บล.เคจีไอ (ประเทศไทย):
Land and Houses (LH.BK/LH TB) ผลประกอบการ 1Q68: ชะลอตามคาด*
Event: ผลประกอบการ 1Q68
Impact: กำไรสุทธิตามคาดที่ 837 ล้านบาท (-32% YoY และ -68% QoQ)
รายได้จากธุรกิจที่อยู่อาศัยที่ 2.7 พันล้านบาท (-40% YoY และ -31% QoQ) อ่อนแอกว่าเราคาดไว้ที่ 3.55 พันล้านบาท แต่อัตรากำไรขั้นต้น (gross margin) ที่ 26% สูงกว่าที่เราคาดที่ 24% ส่วนรายได้จากธุรกิจโรงแรมและบริการก็ลดลง 10% YoY และ 23% QoQ อยู่ที่ 1.93 พันล้านบาท หลังจากขายห้างฯ Terminal 21 พัทยา เข้ากองทรัสต์ REIT ใน 4Q67 ในแง่สัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) ต่อรายได้สูงขึ้นกว่าคาดอยู่ที่ 23% (+4 ppt YoY และ QoQ) ส่วนต้นทุนการเงินก็พุ่งขึ้น 22% YoY แต่คงที่ QoQ ทางด้านส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมทรงตัว YoY ที่ 840 ล้านบาท ขณะที่กำไรปกติลดลงมากอยู่ที่ 700 ล้านบาท ต่ำกว่าเราคาดพอควร อย่างไรก็ดี กำไรพิเศษจากการโอนสินทรัพย์ไปยังกองทรัสต์ LH Shopping Center Leasehold REIT (LHSC.BK/LHSC TB) มูลค่า 119 ล้านบาทช่วยดันกำไรสุทธิใน 1Q68 โดยคิดเป็น 17% ของประมาณการกำไรทั้งปีของเรา
กำไร 2Q68F จะถูกดันด้วยกำไรจากการขายสินทรัพย์มูลค่า 700 ล้านบาท (ก่อนภาษี)
เราประเมินพรีเซล (ยอดจอง) 1Q68 ที่ 3.7 พันล้านบาท (-33% YoY และ -9% QoQ) ถัดมาใน 2Q68 ดูเหมือน sentiment แย่ลงหลังจากเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงเมื่อปลายเดือนมีนาคม 2568 และภาวะตลาดอสังหาฯ ชะลอตัวจากสภาวะเศรษฐกิจย่ำแย่ ขณะที่โรงแรมใหม่ที่ Grande Centre Point Lumphini ซึ่งเพิ่งเปิดตัวในเดือนเมษายน 2568 จำเป็นต้องใช้เวลาในการเพิ่มอัตราการเข้าพัก ดังนั้น รายได้จากธุรกิจโรงแรมและบริการอาจจะทรงตัวในระยะสั้น ขณะที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์หลักของ LH ก็มีแนวโน้มที่จะยังคงซบเซา แต่ LH จะรับรู้กำไร 700 ล้านบาท (ก่อนภาษี) จากการขายอพาร์ตเมนต์สองแห่ง ได้แก่ Parc at Pruneyard และ Revere apartments ใน Campbell, California มูลค่า 7.85 พันล้านบาท โดยที่เงินที่ได้มาจะนำไปชำระหนี้และเพื่อพัฒนาโรงแรมใหม่ ๆ ในประเทศไทย
Valuation & Action
เราปรับราคาเป้าหมาย SOTP ลงใหม่ที่ 4.40 บาท (จากธุรกิจหลักที่ 0.40 บาท และพอร์ตการลงทุนอีก 4.00 บาท) บน discounted PE ปี 2568F ที่ -1SD โดยที่เรายังคงคำแนะนำเพียงถือ อย่างไรก็ดี เรากำลังรอรายละเอียดเพิ่มเติมจากการประชุมนักวิเคราะห์ที่จะจัดขึ้นวันที่ 15 พ.ค. 68
Risks
ภาวะเศรษฐกิจอ่อนแอ โอกาสมีนโยบายกระตุ้นจากภาครัฐ การให้สินเชื่อมีความเข้มงวดมากขึ้นท่ามกลางภาวะหนี้สินภาคครัวเรือนสูงยืดเยื้อ รวมทั้งการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ