MARKET MOVE: หั่นภาษีกำลังมาตลาดผวา บิทคอยน์ผงาด / 1,165-1,180

คาด SET Index Sideways / Sideways down: รับความกังวลภาพเศรษฐกิจสหรัฐในอนาคตที่อาจต้องแบกรับต้นทุนเพิ่ม หลังสภาผู้แทนผ่านร่างกฎหมายภาษีฉบับใหม่ และการร่วงลงของราคาน้ำมันดิบกดดันหุ้นพลังงานต้นน้ำ ขณะที่จับตาการเมืองในประเทศใกล้ชิด ก่อนพิจารณางบประมาณปี 69

กลยุทธ์การลงทุน

  1. มาตรการภาครัฐ: ADVANC, UNIQ, SEAFCO, WHA
  2. Selective : MINT, RCL, TTA, TOP, KKP, CPF, GFPT, OSP
  3. Thai ESGX: BBL, KBANK, KTB, SCB, SCC
  4. Short-sell: AAV, BJC, CRC, CPN, HMPRO, SAWAD, BGRIM, BH

สภาผู้แทนฯ สหรัฐผ่านกฎหมายภาษี แต่ไม่ดีต่อตลาด: วานนี้สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้ผ่านร่างกฎหมายลดภาษีมาได้อย่างหวุดหวิดด้วยคะแนน 215 (เห็นด้วย) ต่อ 214 (ไม่เห็นด้วย) โดยขั้นตอนต่อไปจะเป็นการส่งให้วุฒิสภาพิจารณา แล้วจึงส่งกลับมาให้ทรัมป์ลงนาม ซึ่งทรัมป์ได้ทำการโพสต์ข้อความลงใน Truth Social ว่า “สภาผู้แทนสหรัฐได้ผ่านกฎหมายภาษีที่ใหญ่และงดงาม ซึ่งจะประกอบไปด้วยการปรับลดภาษีครั้งใหญ่ ไม่มีการเก็บภาษีสำหรับทิปหรือค่าล่วงเวลา รวมถึงจะลดภาษีสำหรับผู้ที่ซื้อยานยนต์ที่ผลิตในสหรัฐฯ โครงการเหล่านี้จะมาพร้อมกับโครงการยกระดับความปลอดภัยชายแดน และอื่นๆ” ความคืบหน้าดังกล่าวตอกย้ำความกังวลให้กับตลาด และยิ่งผลักดัน US Bond Yield ให้คงทิศทางขาขึ้น โดย Yield สำหรับพันธบัตรอายุ 30 ปี ปรับตัวขึ้นแตะ 5.15% สำนักข่าว The Guardian คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐต้องแบกรับต้นทุนจากการออกกฎหมายดังกล่าวกว่า 3.8 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วง 10 ปีข้างหน้า สร้างความกังวลต่อเศรษฐกิจสหรัฐ และกดดันตลาดสินทรัพย์เสี่ยง ผลักดันสินทรัพย์ทางเลือกอย่าง Bitcoin ปรับตัวขึ้น ล่าสุดทำ All Time High ใหม่ที่ 111,000 ดอลลาร์ต่อเหรียญ

น้ำมันดิบร่วงต่อ รอ OPEC+ และการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์: ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลงทำจุดต่ำสุดใกล้ระดับ 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังที่ประชุม OPEC+ เผยว่ากำลังตัดสินใจที่จะปรับเพิ่มกำลังการผลิตในการประชุมวันที่ 1 มิ.ย.นี้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มอุปทานในตลาดน้ำมัน และการเจรจาระหว่างสหรัฐ-อิหร่านเพื่อหาทางออกในข้อตกลงนิวเคลียร์ หากสามารถหาทางออกร่วมกันได้ คาดว่าจะมีการยกเลิกการคว่ำบาตรพลังงานอิหร่าน ซึ่งจะเสริมอุปทานน้ำมันดิบ และกดดันราคาน้ำมันลงเช่นกัน

การเมืองเริ่มกลับมาร้อน: หลังอดีตนายกรัฐมนตรี คือ คุณทักษิณ และยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทย เริ่มเผชิญปัญหาเกี่ยวกับการเดินทางออกนอกประเทศ และการถูกสั่งให้ชดใช้ค่าเสียหายในคดีจำนำข้าว ทำให้เกิดคำถามและความกังวลถึงเสถียรภาพของรัฐบาลผสม และทำให้ต้องจับตาการเมืองในประเทศอย่างใกล้ชิด เนื่องจากปัจจุบันเศรษฐกิจต้องพึ่งพาแรงขับเคลื่อนจากนโยบายภาครัฐค่อนข้างมาก หากมีการแตกแถวของพรรคร่วม หรือมีประเด็นใด ๆ ที่กระทบต่อการผ่านงบประมาณปี 69 ในสัปดาห์หน้า อาจทำให้รัฐบาลเผชิญภาวะสูญญากาศ และทำให้เศรษฐกิจชะงักงัน

+ ปัจจัยเพิ่มเติม

(-) ส.อ.ท. เผยตัวเลขส่งออกรถยนต์เดือน เม.ย. 68 อยู่ที่ 65,730 คัน ลดลง 6.31% y-y โดยมีมูลค่าส่งออก 59,893 ล้านบาท ลดลง 13.54% y-y

(-) สมาคมการขายและการตลาดอสังหาริมทรัพย์เผยว่า หลังแผ่นดินไหว ผู้ประกอบการอสังหาฯ บางรายต้องลดราคาที่ดินลงกว่า 50% เพื่อประคองยอดขาย สะท้อนภาพลบในธุรกิจอสังหาฯ

(+) ปลัดกระทรวงการคลังคาดว่าโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 1.57 แสนล้านบาท จะมีความชัดเจนภายในสิ้นเดือนพฤษภาคมนี้ โดยโครงการจะครอบคลุมการลงทุนด้านน้ำ คมนาคม ท่องเที่ยว และการจ้างงานในชุมชน

(+) ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ชี้ว่า งบประมาณที่รัฐจะใช้กระตุ้นเศรษฐกิจ ทุก ๆ 1 แสนล้านบาท จะช่วยดันให้ GDP ปี 68 ขยายตัว 0.5-0.7% และเกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ 1-2 เท่าภายใน 6 เดือน

PICKS OF THE DAY

BGRIM Short

  • เป้าหมาย 142.00 / 146.00 แนวต้าน 153.00
  • ลูกค้า IU กัดดัน : คาดปริมาณการขายไฟให้ลูกค้าอุตสาหกรรมหรือ IU จะยังอยู่ภาวะกดดัน โดยล่าสุดภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เผยยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปในเดือน เม.ย.68 อยู่ที่ 65,730 คัน ลดลง 6.31% y-y ซึ่งบริษัทมีสัดส่วนลูกค้าที่เป็นกลุ่มยานต์ 37% ของลูกค้า IU ของบริษัท จึงคาดว่าการชะลอตัวของภาคยานยนต์อาจส่งผลกดดันปริมาณการขายไฟฟ้าในช่วงที่เหลือของป
  • Bond Yield เพิ่มขึ้น : ความกังวลเกี่ยวกับนโยบายการคลังของสหรัฐฯ และความไม่แน่นอนจากแนวโน้มการเพิ่มภาษีนำเข้าส่งผลให้ Bond Yield ของสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดย อายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นจากระดับ 4.1% ต้นเดือนพฤษภาคม มาอยู่เหนือระดับ 4.5% ซึ่งคาดว่าจะเป็น Sentiment เชิงลบต่อหุ้นโรงไฟฟ้า ทั้งในแง่ความน่าสนใจด้าน Valuation และการเพิ่มขึ้นของต้นทุนทางการเงิน
BH- Short
  • เป้าหมาย 9.55 / 9.75 แนวต้าน 10.30
  • สัญญาณการเสียส่วนแบ่งการตลาด : ทางฝ่ายมองเห็นสัญญาณการสูญเสียส่วนแบ่งการตลาด จากการลดลงของผู้ป่วยการ์ต้าใน 1Q68 (1 ใน Top 3 ของรายได้ผู้ป่วยต่างชาติ ) โดยลดลง 24% y-y นอกจากนี้สัดส่วนรายได้ผู้ป่วยตะวันออกกลาง 1Q68 ลดลงมาอยู่ที่ 18% ของรายได้รวม จากเดิมแตะอยู่ทีระดับ 25-30% ของรายได้รวม ขณะที่ BDMS กลับเติบโตจากกาตาร์ในช่วงเวลาเดียวกัน โดย 1Q68 มีรายได้จากกาตาร์ เพิ่มขึ้น 56% y-y สัดส่วนรายได้จากผู้ป่วยตะวันออกกลางอยู่ที่ 16% ของรายได้รวม
  • คาด Demand มีแนวโน้มลดลง : ในปี 2568 BH มีแผนปรับขึ้นราคาห้องพัก ประกอบกับในอดีตมีการปรับขึ้นค่ารักษาพยาบาลต่อเนื่องในช่วง 3 ปีที่ผ่าน ทางฝ่ายคาด Demand มีแนวโน้มลดลง จากความกังวลด้านงบประมาณการส่งตัวเข้ามารักษาใน BH มากขึ้นมากขึ้น
- Advertisement -