากแนวโน้มการเติบโตของกำไรใน 2Q25 จะเพิ่มขึ้นทั้ง YoY, QoQ หนุนโดยการปล่อยสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นขณะที่คุณภาพสินทรัพย์ยังคงควบคุมได้ดี ทั้งนี้ผู้บริหารคาดว่าอัตราหนี้เสีย (NPL) จะทรงตัว และต้นทุนเครดิตรวมถึงการก่อเกิด NPL ยังอยู่ในทิศทางที่จะต่ำกว่า 3% เมื่อเทียบกับประมาณการปัจจุบันที่ 3.1% ในส่วนต้นทุนทางการเงิน คาดว่าเข้าใกล้จุดสูงสุดแล้ว โดยจะปรับเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยในช่วง 2Q25 ถึง 3Q25 โดยเพิ่มขึ้นประมาณ 15 bps ก่อนจะค่อยๆ ลดลงในช่วงปี 2026-2027

  • AURA: ราคาพื้นฐาน 20.10 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ AURA หลังรายงานกำไรสุทธิ 1Q25 ที่ 398 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +45% YoY, +28% QoQ สูงกว่าประมาณการของเราไป 14% ซึ่งการเติบโตในไตรมาสนี้หนุนจาก GPM ของธุรกิจซื้อขายทองคำเพิ่มขึ้นเป็น 9% จาก 7.8% ใน 1Q24 และ 7.5% ใน 4Q24 ประกอบกับธุรกิจสินเชื่อทองคำที่มียอดสินเชื่อเติบโต 6% จากต้นปี ส่งผลให้รายได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 9% QoQ และ 80% YoY มองไปในอนาคตมองว่าแนวโน้มกำไร 2Q24 ยังคงเติบโตต่อเนื่องหนุนโดย การปรับเพิ่มค่าธรรมเนียมช่างทอง (Goldsmith Fee) ที่จะเริ่มเห็นผลใน 2Q25 และรับรู้เต็มไตรมาสใน 3Q25 และการเร่งขยายธุรกิจสินเชื่อทองคำเพื่อให้บรรลุเป้าหมายสินเชื่อรวมที่ 7.5 พันล้านบาทภายในสิ้นปี 2025

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันพฤหัสบดี ติดตามดัชนียอดค้าปลีกของสหรัฐ (US Retail sale) เดือน เม.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ +0.1% MoM ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ +1.4% MoM ต่อด้วยดัชนีราคาผู้ผลิต (US PPI index) ของสหรัฐฯ สำหรับเดือน เม.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ +2.5% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ +2.7% YoY ปิดท้ายด้วย จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดคาดการณ์ที่ 2.30 แสนตำแหน่งเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.28 แสนตำแหน่ง
  • วันศุกร์ ติดตามรายงานการเติบโต GDP ของญี่ปุ่น ใน 1Q25 ครั้งแรก ตลาดคาดการณ์ที่ -0.1% QoQ ชะลอตัวจากไตรมาสก่อนหน้าที่ +0.6% QoQ ต่อด้วยการายงานจำนวนที่อยู่อาศัยเริ่มสร้าง (Housing Starts) ของสหรัฐ เดือน เม.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ 1.365 ล้านหลัง เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 1.324 ล้านหลัง ต่อด้วย รายงานใบอนุญาตก่อสร้างบ้าน (Building Permits) ของสหรัฐ เดือน เม.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ 1.450 ล้านหลัง ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ 1.467 ล้านหลัง
- Advertisement -