บล.พาย:

AH: AAPICO HITECH PCL.

1Q25 ดีเกินคาด แต่ระยะกลางยังต้องดูต่อ

เรายังแนะนำ “ถือ” ก่อน แม้ว่าผลประกอบการงวด 1Q25 จะออกมาดี มีกำไรสุทธิ 306 ล้านบาท (ถ้าไม่รวมรายการพิเศษ กำไรปกติจะเพิ่มขึ้นได้ 1%YoY) ดีกว่าอุตสาหกรรมที่ปริมาณการผลิตรถยนต์ลดลงมาก ซึ่งเกิดจากกำไรขั้นต้นที่ปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากระยะกลางยังมีความเสี่ยงที่เป้าการผลิตรถยนต์จะไม่ถึงระดับที่สภาอุตสาหกรรมคาดไว้ที่ 1.5 ล้านคัน ซึ่งอาจจะทำให้รายได้ไม่เป็นไปตามเป้าที่ผู้บริหารคาดว่าจะรักษาระดับเดียวกับปีก่อนได้ โดยเราจะรอดูแนวโน้มผลประกอบการงวด 2Q25 อีกครั้งก่อนจะปรับประมาณการ ทั้งปีที่เราคาดกำไรสุทธิที่ 752 ล้านบาท และรายได้ที่ 26,655 ล้านบาท โดยแนวโน้มปี 2025 คาดชะลอตัวจาก 1Q25 ตามผลของฤดูกาล

1Q25 กำไรสุทธิ 306 ล้านบาท (-4%YoY, +155%QoQ)

กำไรสุทธิงวด 1Q25 อยู่ที่ 306 ล้านบาท (-4%YoY, +155%QoQ) โดยมีรายการพิเศษเป็นกำไร 1.5 ล้านบาท ถ้าไม่รวมจะมีกำไรปกติ 305 ล้านบาท (+1%YoY, +211%QoQ) สวนทางกับอุตสาหกรรมที่ชะลอตัว รายได้ที่ 6,746 ล้านบาท (-9%YoY, +9%QoQ) เทียบกับปีก่อนลดลงมาก ในกลุ่มของรายได้ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ (-18%YoY) หลังมีการหยุดจำหน่ายรถยนต์ฉางอัน และฟอร์ด ส่วนเทียบกับ 4Q24 เติบโตจากกลุ่มผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ที่เพิ่มขึ้น 16%QoQ จากบริษัทที่โปรตุเกส อัตรากำไรขั้นต้นที่ 9.9% ดีขึ้นจาก 9.5% ใน 1Q24 และ 7.7% ใน 4Q24 ส่วนหนึ่งมาจากสัดส่วนรายได้จากธุรกิจตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ที่ลดลงเหลือ 28% จาก 31% ใน 1Q24 และ 33% ใน 4Q24 ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ 399 ล้านบาท (-13%YoY, -3%QoQ) เกิดจากการหยุดการเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนที่ 61 ล้านบาท (+37%YoY, +6%QoQ) เทียบกับปีก่อนโตมากจากพูลเอ็ม ที่มีกำไรสุทธิต่อเนื่องหลังจากปีก่อนขาดทุนดอกเบี้ยจ่ายที่ 77 ล้านบาท (-28%YoY, -25%QoQ)

ทั้งปีผู้บริหารยังคาดรายได้ทรงตัวจากปีก่อน

ภาพรวมปี 2025 ในแง่ของรายได้ผู้บริหารยังคงตั้งเป้าทรงตัวจากปีก่อน โดยคาดหวังถึงการฟื้นตัวในช่วง 2H25 เป็นต้นไป สาเหตุที่ผู้บริหารยังมั่นใจเนื่องจากพิจารณาจากคำสั่งซื้อล่วงหน้าจากลูกค้าที่เข้ามา และคำสั่งซื้อใหม่ที่จะทยอยรับรู้ ทั้งนี้คำสั่งซื้อใหม่ที่มีมูลค่าสูงจะเริ่มเห็นตั้งแต่ปี 2026 เป็นต้นไป

สำหรับการไปตั้งบริษัทที่สหรัฐฯ เพื่อขยายโรงงานผลิตเพิ่มจากปัจจุบันที่มีในประเทศไทย มาเลเซีย จีน และโปรตุเกส อย่างไรก็ตามผู้บริหารคาดว่ายังต้องใช้เวลาอีกประมาณ 2 ปี จึงจะเริ่มรับรู้รายได้เข้ามา

คงกำไรไว้เท่าเดิม แต่อาจจะปรับเพิ่มหลัง 1Q25 ออกมาดี

กำไรสุทธิงวด 1Q25 ที่ออกมาดีกว่าที่เราคาดไว้มาก ซึ่งสาเหตุหลักคือกำไรขั้นต้นที่สูงถึง 9.9% สำหรับแนวโน้มช่วง 2Q25 ในแง่รายได้คาดว่าจะยังอยู่ในแนวโน้มเดียวกับ 1Q25 อยู่ คือจะลดลงจากปีก่อนจากการชะลอตัวของอุตสาหกรรม แต่ในส่วนของกำไรสุทธิต้องรอติดตาม เพราะในช่วง 2Q25 มีการเปิดโชว์รูมเพิ่มที่รามอินทรา อาจจะทำให้สัดส่วนรายได้จากธุรกิจตัวแทนจำหน่ายเพิ่ม ซึ่งจะกดดันกำไรขั้นต้นรวมถึงค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารให้ปรับขึ้นได้

อย่างไรก็ตาม ด้วยกำไรในช่วง 1Q25 ที่คิดเป็นสัดส่วนกว่า 41% ของกำไรทั้งปี 2025 ที่เราคาดไว้ที่ 752 ล้านบาท ทำให้เราอาจจะมีการปรับกำไรทั้งปีขึ้น โดยจะรอดูผลประกอบการช่วง 2Q25 นี้อีกครั้ง สำหรับคำแนะนำ ด้วยราคาหุ้นที่ใกล้เคียงกับมูลค่าเหมาะสมที่เราประเมินไว้ 13.4 บาท (6.3x PER’25E) เราจึงแนะนำ “ถือ” เช่นเดิม

- Advertisement -