บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย):
Carabao Group (CBG TB) ยังอยู่รอดในตลาดที่มีการแข่งขันสูง
คงคำแนะนำ “ถือ”
เราคงคำแนะนำ “ถือ” โดยปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 62.50 บาท (อิงจาก P/E ปี 68 ที่ 20 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีอยู่ -1.5 SD) เราปรับประมาณการกำไรต่อหุ้นปี 68-70 ขึ้น 1-2% เพื่อสะท้อนแนวโน้มยอดขายไตรมาส 2/68 ที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม เรายังคงมุมมองเชิงลบต่อกลุ่มเครื่องดื่มไทยจากการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น
ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นแม้การแข่งขันสูงขึ้น
ส่วนแบ่งตลาดของเครื่องดื่มชูกำลัง CBG เพิ่มขึ้นเป็น 25.8% และ 25.7% ในเดือนมี.ค. และเม.ย. จาก 25.5% ในเดือนก.พ. แม้จะมีการเปิดตัวสินค้าใหม่ “M-150 Yellow” ของโอสถสภา (OSP TB, ราคาเป้าหมาย 18.70 บาท, คำแนะนำ “ซื้อ”) เมื่อปลายเดือนม.ค. 68 CBG เชื่อว่าเป็นผลจากการเสนอส่วนต่างกำไรที่ดีกว่าให้แก่ร้านค้า และผลกระทบจากการแย่งตลาดระหว่าง M-150 Yellow และ M-150 Gold ของ OSP เอง CBG ระบุว่าส่วนแบ่งตลาดที่ลดลง MoM ในเดือนเม.ย. มาจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ OSP เริ่มเปิดตัว M-150 Yellow และในภาคใต้ ซึ่งไม่ใช่ตลาดหลักของ CBG อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่าเมื่อ M-150 Yellow ขยายจำหน่ายทั่วประเทศ ผลกระทบต่อ CBG จะชัดเจนมากขึ้น
คาดกำไร 2Q68 แข็งแกร่ง
เราคาดว่ายอดขายไตรมาส 2/68 จะเติบโตทั้ง YoY และ QoQ โดยได้รับแรงหนุนจากยอดขายเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศที่เพิ่มขึ้น (+34% YoY, +13% QoQ) และรายได้จากธุรกิจจัดจำหน่าย (+18% YoY, +17% QoQ) ขณะที่ยอดขายต่างประเทศ โดยเฉพาะในเมียนมา มีแนวโน้มฟื้นตัว QoQ อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) น่าจะทรงตัวหรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อย QoQ แม้มีภาระภาษีน้ำตาลเพิ่มขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากต้นทุนน้ำตาลดิบที่ลดลงและประสิทธิภาพการผลิตที่ดีขึ้น
ยังคงชอบ OSP มากกว่า แม้ CBG มีแนวโน้มบวก
CBG ชี้ถึงปัจจัยบวกหลายประการ ได้แก่ โครงการลดต้นทุนบรรจุภัณฑ์ที่จะเริ่มเห็นผลในไตรมาส 4/68 และโรงงานใหม่ในเมียนมาและกัมพูชาที่คาดว่าจะเริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ในเดือนก.ค. 68 และไตรมาส 1/69 ตามลำดับ โดย CBG คาดว่าโรงงานเหล่านี้จะช่วยลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์และภาษีนำเข้า อย่างไรก็ตาม เรามองว่าความเสี่ยงด้านลบต่อส่วนแบ่งตลาดเครื่องดื่มชูกำลังของ CBG ยังมีอยู่จากการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นจาก OSP และเรายังคงชอบ OSP มากกว่า (คำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 18.70 บาท) จากการฟื้นตัวของส่วนแบ่งตลาด (30.5% ในเดือนเม.ย. เทียบกับ 29.9-30.2% ในไตรมาส 1/68) และอัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่สูงถึง 8%
