บล.กสิกรไทย:
Virtual Bank ใบอนุญาตใหม่ ผู้นำเดิม กลุ่ม Virtual banks จะคิดเป็นแค่ราว 1% ของสินทรัพย์ในระบบในช่วง 3-5 ปีแรก ผู้เล่นรายเดิมครองช่องทางดิจิทัลอยู่แล้ว ซึ่งทำให้กลุ่ม Virtual banks จะคิดเป็นแค่ราว 1% ของสินทรัพย์ในระบบในช่วง 3-5 ปีแรก ผู้เล่นรายเดิมครองช่องทางดิจิทัลอยู่แล้ว ซึ่งทำให้ผลกระทบต่อกลุ่มจำกัด
- ภาระด้าน IT และความปลอดภัยไซเบอร์ที่ต้องจัดการด้วยตนเอง ทำให้เกิดต้นทุนคงที่สูง การทำกำไรในระยะแรกเป็นไปได้ยากหากไม่มีระบบนิเวศขนาดใหญ่
- การแข่งขันจะมุ่งเน้นไปยังเงินฝากและกลุ่มลูกค้ารายย่อยทั่วไปซึ่งจะกดดันกลุ่มธนาคารรายเล็ก (TISCO, KKP) ขณะที่ธนาคารรายใหญ่ได้รับผลกระทบน้อย
Highlights
- เกิดการเปลี่ยนแปลงจำกัดจาก Virtual Banks ในช่วงเฟสเริ่มแรก เราคาดว่ากลุ่มธนาคารเสมือนจริง (virtual bank) จะคิดเป็นสัดส่วนแค่ราว 1% ของสินทรัพย์ในระบบทั้งหมดในอีก 3-5 ปีข้างหน้า แม้ธนาคารกลางของประเทศไทยสนับสนุนการพัฒนา virtual banks แต่การที่ประเทศมีระดับการเข้าถึงบริการทางการเงินในระดับสูงอยู่แล้ว และมีระบบธนาคารดิจิทัลที่เติบโตเต็มที่ อาจจำกัดผลกระทบในระยะสั้นของกลุ่ม virtual bank เหล่านี้ ประชาชนชาวไทยส่วนใหญ่มีสิทธิเข้าถึงบริการทางการเงินในระบบได้ โดยมีการใช้งานระบบ mobile banking ในสัดส่วนที่ 60% และใช้จ่ายผ่านระบบดิจิทัลที่ 92% ผู้เล่นหน้าใหม่ดังกล่าวจะประสบกับความท้าทายเชิงโครงสร้างในการขยายธุรกิจ โดยเฉพาะในการหาลูกค้าและการสร้างรายได้ เนื่องจากธนาคารรายเดิมยึดครองความสามารถด้านดิจิทัลไว้อย่างแข็งแกร่งแล้ว
- ข้อกำหนดด้านเทคโนโลยีและการปฏิบัติตามข้อบังคับด้านไอทีคาดจะฉุดความสามารถในการทำกำไร ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำหนดให้กลุ่ม virtual banks ต้องพัฒนาและรักษาการพึ่งพาโครงสร้างพื้นฐานด้าน IT ไว้อย่างเต็มรูปแบบทั้งในส่วนของระบบธนาคารหลัก, แอพพลิเคชันในโทรศัพท์มือถือและระบบ cybersecurity และห้ามใช้ระบบร่วมกับสถาบันการเงินเดิม นอกจากนี้ กลุ่ม virtual bank ยังต้องปฏิบัติตามข้อตกลงระดับการให้บริการที่เข้มงวด โดยจำกัดเวลาไม่สามารถให้บริการในแต่ละปีไม่เกิน 8 ชั่วโมง และต้องสามารถกู้คืนระบบได้อย่างรวดเร็ว กฎระเบียบดังกล่าวสะท้อนถึงต้นทุนคงที่ระดับสูงเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่แม้กลุ่ม virtual bank จะยังประสบความยากลำบากในการสร้างรายได้ที่มีนัยสำคัญในช่วงเริ่มต้น ตรงข้ามกับธนาคาร virtual banks ที่ประสบความสำเร็จในต่างประเทศ เช่น KakaoBank ซึ่งได้ประโยชน์จากระบบนิเวศน์เดิม แต่กลุ่ม virtual bank ของไทยจะต้องสร้างระบบขึ้นใหม่
- ฟีเจอร์ของ virtual banks ส่วนใหญ่มีให้บริการโดยธนาคารรายเดิมอยู่แล้ว เราเชื่อว่ากลุ่ม virtual banks จะพบว่าการสร้างความแตกต่างโดยอาศัยเพียงประสบการณ์ผู้ใช้หรือฟังก์ชันการใช้งานนั้นเป็นเรื่องยาก ฟังก์ชันหลักที่ทำให้ virtual banks แตกต่างในตลาดอื่น ๆ เช่น ระบบพิสูจน์ตัวตนทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-KYC), การชำระเงินแบบทันที และผลิตภัณฑ์การลงทุนภายในแอป ถูกนำเสนออย่างแพร่หลายแล้วโดยธนาคารไทย รวมถึง SCB EASY, K PLUS และ Krungthai NEXT ฟีเจอร์ เช่น P2P lending และ และการออมตามเป้าหมายอาจช่วยสร้างความแตกต่างได้บ้าง แต่ฟีเจอร์เหล่านี้ยังคงอยู่ในกลุ่มเฉพาะทาง หรืออยู่ภายใต้กรอบการทดสอบของหน่วยงานกำกับดูแล เพื่อแข่งขันกันอย่างมีประสิทธิภาพ กลุ่ม virtual banks จะต้องใช้ประโยชน์จากข้อมูลทางเลือกและโมเดลสินเชื่อแบบใหม่ เพื่อส่งมอบคุณค่าที่แท้จริงแก่กลุ่มลูกค้าที่ยังไม่ได้รับบริการอย่างเพียงพอ
- กลุ่มธนาคารรายเล็กจะเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้นในด้านเงินฝากและรายได้ค่าธรรมเนียม แม้เราคาดว่ากลุ่มธนาคารรายใหญ่จะไม่ได้รับผลกระทบมากนักจากความซื่อสัตย์ต่อแบรนด์ที่แข็งแกร่งและบัญชีเงินฝากที่สัมพันธ์กับเงินเดือน แต่กลุ่มธนาคารรายเล็กอาจได้อยู่ภายใต้แรงกดดัน เราคาดว่ากลุ่ม virtual bank จะเน้นไปยังการแข่งขันเรื่องดอกเบี้ยเงินฝากและผลิตภัณฑ์กลุ่มบริหารความมั่งคั่งสำหรับกลุ่มลูกค้าทั่วไปโดยตั้งเป้าฐานลูกค้าที่ใกล้เคียงกัน ธนาคาร เช่น TISCO และ KKP ซึ่งพึ่งพาเงินฝากประจำและรายได้ค่าธรรมเนียมรายย่อยเป็นอย่างมากอาจได้รับผลกระทบจากอัตรากำไรที่ลดลง อย่างไรก็ดี การที่ BBL มุ่งเน้นไปยังสินเชื่อองค์กรขนาดใหญ่อาจช่วยบรรเทาผลกระทบจากการแข่งขันโดยตรงจากกลุ่ม virtual bank ได้
มุมมอง KS
- แนะ “ซื้อ” DOHOME และ HMPRO แต่ปรับราคาเป้าหมายเป็น 6.0 บาท และ 9.8 บาท ตามลำดับ ขณะที่ปรับเพิ่มคำแนะนำสำหรับ GLOBAL จาก “ถือ” เป็น “ซื้อ” เนื่องจากมี Upside ที่น่าสนใจมากขึ้น แต่คงราคาเป้าหมายของ GLOBAL ไว้ตามเดิมที่ 7.6 บาท