Daily Focus: การฟื้นตัวยังจำกัด ขาดปัจจัยหนุนใหม่
ตลาดหุ้นวานนี้: SET Index แกว่งตัว Sideways ตามคาด โดยระหว่างวันมีแรงขายกดดันพอสมควร ก่อนที่จะมีแรงซื้อช่วงท้ายตลาด หนุนให้ดัชนีพลิกมาปิดบวกได้บางๆ 2.07 จุด ที่ระดับ 1,178.43 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.8 หมื่นลบ. กลุ่มที่นำตลาดได้คืออิเล็กทรอนิกส์ ปิโตรเคมี ท่องเที่ยว ไฟแนนซ์ ส่วนกลุ่มที่ถ่วงคือ อาหาร พลังงาน ขนส่ง เป็นต้น สถาบันในประเทศพลิกมาซื้อสุทธิในตลาดหุ้นบางๆ 206 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติกลับมาขายสุทธิ 1.1 พันลบ. (และ Short Index Futures 6.7 พันสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้: เราคาด SET Index จะแกว่ง Sideways ในกรอบ 1,170-1,190 จุด โดยคาดมูลค่าการซื้อขายยังไม่หนาแน่นนัก เนื่องจากภาพรวมยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามากระตุ้นตลาด โดยยังคงติดตามพัฒนาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศต่างๆ ด้านตัวเลขเศรษฐกิจโฟกัสจะอยู่ช่วงปลายสัปดาห์ โดยสหรัฐฯ จะประกาศตัวเลข GDP 1Q25 (2nd Est) และเงินเฟ้อ PCE เดือน เม.ย. ส่วนปัจจัยในประเทศ สภาฯ จะมีการพิจารณาร่างงบประมาณปี 69 วาระแรกวันที่ 28-30 พ.ค. เรายังคงประเมินว่าการฟื้นตัวของ SET Index ในระยะสั้นยังคงจำกัด โดยความกังวลยังคงอยู่ที่แนวโน้มเศรษฐกิจที่ชะลอตัวใน 2Q25-2H25 จากทั้งฝนที่มาเร็วและผลกระทบจากภาษีการค้าสหรัฐฯ ซึ่งมีโอกาสที่จะยังทำให้เกิดการทยอยปรับลดประมาณการ EPS ลงจากปัจจุบันที่ราว 90 บาทได้อยู่ ภาพรวมยังคงสอดคล้องกับมุมมองของเราที่ประเมินว่า Upside ดัชนีเหนือระดับ 1,200 จุด ยังค่อนข้างจำกัด จึงยังเน้นเลือกหุ้นที่มีแนวโน้มกำไรแข็งแกร่งและมีประเด็นบวกเฉพาะตัว โดยเฉพาะสินค้าบริการจำเป็นที่ราคายัง Laggard มีแนวโน้มที่จะปรับตัวได้ดีกว่าตลาด
กลยุทธ์: ยังเน้น Selective Buy หุ้นที่มีแนวโน้มกำไร 2Q25-2025 แข็งแกร่ง และโดยเน้นกลุ่มสินค้าและบริการจำเป็นท่ามกลางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและไม่แน่นอน
หุ้นเด่นเดือน พ.ค.: CPALL, MTC, NSL, OSP, PR9
FSSIA Portfolio: BA, CPALL, KBANK, MTC, NSL, OSP, PR9, STECON
หุ้นเด่น Finansia 27 พ.ค. 25 : OSP
- แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 24 บาท
- ส่วนแบ่งการตลาดของ OSP เดือนเม.ย. ขยับขึ้น 0.6% m-m เป็น 45% สูงสุดในรอบ 5 เดือน แม้สัดส่วนของ M-150 12 บาท จะปรับลงบ้าง แต่ตัว 10 บาทปรับขึ้นมากพอชดเชย ทำให้ภาพรวมส่วนแบ่งตลาดยังปรับขึ้นได้ตามแผน มูลค่าตลาดเครื่องดื่มชูกำลังเดือน เม.ย. ยังโต 2% y-y และทำให้ 4MTD +3.2% y-y
- แนวโน้มกำไร 2Q25 ดูดีกว่าที่เคยประเมิน โดยมีลุ้นทรงตัว q-q และโต 8% y-y หนุนจาก Gross Margin ที่คาดว่ายังอยู่ในระดับที่สูง และจะทำให้กำไร 2H25 คิดเป็น 60-65% ของประมาณการทั้งปี ซึ่งอาจมี Upside
- แนวรับ 16.20-16 บาท แนวต้าน 17//18 บาท
Fund Flow: วานนี้กระแสเงินทุนต่างชาติไหลเข้าภูมิภาคสุทธิ US$545 ล้าน โดยกระจุกตัวที่ไต้หวัน US$426 ล้าน ตามด้วยเกาหลีใต้ US$135 ล้าน ส่วนฝั่งอาเซียนเม็ดเงินผสมผสาน ไหลเข้าอินโดนีเซีย US$20 ล้าน แต่ไหลออกจากไทย US$35 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังค่อนข้างไปในทิศทางไหลเข้า แต่ปริมาณไม่หนาแน่นนัก โดยยังคงจับตาพัฒนาการเจรจาการค้าหลังสถานการณ์ระหว่าง US-EU ผ่อนคลายลงบ้าง
ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) ตัวเลขส่งออกไทยเดือน เม.ย. +10.2% ดีกว่าตลาดคาดเล็กน้อย ตัวเลขส่งออกเดือน เม.ย. +10.2% y-y ดีกว่าตลาดคาดไว้ที่ +9.1% เชื่อว่าน่าจะเป็นผลจากการเร่งส่งออกก่อนที่ภาษีทรัมป์มีผลบังคับใช้ แต่การเติบโตเริ่มชะลอตัวจาก +17.8% y-y ในเดือนก่อนหน้า รวมถึงมีแนวโน้มชะลอต่อเนื่องในเดือนถัดๆ ไป มูลค่าส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรเดือน เม.ย. -8.4% y-y หดตัวเป็นเดือนที่ 2 โดยสินค้าเกษตร -19.6% y-y หดตัวเป็นเดือนที่ 4 ส่วนสินค้าอุตสาหกรรมเกษตร +9.1% y-y สินค้าที่ขยายตัวดี นำโดย ยางพารา ไก่สด แช่เย็น แช่แข็ง และแปรรูป น้ำตาลทราย อาหารสัตว์เลี้ยง ส่วนสินค้าที่หดตัว นำโดย ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง และแห้ง และข้าว
(+) TFG มองปริมาณขาย 2H25 ยังขึ้นต่อ และมองราคาเนื้อสัตว์จะทรงตัวสูง ราคาที่ย่อลงช่วงนี้เป็นเพียงชั่วคราวเพราะฝนตกชุก บริษัทยังคงเป้ารายได้ปี 2025 เติบโต 10-15% y-y สำหรับ retail shop ที่กำลังเร่งขยายสาขาให้ได้ 600 สาขา ณ สิ้นปี 2025 จากสิ้น 1Q25 ที่มี 430 สาขา และปัจจุบันยังมี SSSG เป็นบวก คาดกำไร 2Q25 จะเติบโตทั้ง q-q และ y-y เพราะราคาเนื้อสัตว์ขึ้น และราคาวัตถุดิบลง ส่วนประเด็นการลดสัดส่วนหุ้นที่วางเป็นหลักประกันบัญชีมาร์จิ้นปัจจุบันลดมาอยู่ที่ 32% ผู้บริหารระบุว่า ยังมีแผนทยอยลดลงอีกในระยะถัดไป ข่าวดีออกมาครบแล้ว หลังจากนี้เน้นติดตามราคาเนื้อสัตว์ต่อไป ยังคงราคาเป้าหมาย 6.50 บาท แนะนำ “เก็งกำไร”
(0) RATCH บริษัทตั้งเป้าเพิ่มกำลังผลิต 5-10% ของโรงไฟฟ้าที่ตั้งอยู่ในแต่ละประเทศ และดำเนินนโยบายสอดคล้องกับแผนพัฒนาพลังงานของประเทศนั้นๆ สำหรับแผน PDP 2024 ของไทยยังอยู่ระหว่างปรับปรุงร่างใหม่ก่อนยื่นให้ ครม. อนุมัติ โดยในแผน PDP 2024 จะมีการเปิดประมูลโรงไฟฟ้า IPP รอบใหม่ราว 1,000 MW ผู้บริหารเชื่อว่า RATCH มีโอกาสชนะประมูลสูง เพราะมีต้นทุนที่ต่ำกว่าคู่แข่งด้านระบบสาธารณูปโภค สำหรับโรงไฟฟ้าราชบุรีโคเจนที่กำลังจะหมดอายุสัญญาปีหน้า แม้จะทำให้บริษัทมีกำไรหายไปราว 500 ลบ. ต่อปี แต่จะถูกชดเชยได้หมดและมากกว่า จากส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าหินกองและ Paiton รวมกันกว่า 1,500-2,000 ลบ./ปี คงคาดกำไรสุทธิปี 2025 +13% y-y Div. yield 6.5% ยังแนะนำ “ซื้อ”
(+) FSSIA Portfolio Update เราทำกำไร BTG และเพิ่ม OSP เข้า ทำให้ล่าสุดหุ้นใน Portfolio ประกอบด้วย BA, CPALL, KBANK, MTC, NSL, OSP, PR9, และ STECON
(0) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ, ตลาดน้ำมัน, และตลาดทองคำ ปิดทำการเนื่องในวัน Memorial Day
(+) ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก โดยสามารถฟื้นตัวจากการร่วงลงในวันศุกร์ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ชะลอแผนการขึ้นภาษีนำเข้า 50% กับสินค้าจากยุโรป ซึ่งช่วยคลายความวิตกของนักลงทุน
(0) ตลาดหุ้นเอเชียเปิดบวกสลับลบ รอรับข่าวภาษี Trump เพิ่มเติม
(-) ค่าเงินบาทอ่อนค่าอยู่ที่บริเวณ 32.60 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ หรือ -0.31%
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 922.46/-
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
27 พ.ค. | ไทย: ยอดขายรถยนต์ (เม.ย.) สหรัฐ: ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน (เม.ย.) |
28 พ.ค. | สหรัฐ: FOMC Minutes, ประมูลพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ฝรั่งเศส: 1Q25 GDP growth |
29 พ.ค. | ญ่ปุ่น: Consumer Confidence (พ.ค.) สหรัฐ: 2Q25 GDP growth (ประมาณการครั้งที่ 2) |
30 พ.ค. | สหรัฐ: Core PC Price Index (เม.ย.) ยุโรป: เงินเฟ้อ (พ.ค.) |