Daily Focus: ขาดปัจจัยใหม่ แกว่งบวกลบในกรอบ

ตลาดหุ้นวานนี้: SET Index ผันผวน เปิดตลาดบวก 9 จุดตามภูมิภาค กลุ่มแบงก์ และ DELTA จากนั้นปรับลงอย่างรวดเร็วและบวกแรงอีกครั้งในช่วงบ่าย ก่อนจะเผชิญแรงขาย ทำให้สิ้นวันปิดบวก 2.08 จุด ปิดที่ 1,189.14 จุด มูลค่าการซื้อขายกลับมาหนาแน่น 4.7 หมื่นลบ. กลุ่มแบงก์โดดเด่นพร้อมวอลุ่มหนาแน่นประมาณ 1 ใน 3 ของทั้งตลาด นักลงทุนต่างชาติพลิกมาซื้อสุทธิในตลาดหุ้นเป็นวันแรกในรอบ 4 วัน 865 ลบ. (และ Long Index Futures สุทธิ 1.8 พันสัญญา) นักลงทุนสถาบันในประเทศขายหุ้นสุทธิ 321 ลบ.

แนวโน้มตลาดวันนี้: เราคาด SET Index แกว่ง Sideways ในกรอบ 1,180-1,200 จุด ตลาดยังไร้ปัจจัยใหม่ การเจรจาการค้าคืบหน้าช้า สำหรับปัจจัยในประเทศ วานนี้ที่รัฐบาลเตรียมวงเงิน 1.57 แสนล้านบาทกระตุ้นเศรษฐกิจในด้านโครงสร้างพื้นฐาน ท่องเที่ยว เกษตร และชุมชน แทนการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต เป็นผลดีมากกว่าเนื่องจากการลงทุนมี supply chain ที่ยาวกว่าแต่ใช้เวลานานกว่าจะเห็นผล งบประมาณดังกล่าวมีระยะเวลาใช้ถึงเดือน ก.ย. นี้ จึงไม่เพิ่ม GDP ในปีนี้ได้อย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้จำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลงเพราะเข้า low season กระทบไปถึงการบริโภคกลุ่มที่พึ่งพานักท่องเที่ยว เราจึงยังคงประเมินว่า Upside ของ SET Index ที่ระดับราว 1,200 จุดในระยะสั้นยังคงจำกัด จึงยังเน้นเลือกหุ้นที่มีแนวโน้มกำไรแข็งแกร่งและมั่นคง โดยเฉพาะสินค้าบริการจำเป็นที่ราคายัง Laggard มีแนวโน้มที่จะปรับตัวได้ดีกว่าตลาด

กลยุทธ์: ยังเน้น Selective Buy หุ้นที่มีแนวโน้มกำไร 2Q25-2025 แข็งแกร่ง โดยเน้นกลุ่มสินค้าและบริการจำเป็นท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ

หุ้นเด่นเดือน พ.ค.: CPALL, MTC, NSL, OSP, PR9
FSSIA Portfolio: BA, BTG, CPALL, KBANK, MTC, NSL, PR9, STECON

หุ้นเด่นวันนี้ : KBANK

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 186 บาท

  • แม้ KBANK ไม่ใช่หุ้น Top pick ในกลุ่มธนาคาร และยังมีความท้าทายด้านเศรษฐกิจและการค้าโลกในช่วงที่เหลือของปี แต่การล้างหนี้เสียในช่วงปี 2022-2024 ไปเรียบร้อยแล้ว ทำให้การก่อตัวของหนี้ด้อยคุณภาพมีแนวโน้มลดลง การตั้งสำรองมีแนวโน้มลดลง และแนวโน้ม credit cost เป็นขาลง

  • การตั้งสำรองต่อหนี้ด้อยคุณภาพอยู่ในระดับสูงที่ 149% เป็นกันชนที่ดีในภาวะความไม่แน่นอนสูงในระยะข้างหน้า ปัจจุบันมี P/E 7.7x, P/BV 0.7x, Dividend yield 5.9%, ROE 9% ไม่ทิ้งห่างจากแบงก์ใหญ่อื่น

  • แนวรับ 163 บาท แนวต้าน 172-175 บาท

Fund Flow: วานนี้กระแสเงินทุนต่างชาติพลิกมาไหลเข้าภูมิภาคบางๆ US$131 ล้าน กระจุกอยู่ที่ไต้หวัน US$188 ล้าน รองลงมาเป็นไทย US$26 ล้าน นอกนั้นเกาหลีใต้เป็นเม็ดเงินไหลออก US$43 ล้าน และประเทศใน TIPs อื่นได้แก่ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เม็ดเงินไหลออก US$25 ล้าน และ US$16 ล้าน ตามลำดับ แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่าจะไหลออกเข้าสินทรัพย์ปลอดภัยท่ามกลางความไม่แน่นอนของการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครน และนักลงทุนยังจับตาความคืบหน้าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้า

ประเด็นสำคัญวันนี้
(-) ยอดนักท่องเที่ยวสัปดาห์ที่ 20 (12-18 พ.ค. 2025) เฉลี่ย 6.6 หมื่นคน/วัน -5% w-w และ -19% y-y ลดต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน นักท่องเที่ยวที่หดตัวแรง -19% y-y ยังคงมาจากการลดลงของชาวจีนเป็นหลัก -50% y-y เหลือเฉลี่ย 8.9 พันคน/วัน กลุ่ม Non-Chinese -6% w-w, -10% y-y เป็นเฉลี่ย 5.7 หมื่นคน/วัน หดตัว y-y เนื่องจากกลุ่มนักท่องเที่ยวหลักเกาหลีใต้ และอินเดีย ฟื้นตัวกลับมา จำนวนนักท่องเที่ยวสะสมตั้งแต่ 1 ม.ค.-18 พ.ค. มีทั้งสิ้น 13.41 ล้านคน คิดเป็น 36% ของเป้าทั้งปีของสภาพัฒน์ฯ คาดการณ์ปีนี้ 37 ล้านคน

(+) MINT เป็นหุ้นโรงแรมที่แข็งแกร่งท่ามกลางภาคท่องเที่ยวไทยที่เข้า Low season เพราะการจองห้องพักในยุโรปและมัลดีฟส์ที่ยังสูงใน 2Q25 ส่วน RevPAR เดือน เม.ย. ในยุโรป โต 2-3% y-y เดือน พ.ค. โตใกล้ 10% y-y ส่วนโรงแรมในมัลดีฟส์โตเป็น double digit ธุรกิจอาหาร SSSG ในเดือน เม.ย. ติดลบ 2-3% และเริ่มเป็นบวกในช่วง พ.ค. MINT เดินตามแผน asset light model ต่อเนื่อง รวมถึงการลดหนี้ เราคงประมาณกำไรปีนี้ +13% y-y คงราคาเป้าหมาย 45 บาท คงคำแนะนำ “ซื้อ”

(+) NEO แนวโน้มรายได้รวม 2QTD ยังเติบโตราว 10% y-y จากในประเทศที่โตเล็กน้อย ยังฝ่าด่านกำลังซื้อที่ไม่สดใสได้ จากการออกสินค้าใหม่ และส่งออกที่ยังฟื้นได้ต่อ เบื้องต้นคาดกำไร 2Q25 อาจทรงตัว q-q และ y-y แม้รายได้ดูฟื้นตัว แต่ต้นทุนรวมยังสูง และคาดกำไร 2H25 จะกลับมาโต y-y ได้อีกครั้ง จากรายได้ต่างประเทศฟื้น และคาดหวังต้นทุนวัตถุดิบลดลง สถานการณ์ปัจจุบันของ NEO ยังดูสอดคล้องกับประมาณการของเรา จึงยังคาดกำไรปี 2025 ที่ 970 ลบ. (-3.8% y-y) และคงเป้าที่ 49.5 บาท ราคาหุ้นปัจจุบันเทรดที่ 8.7x ยังแนะนำ “ซื้อ” ลงทุน

(0) CBG ผบห. ชี้แจงว่า AC Nielsen ได้แก้ไขตัวเลขส่วนแบ่งตลาดเดือน มี.ค. ขึ้นเป็น 25.8% (+0.3% m-m) จากเดิม 25.1% (-0.4% m-m) ส่วนแชร์ล่าสุดเดือน เม.ย. ลดลงเล็กน้อย -0.1% m-m เป็น 25.7% ผบห. ยังคงเป้าเพิ่มแชร์เป็น 29% สิ้นปี 2025 จาก 26% สิ้นปี 2024 โดยมีแผนทำโปรในช่องทาง modern trade เท่านั้น ระยะสั้นให้ภาพรายได้รวม 2Q25 โตดีทั้ง q-q, y-y แต่ภาพกำลังซื้อดูอ่อนแอ ทำให้ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังเผชิญความท้าทาย เรายังมอง Neutral ต่อกลุ่มเครื่องดื่มชูกำลัง แนะนำเก็งกำไร

(0) CKP โมเมนตัมกำไร 2Q24 ดีต่อเนื่องทั้ง q-q, y-y จากปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำของเขื่อนน้ำงึมเพิ่มขึ้น และปริมาณน้ำไหลผ่านของเขื่อนไชยะบุรีเพิ่มขึ้น ตามปริมาณฝนที่ตกมากกว่าปีก่อน ปัจจัยสำคัญที่จะผลักดันให้กำไรปี 2025 เติบโตหลักๆ มาจากปรากฏการณ์ลานีญาที่คาดว่าปริมาณฝนจะตกมากกว่าปกติ ส่งผลให้ปริมาณน้ำในเขื่อนและการไหลผ่านของน้ำเพิ่มสูงขึ้น รวมถึงได้ประโยชน์จากทิศทางดอกเบี้ยที่ขาลดลง คงคาดกำไรสุทธิปี 2025 เติบโต 11% y-y ราคาเป้าหมาย 3.4 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”

(-) ตลาดดาวโจนส์ลดลง 114.83 จุด หรือ -0.27%, ปิดที่ 42,677.24 จุด โดยตลาดถูกกดดันจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร และความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สินของรัฐบาลสหรัฐฯ ขณะที่นักลงทุนจับตาการแสดงความเห็นของบรรดาเจ้าหน้าที่ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ย

(+) ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 9 สัปดาห์ โดยหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคและกลุ่มโทรคมนาคมนำตลาดปรับตัวขึ้น ขณะเดียวกันผลประกอบการของบริษัทบางแห่งที่ออกมาดีก็ช่วยหนุนความเชื่อมั่นของนักลงทุนด้วย

(+) ตลาดหุ้นเอเชียเปิดบวก สวนทางตลาดสหรัฐฯ ที่ปรับตัวขึ้น 6 วันติดต่อกัน

(+) ค่าเงินบาทแข็งค่าอยู่ที่บริเวณ 32.92 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ หรือ -0.69%

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 13 เซนต์ หรือ 0.21% ปิดที่ 62.56 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากความไม่แน่นอนของการเจรจานิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่าน รวมทั้งการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครน นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของจีนซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันดิบรายใหญ่ของโลก ในขณะที่เช้านี้เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 63.19 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ 1.87%

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 51.10 ดอลลาร์ หรือ 1.58% ปิดที่ 3,284.60 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์เป็นปัจจัยหนุนตลาด นอกจากนี้ นักลงทุนยังเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครน ในขณะที่เช้านี้เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 3,323.20 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ 0.32%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 921.60 / +0.06%

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

21 พ.ค.อังกฤษ: เงินเฟ้อ (เม.ย.) // ญี่ปุ่น: ส่งออก (เม.ย.)
22 พ.ค.สหรัฐ: Existing Home Sales (เม.ย.)

G7: Meeting of Finance Ministers and Central Bank Governors

23 พ.ค.ไทย: ส่งออก (เม.ย.) // ญี่ปุ่น: เงินเฟ้อ (เม.ย.)

อังกฤษ: ยอดค้าปลีก (เม.ย.) / New Home Sales (เม.ย.)

24 พ.ค.สหรัฐ: Fed Chair Powell Speech
- Advertisement -