Daily Focus: ศาลฯ ตัดสินภาษีทรัมป์ผิดกฎหมายและสั่งยกเลิก

2025 SET Target: 1180

ตลาดหุ้นวานนี้: SET Index อ่อนแอกว่าที่คาด โดยปรับตัวขึ้นราว 10 จุดช่วงแรก ก่อนจะทยอยอ่อนตัวลงและย้อนลงมาปิดลบ 2.68 จุด ที่ระดับ 1,160.74 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.6 หมื่นลบ. ถ่วงโดยกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ สื่อสารฯ และธนาคาร ส่วนกลุ่มที่ปรับตัวบวกแข็งแกร่ง คือ วัสดุก่อสร้าง ปิโตรเคมี ขนส่ง ค้าปลีก สถานะของนักลงทุนรายกลุ่มค่อนข้างเบาบาง โดยสถาบันในประเทศทรงตัว ขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 342 ลบ. (และ Long Index Futures 9.6 พันสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้: เราคาด SET Index จะแกว่งฟื้นตัวในกรอบ 1,160–1,180 จุด โดยมีแรงหนุนหลังศาลการค้าสหรัฐฯ ตัดสินว่าการเก็บภาษีตอบโต้ของทรัมป์ผิดกฎหมาย รวมถึงสั่งเพิกถอนและยุติการบังคับใช้ เราคาดปัจจัยดังกล่าวจะช่วยหนุนให้สินทรัพย์เสี่ยงฟื้นตัวระยะสั้นจากความกังวลด้านผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจที่น้อยลง อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าทำเนียบขาวจะยื่นอุทธรณ์คำตัดสินนี้หรือไม่

นอกจากนี้ ผลประกอบการ 1Q25 ของ Nvidia ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด แต่คาดการณ์รายได้ 2Q25 ต่ำกว่าที่ตลาดคาดหวัง ส่วนรายงานการประชุม FED โดยรวมยังไม่มีประเด็นใหม่ โดยคณะกรรมการยังคงรอติดตามข้อมูลเพิ่มเติมว่าความกังวลภาษีการค้ากระทบเศรษฐกิจมากน้อยเพียงใดก่อนตัดสินใจด้านอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง

ส่วนปัจจัยในประเทศ ประเด็นหลักยังคงอยู่ที่การพิจารณางบประมาณปี 69 วาระแรก ซึ่งเราคาดว่าจะไม่มีปัญหาและผ่านสภาฯ ได้ในสุดสัปดาห์นี้ ระยะสั้นหาก SET Index ฟื้นตัวกลับไปยืนเหนือแนวต้านหลักระยะสั้นบริเวณ 1,190 จุด จะทำให้โมเมนตัมกลับมาเป็นบวก โดยหากภาษีการค้าสหรัฐฯ ท้ายสุดแล้วยกเลิกไป คาดว่าจะช่วยลดความกังวลต่อแนวโน้มชะลอตัวเศรษฐกิจโลกและไทยใน 2Q25–2H25 ลงได้ หุ้นที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกมีโอกาสฟื้นตัว

กลยุทธ์: ยังเน้น Selective Buy หุ้นที่มีแนวโน้มกำไร 2Q25–2025 แข็งแกร่ง โดยเน้นกลุ่มสินค้าและบริการจำเป็นท่ามกลางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและไม่แน่นอน

หุ้นเด่นเดือน พ.ค.: CPALL, MTC, NSL, OSP, PR9
FSSIA Portfolio: BA, CPALL, KBANK, MTC, NSL, OSP, PR9, STECON

Fund Flow: วานนี้กระแสเงินทุนต่างชาติพลิกมาไหลเข้าสุทธิตามคาด US$584 ล้าน แต่กระจุกตัวที่เกาหลีใต้ US$461 ล้าน ส่วนไต้หวันไหลเข้าบางๆ US$25 ล้าน ขณะที่ฝั่งอาเซียนเม็ดเงินพลิกมาไหลเข้าเกือบทุกประเทศ นำโดยอินโดนีเซีย US$84 ล้าน มีเพียงเวียดนามที่ไหลออก US$8 ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนคาดว่ายังค่อนไปในทิศทางไหลเข้า หลังศาลการค้าสหรัฐฯ ตัดสินว่าเก็บภาษีของทรัมป์ผิดกฎหมายและมีคำสั่งให้ระงับ

ประเด็นสำคัญวันนี้

(0) AMATA เราปรับประมาณการกำไรปี 2025–27 ลง 6%/25%/26% จากการปรับลดรายได้สาธารณูปโภคและรายได้ค่าเช่า ในระยะสั้นยังเห็นความต้องการที่ดินในนิคมฯ บริษัทยังคงเป้ายอดขายปี 2025 ที่ 3,500 ไร่ตามเดิม โดยใน 1Q25 ขายได้แล้ว 284 ไร่ และใน 2QTD ขายได้เพิ่มขึ้นอีกกว่า 400 ไร่ คาดว่าทั้งไตรมาส 2Q25 อาจปิดการขายได้ราว 460–470 ไร่ รวมเป็นประมาณ 750 ไร่ใน 1H25 เท่ากับ 44% ของเป้าของเราที่ 1,700 ไร่ สำหรับทั้งปี 2025 ไม่น่ากังวลกับรายได้ธุรกิจนิคมฯ เพราะ Backlog ที่สูง 2.1 หมื่นลบ. โดยที่ประมาณ 50% คาดว่าจะโอนได้ภายในปีนี้ ปรับราคาเป้าหมายลงเป็น 23 บาท ยังคงแนะนำ “ซื้อ”

(+) PYLON ทิศทางอุตสาหกรรมเป็นบวกจาก Demand ที่เร่งขึ้น โดยเฉพาะกำแพงกันดินหลักๆ จากงานภาคเอกชน อาทิ Mixed-Use, Office, โรงพยาบาล Backlog ปัจจุบัน 1.5 พันลบ. สูงสุดในรอบ 20 ไตรมาส คาดรับรู้ 70–80% ในปีนี้ และส่วนที่เหลือถึงต้นปีหน้า ขณะที่มีโอกาสรับงานเพิ่มจากงานที่อยู่ระหว่างเจรจาอีก 3 โครงการ โมเมนตัมกำไรคาดไต่ระดับขึ้นใน 2Q–3Q25 เพิ่ม q-q, y-y ตามกำลังการผลิตที่สูงขึ้นเป็น 15–17 ชุด จาก 10–13 ชุดใน 1Q25 ผลักดันจากความคืบหน้าก่อสร้างงานเวิ้งนครเกษม, รถไฟฟ้าสายสีส้ม และงานอาคารต่างๆ เราคงประมาณการกำไรปี 2025 ที่ 68 ลบ. ฟื้นตัวจากปี 2024 ที่ 0.5 ลบ. คงราคาเป้าหมาย 2.40 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”

(-) STA ไม่เพียงแต่ไม่มีสัญญาณการเร่งตุนสินค้า แต่รายได้คาดว่าจะเริ่มชะลอตัวใน 2Q25 รวมถึงผู้บริหารเริ่มมีมุมมองที่ระมัดระวังมากยิ่งขึ้นในช่วง 2H25 จากสถานการณ์ภาษีนำเข้าที่ยังไม่แน่นอน ทั้งนี้ เราคาดกำไร 1Q25 อาจเป็นจุดสูงสุดของปีนี้ และเนื่องด้วยแนวโน้มกำไร 2Q25 ที่อ่อนตัวลงเร็วกว่าที่เคยคาด โดยไม่เพียงแต่ไม่มีสัญญาณการเร่งตุนสินค้า แต่คาดรายได้จะเริ่มชะลอตัว เราปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2025 ลง 8% เป็น +7% y-y และปรับลดคำแนะนำเป็น “ถือ” หลังลดราคาเป้าหมายลงเหลือ 17 บาท

(0) SAFE แนวโน้มรายได้และกำไร 2Q25 น่าจะชะลอตัวทั้ง q-q และ y-y จากทั้งที่เป็น Low season และมีคุณหมอลายาว ซึ่งจะส่งผลให้จำนวนรอบเก็บไข่ปรับตัวลดลง อย่างไรก็ดี รายได้จาก NGG หรือการให้บริการตรวจตัวอ่อนและโครโมโซม จากการนำเทคโนโลยีใหม่มาทดแทนเครื่องเก่า และมี Margin สูง จึงทำให้มีกำไรเพิ่มขึ้น แต่ยังไม่สามารถชดเชยได้ทั้งหมด บริษัทยังคงตั้งเป้ารายได้ปี 2025 เติบโต 15% ถือว่าท้าทาย เนื่องจากตลาด IVF ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวทั้งในและต่างประเทศ กำลังซื้ออ่อนแอ คงคาดกำไรสุทธิปี 2025–27 โตเฉลี่ย 9% y-y CAGR และคงราคาเป้าหมาย 10.25 บาท ยังแนะนำ “ถือ”

(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 244.95 จุด หรือ -0.58%, ปิดที่ 42,098.70 จุด ส่วนดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดในแดนลบเช่นกัน หลังจากนักลงทุนซึมซับรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตารายงานผลประกอบการของบริษัทอินวิเดีย (Nvidia) ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปปัญญาประดิษฐ์ (AI) รายใหญ่ของสหรัฐฯ

(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลดลง เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังในการซื้อขายขณะติดตามความคืบหน้าในการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ และประเมินข้อมูลเศรษฐกิจจากหลายประเทศในภูมิภาค

(+) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดบวก หลังมีข่าวศาลการค้าสหรัฐฯ สั่งเพิกถอนและยุติการบังคับใช้มาตรการภาษีศุลกากรของโดนัลด์ ทรัมป์

(+) ค่าเงินบาท แข็งค่าอยู่ที่บริเวณ 32.72 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ หรือ -0.16%

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 95 เซนต์ หรือ 1.56% ปิดที่ 61.84 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส มีมติคงนโยบายการผลิตน้ำมัน นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้รับแรงหนุนจากรายงานที่ว่ารัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่อนุญาตให้บริษัทเชฟรอนส่งออกน้ำมันดิบจากเวเนซุเอลา ในขณะที่เช้านี้เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 62.33 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ 0.79%

(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 5.50 ดอลลาร์ หรือ 0.17% ปิดที่ 3,294.90 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากนักลงทุนประเมินรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ซึ่งระบุถึงความเสี่ยงของภาวะเศรษฐกิจถดถอย และเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ในขณะที่เช้านี้ลดลงอยู่ที่ระดับ 3,281.70 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ -1.23%

SPDR Gold Trust ถือครองทองค า 925.61/ 0.34%

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

29 พ.ค.ญี่ปุ่น: Consumer Confidence (พ.ค.)

สหรัฐ: 2Q25 GDP growth (ประมาณการครั้งที่ 2)

30 พ.ค.สหรัฐ: Core PC Price Index (เม.ย.)

ยุโรป: เงินเฟ้อ (พ.ค.)

31 พ.ค.จีน: NBS Manufacturing PMI (พ.ค)

กลุ่มโอเปก: OPEC meeting

2 ก.ค.สหรัฐ: ISM Manufacturing PMI (พ.ค.)
- Advertisement -