ศาลสหรัฐฯ ระงับการใช้ภาษีนำเข้าของทรัมป์ บวกกับตลาดหุ้น
Market Update
ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดลบ 0.58% (-244 จุด) หลังจากนักลงทุนซึมซับกับการรายงานผลประชุม FED ขณะเดียวกันได้จับตารอดูผลประกอบการ NVIDIA ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดบวก 1.26% หลังจากกลุ่ม OPEC+ มีมติคงนโยบายการผลิตน้ำมัน นอกจากนี้ยังได้แรงหนุนจาก Trump ไม่อนุญาตให้เชฟรอนส่งออก
Market Outlook
เมื่อคืนที่ผ่านมาไม่ได้มีตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ มีเพียงรายงานผลประชุม FED ในการประชุมครั้งก่อน แต่ก็ลือว่าไม่ได้มีนัยยะใดต่อการลงทุน นักลงทุนจับตารอดูผลประกอบการ NVIDIA ซึ่งหลังตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดทำการ พบว่า NVIDIA ได้รายงาน FY1Q26 รายได้อยู่ที่ 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (+69%YoY) และทำกำไรสุทธิที่ 1.87 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (+26%YoY) แต่อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรขั้นต้นลดลงมาอยู่ที่ 60% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 78% ในแง่กำไรสุทธินั้นถือว่าดีกว่า Bloomberg Consensus คาดไว้เล็กน้อย (+2.3%) แต่อัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลงมองเป็นปัจจัยกดดันและอาจกำลังสะท้อนถึงบางสิ่ง
นอกจากนี้ปัจจัยที่สำคัญในช่วงเช้า ได้แก่ ศาลฝั่งสหรัฐฯ ออกมาระบุว่าอัตราภาษีศุลกากรของ Republican ถือว่าผิดกฎหมายและถูกระงับโดยศาลการค้าสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลกระทบร้ายแรงต่อเสาหลักของแผนงานเศรษฐกิจ Republican จากนโยบายของ Trump ต่อการดำเนินนโยบาย
ล่าสุด Dow Jones Future แกว่งบวก 1% และเป็นไปได้ที่เช้านี้ตลาดหุ้นเอเชียจะตอบรับเชิงบวกเช่นกัน แต่กับตลาดหุ้นไทยนั้น หากภาษีนำเข้าลดลงไประดับเดิมหรือคงไว้ที่ระดับ 10% ในอดีตที่ผ่านมา ก็พบว่าเศรษฐกิจไทยก็ขยายตัวได้ในอัตราเพียง 2 – 3% เท่านั้น เมื่อผสานกับการท่องเที่ยวที่เริ่มมีแนวโน้มชะลอตัวลงอย่างชัดเจน ทำให้พื้นฐานของไทยนั้นถือว่ายังไม่แข็งแกร่ง ขณะที่กำไรบริษัทจดทะเบียนในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาก็ถือว่าไม่ค่อยเติบโตเท่าใดนัก
ทำให้ภาษีของสหรัฐฯ หากยกเลิกหรือว่าคงไว้ระดับ 10% ก็มีผลเชิงบวก (Upside) ไม่มากนัก แต่อย่างน้อยก็จะช่วยจำกัด Downside ของเศรษฐกิจไว้ได้ แต่ปัญหาหลักของไทยวันนี้อาจเป็นที่การท่องเที่ยวมากกว่า เพราะฉะนั้นหากเศรษฐกิจจีนขยายตัวได้ดีขึ้นจากมาตรการภาษีนำเข้าที่ถูกจำกัด และทำให้ชาวจีนเดินทางมาท่องเที่ยวไทยมากขึ้น ก็จะเป็นปัจจัยบวกกับเศรษฐกิจไทย
แต่อย่างไรก็ตาม ระยะสั้นจากข่าวภาษีสหรัฐฯ มองกลุ่มส่งออกรับปัจจัยหนุน (KCE, DELTA, HANA, TU, ITC) กลุ่มปิโตรเคมี (Sentiment: PTTGC, IVL)
ปัจจัยติดตามคืนนี้ได้แก่ การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในช่วง 1Q25 (ประมาณการครั้งที่ 2) Bloomberg Consensus คาดไว้ที่ -0.3%QoQ และผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่ 2.29 แสนราย
วันนี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1150 – 1180 ในเชิงกลยุทธ์การลงทุน แม้จะมีปัจจัยหนุนจากภาษีสหรัฐฯ แต่พื้นฐานไทยยังไม่แข็งแกร่ง หากภาษีนำเข้าถูกระงับเป็นเพียงปัจจัยจำกัด Downside แต่มิได้เพิ่ม Upside อย่างมีนัยยะ แต่อย่างไรก็ตามระยะสั้นอาจเลือก Trading ในกลุ่มส่งออก (ITC, TU) กลุ่มปิโตรเคมี (PTTGC, IVL) กลุ่มน้ำมัน (PTTEP) กลุ่มธนาคารพาณิชย์ (BBL, KBANK, KTB, SCB)
หุ้นแนะนำซื้อวันนี้
TU (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 13.00 บาท)
ถ้าไม่รวมรายการพิเศษอย่างการกลับรายการภาษีจากการปรับโครงสร้างการถือหุ้นบริษัทร่วมในอินเดีย (AVANTI) ทำให้มีรายได้ภาษีเข้ามากว่า 381 ล้านบาท และรายการอื่นๆ จะมีกำไรปกติที่ระดับ 622 ล้านบาท (-32%YoY, -45%QoQ) ใกล้เคียงกับที่เราคาดไว้ โดยถูกกดดันจากการชะลอตัวของกลุ่มอาหารแปรรูป (Ambient Seafood) ที่ลูกค้าบางส่วนชะลอคำสั่งหลังราคาปลาทูน่าปรับตัวขึ้นและฐานที่สูงในปีก่อน และอาหารแช่แข็ง (Frozen Seafood) จากผลกระทบตามฤดูกาล แต่กลุ่มธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงยังคงเติบโตได้
ITC (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 14.40 บาท)
จากการที่ ITC มีลูกค้าหลักเป็นสหรัฐฯ กว่า 60% ทำให้มีโอกาสได้รับผลกระทบจากการปรับภาษีอย่างมาก โดยเบื้องต้น ITC มีการประเมินผลกระทบ 2 รูปแบบคือ กรณีอัตราภาษี 10% ช่วงที่เหลือทั้งปี และอัตราภาษี 10% 2 เดือน และ 36% อีก 7 เดือน ทำให้มีการปรับประมาณการใหม่ โดยคาดรายได้จะเติบโต 11-13% หรือ 6-8% ตามลำดับ จากเดิมที่เคยคาดไว้ที่ 13-15% รวมถึงทำให้กำไรขั้นต้นจะลดลงมาเหลือในกรอบ 20-25% จากเดิมที่เคยคาดไว้ที่ 26-27% โดยเบื้องต้นผลกระทบหลักคาดว่าจะต้องรอดูว่าสุดท้ายอัตราภาษีจะเป็นเท่าใด ข่าวภาษีจึงเป็นปัจจัยหนุน