STX โชว์แกร่ง!! งบโค้งแรกกำไรโตกว่า 266% ปิดดีลซื้อเหมืองใหม่ จ.เพชรบุรี ดันศักยภาพเติบโตระยะยาว

“บมจ.สโตนวัน หรือ STX” โชว์ผลงานแกร่ง! ไตรมาสแรกโกยกำไรสุทธิอยู่ที่ 41.12 ล้านบาท พุ่งกระฉูด 267% กวาดรายได้รวมอยู่ที่ 110.08 ล้านบาท พร้อมรุกขยายอาณาจักรเหมืองแห่งใหม่ ล่าสุดปิดดีลซื้อเหมืองหินปูนที่จ.เพชรบุรี เติมคลังสำรองหินอีก 25 ล้านตัน รองรับการลงทุนเมกะโปรเจกต์ ด้านผู้บริหารย้ำ STX มีจุดแข็ง ทั้งพื้นที่ใกล้แหล่งโครงการสำคัญ ต้นทุนแข่งขันได้ พร้อมรุกกลุ่มแร่โดโลไมต์ รับดีมานด์ขยายตัว ดันมาร์จิ้นเพิ่ม

นายทรงวุธ เวชชานุเคราะห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สโตนวัน จำกัด (มหาชน) หรือ STX เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2568 มีกําไรสุทธิ 41.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.92 ล้านบาท หรือเติบโต 266.99% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 24.07% เพิ่มขึ้นจาก 21.82% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนประสิทธิภาพในการบริหารต้นทุนและยอดขายสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูง และมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จำนวน 75.38 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 178.34% สะท้อนถึงการเติบโตที่แข็งแกร่งและผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นเมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา

ปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากการขยายตัวของยอดขายผลิตภัณฑ์หลัก โดยเฉพาะหินแกรนิตจากเหมืองหนองข่า ซึ่งมียอดขายเพิ่มขึ้นกว่า 11 ล้านบาท สอดรับกับความต้องการของภาคก่อสร้างในพื้นที่ภาคตะวันออกและ EEC ที่เร่งตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังมีการรับรู้รายได้พิเศษจากการกลับรายการค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิต จำนวน 52.5 ล้านบาท จากการได้รับชำระหนี้ของลูกหนี้ค้างชำระ

โดย บริษัทมีรายได้รวม 110.08 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.18 ล้านบาท หรือ 0.16% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เป็นสัดส่วนรายได้จากหินแกรนิต อยู่ที่ 47% หินปูน 40% และแร่โดโลไมต์ 20% อย่างไรก็ดี บริษัทมีแผนเพิ่มสัดส่วนรายได้จากแร่โดโลไมต์ เนื่องจากคำสั่งซื้อที่เข้ามาจากลูกค้าเดิมในกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก และกระจก เป็นต้น รวมทั้ง นโยบายภาครัฐบาลที่เตรียมผลักดันยกเลิกเตาหลอมแบบอินดักชัน (IF) ส่งผลให้ความต้องการแร่โดโลไมต์ที่ใช้ในเตาหลอมแบบอาร์คไฟฟ้า (EAF) สูงขึ้นตามไปด้วย บริษัทฯ จึงมีแผนลงทุนขยายโรงงาน/เพิ่มเครื่องจักรใหม่ รองรับคำสั่งซื้อจากลูกค้าเดิม และลูกค้าใหม่ที่เข้ามา คาดแล้วเสร็จในไตรมาส 3 ปีนี้ เป็นอีกโอกาสสร้างการเติบโตในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรที่ดี

นายทรงวุธ
กล่าวต่อว่า แม้เศรษฐกิจที่ท้าทาย เราเห็นโอกาสจากมูลค่างานก่อสร้างไทยที่สูงหลักแสนล้านบาท และโครงการลงทุนจากภาครัฐและเอกชนที่ยังมีต่อเนื่องในอนาคต เมื่อเทียบกับรายได้จากธุรกิจของเรา กับสเกลการลงทุนในมหภาค จะเห็นว่า บริษัทยังมีโอกาสอีกมากที่จะเติบโตในฐานะผู้นำธุรกิจเหมืองหินและแร่ ซึ่งเป็นธุรกิจที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง รวมทั้งการเข้ามาของผู้เล่นรายใหม่ทำได้ยาก เพราะต้องได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และใช้เงินลงทุนสูง จึงเป็นโอกาสของ STX ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า เนื่องจากธุรกิจเหมืองของบริษัทอยู่ใกล้แหล่งก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่หลายโครงการ สร้างความได้เปรียบแก่บริษัท เนื่องจากต้นทุนการขนส่งเป็นปัจจัยสำคัญในการแข่งขัน

และหนึ่งในกลยุทธ์การขยายธุรกิจ คือการลงทุนซื้อเหมืองใหม่เข้ามาสนับสนุนการเติบโต ล่าสุด STX ประสบความสำเร็จในการปิดดีลเข้าซื้อกิจการเหมืองหินปูนแห่งใหม่ใน อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี ซึ่งได้รับประทานบัตรแล้ว มีอายุ 29 ปี และปริมาณสำรองกว่า 25 ล้านตัน เป็นอีกก้าวสำคัญในการเพิ่มปริมาณสำรองหินอุตสาหกรรมของบริษัทรองรับดีมานด์จากเมกะโปรเจกต์ต่างๆ สร้างโอกาสการเติบโตในระยะยาว

ทั้งนี้ STX ยังเดินหน้าการเติบโตของธุรกิจและความรับผิดชอบต่อสังคม โดยในปีนี้ได้รับรางวัล Green Mining Award และการรับรองอุตสาหกรรมสีเขียวระดับ 3 รวมถึง CSR-DPIM จากกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ตอกย้ำมาตรฐานเหมืองแร่ที่ยั่งยืน นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีฐานะการเงินแข็งแกร่ง โดยมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด ณ สิ้นไตรมาส 1 อยู่ที่ 360.76 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปีก่อนถึง 63.40 ล้านบาท สะท้อนความสามารถในการบริหารสภาพคล่อง รองรับความต้องการของประเทศที่กำลังเร่งการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในทุกภูมิภาค

- Advertisement -