KS Daily View 28.05.2025 >>> SET มีแนวโน้มฟื้นตัว หลังรัฐบาลสหรัฐฯ อาจลดภาษีนำเข้าต่ำกว่า 10% แนะนำหุ้นพื้นฐานดี COM7 และ SEAFCO

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศวันนี้: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 2.05%, Nasdaq Composite เพิ่มขึ้น +2.47% และ Dow Jones เพิ่มขึ้น +1.78% หลังจาก ความเชื่อมั่นของนักลงทุนเพิ่มขึ้นจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ประกาศเลื่อนการขึ้นภาษี ประกอบกับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ออกมาสูงกว่าตลาดคาด

ตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,163.42 จุด ลดลง 15.01 จุด (-1.27%) จากการปรับตัวลดลงของกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลัก ที่ถูกขายทำกำไร แม้ว่ายอดส่งออกมีแนวโน้มยังคงเติบโตต่อเนื่องใน 2Q25 แต่จะถูกกดดันด้วยการแข็งค่าของเงินบาทส่งผลลบกับ อัตรากำไรขั้นต้น ในไตรมาสนี้ ขณะที่ในครึ่งหลังของปี 2025 อาจเห็นการชะลอตัวลงของคำสั่งซื้อหลังจากการสะสมสต๊อกสินค้าในระดับสูง ในวันนี้เราคาดว่า SET Index ของไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวจากวันที่ผ่านมา ประเมินกรอบ 1,160-1,175 จากภาพเชิงบวกในต่างประเทศหลังผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติสหรัฐฯ ได้เปิดเผยว่า รัฐบาลทรัมป์มีท่าทีผ่อนคลายลงอาจลดภาษีนำเข้าต่ำกว่า 10% หากเสนอข้อตกลงการค้าที่ดี ประกอบกับ ครม.มีมติเห็นชอบร่างแผนงานด้านทรัพย์สินทางปัญญาระหว่างกรมทรัพย์สินทางปัญญาและ USTR เพื่อลดกำแพงภาษีนำเข้าสหรัฐ ในส่วนของหุ้นแนะนำ เรามุ่งเน้นในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง ในระหว่างยังไม่ได้ข้อสรุปของการเจรจาได้แก่ COM7 และ SEAFCO ที่มีปัจจัยเฉพาะของการเร่งตัวขึ้นของกำไรใน 2Q25

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

1) คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างแผนงานด้านทรัพย์สินทางปัญญาระหว่างกรมทรัพย์สินทางปัญญาและ USTR เพื่อผลักดันให้ไทยหลุดจากบัญชีประเทศที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษ โดยครอบคลุม 4 ด้านหลัก ได้แก่ ลิขสิทธิ์ (แก้ไขกฎหมาย-ระบบการบังคับใช้), เครื่องหมายการค้า (ลดงานค้าง-เพิ่มบุคลากร), สิทธิบัตรและเภสัชภัณฑ์ (ปรับกฎหมาย-เพิ่มประสิทธิภาพระบบ), และการบังคับใช้สิทธิ (ให้ข้อมูลสม่ำเสมอ-ปราบปรามละเมิดจริงจัง) มองเป็นจิตวิทยาเชิงลบเล็กน้อยกับกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมอย่าง WHA AMATA

2) จากแหล่งข่าวมติชนได้เปิดเผยว่า สภาผู้บริโภคได้ยื่นคำฟ้องต่อศาลปกครองกลางเพื่อขอให้เพิกถอนประกาศของ กสทช. ต่อการประมูลคลื่นความถี่ ซึ่งอาจขัดต่อกฎหมายและส่งผลเสียต่อการแข่งขันในตลาดที่มีผู้เล่นหลักเพียง 2 รายใหญ่คือ AIS และ TRUE ครองตลาดรวมกันกว่า 97% อีกทั้งยังตั้งราคาขั้นต่ำในการประมูลต่ำเกินไป ไม่สะท้อนมูลค่าจริงเมื่อเทียบกับรายได้จากการเช่าคลื่นในอดีต โดยเฉพาะเมื่อ NT ไม่พร้อมเข้าร่วมการประมูล จึงไม่มีการแข่งขันที่แท้จริง และอาจเปิดทางให้ตลาดผูกขาด มองเป็นจิตวิทยาเชิงลบกับ ADVANC และ TRUE

3) เควิน แฮสเสตต์ ผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติสหรัฐฯ (NEC) เปิดเผยว่า รัฐบาลทรัมป์อาจลดภาษีนำเข้าต่ำกว่า 10% สำหรับประเทศที่เสนอข้อตกลงการค้าที่ดี โดยคาดว่าอาจมีการประกาศข้อตกลงใหม่บางฉบับภายในสัปดาห์นี้ และระบุว่าข้อตกลงกับอินเดียใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้วโดยการตัดสินใจขั้นสุดท้ายจะขึ้นอยู่กับประธานาธิบดีทรัมป์ มองเป็นจิตวิทยาเชิงบวกเล็กน้อยกับกลุ่มส่งออก

4) กระทรวงพาณิชย์จีนเตรียมหารือร่วมกับค่ายรถยนต์ใหญ่ อาทิ BYD, Dongfeng Motor เพื่อแก้ปัญหาและส่งเสริมยอดขาย “รถมือสอง 0 ไมล์” หรือรถที่จดทะเบียนแล้วแต่ไม่เคยใช้งานจริง ซึ่งเป็นผลจากการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงในตลาดรถยนต์จีน โดยกลยุทธ์นี้ถูกมองว่าเป็นวิธีการกระตุ้นยอดขายรถใหม่ มองจิตวิทยาเป็นลบกับ AH และ SAT

5) คณะกรรมาธิการยุโรปได้ร้องขอให้บริษัทชั้นนำใน EU ส่งข้อมูลแผนการลงทุนในสหรัฐฯ อย่างเร่งด่วน เพื่อใช้ประกอบการเจรจาการค้ากับรัฐบาลทรัมป์ ซึ่งส่งไปยังสมาชิก BusinessEurope และ European Roundtable for Industry ทั้งนี้อียูพยายามเจรจาลดหรือล้มเลิกภาษีนำเข้าสินค้าอุตสาหกรรมกับสหรัฐและเสนอซื้อสินค้าอเมริกันมากขึ้น เช่น ถั่วเหลือง ก๊าซธรรมชาติเหลว และอาวุธ

หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:

COM7: ราคาพื้นฐานที่ 24.50 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกหลังอัปเดตแนวโน้มธุรกิจล่าสุดกับผู้บริหารได้เปิดเผยว่ายอดขายใน 2Q25 โตต่อเนื่องสูงกว่าการเติบโตที่ระดับ 9% YoY ใน 1Q25 โดยได้แรงหนุนจากการเปิดตัวสมาร์ตโฟน Android รุ่นใหม่จากจีนที่จะสนับสนุนให้แนวโน้มของกำไรใน 2Q25 จะออกมาดี อีกทั้งบริษัทตั้งเป้าเปิดสาขาใหม่ 140–150 แห่ง และปิดสาขาที่ขาดทุน 40–50 แห่ง คาดว่าจำนวนสาขาจะอยู่ที่ประมาณ 1,400 แห่งภายในสิ้นปี ขณะที่มูลค่าหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่ PER ปี 2025 ที่ 13.7 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว 1.5 เท่า

SEAFCO: ราคาพื้นฐานที่ 3.43 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกกับ SEAFCO มากขึ้นหลังบริษัทได้เปิดเผยว่า ปริมาณการเทคอนกรีตในเดือนเม.ย.เฉลี่ยอยู่ที่ 648 ลบ.ม./วัน (+35% YoY, +161% QoQ) เทียบกับ 180 ลบ.ม./วัน ใน 1Q25 บ่งชี้ว่ารายได้จะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ QoQ ใน 2Q25 และมีแผนเพิ่มการประมูลงานภาครัฐใน 3Q25 ซึ่งคาดว่าจะสามารถชดเชยงานก่อสร้างภาคเอกชน โดยเฉพาะอาคารสูง มีการชะลอตัว ทั้งนี้ Backlog ณ สิ้นเดือนเม.ย. SEAFCO มี backlog อยู่ที่ 2.7 พันลบ. (+163% YoY, +51% QoQ) จากโครงการรถไฟฟ้า MRT สายสีส้มจำนวน 6 สถานี หนุนให้ GPM และกำไรปรับตัวดีขึ้นตั้งแต่ 2Q25 เป็นต้นไปเนื่องจากโครงการนี้มีอัตรากำไรสูงกว่างานที่รวมทั้งแรงงานและวัสดุและคาดว่าจะรับรู้รายได้ตั้งแต่ 2Q25 ถึง 2Q26

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันพุธ ติดตามผลการประชุม ครม. เรื่องการโหวต พรบ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 จำนวนไม่เกิน 3.780 ล้านล้านบาท ต่อด้วยรายงานดัชนีภาคการผลิตของรัฐริชมอนด์ (Richmond Manufacturing Index) เดือน พ.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ -10 จุดเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ -13 จุด และรายงานการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารสหรัฐ (FOMC minute)
  • วันพฤหัสบดี ติดตามการรายงานครั้งที่สองของ GDP 1Q25 สหรัฐอเมริกา ตลาดคาดที่ -0.3% QoQ ทรงตัวจากครั้งก่อนหน้า ปิดท้ายด้วยจำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดคาดการณ์ที่ 2.30 แสนตำแหน่งเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.27 แสนตำแหน่ง
  • วันศุกร์ ติดตามดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมของไทย (TH Industrial Production) เดือน เม.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ -3.45% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ -0.66% YoY ต่อด้วย ตัวเลขส่งออก (TH Exports) ของ ธปท. เดือน เม.ย. เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 17.7% YoY และตัวเลขนำเข้า (TH Imports) เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 9.4% YoY ปิดท้ายด้วยรายงานดัชนีราคาการใช้จ่ายด้านการบริโภคพื้นฐานส่วนบุคคลของสหรัฐ (US Core PCE Price Index) เดือน เม.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ 2.5% YoY ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ 2.6% YoY
- Advertisement -