บล.พาย:

FINANCE เติบโตชะลอสะท้อนเศรษฐกิจท้าทายสูงขึ้น (NEUTRAL)

TOP PICK: MTC TIDLOR

กำไรสุทธิรวมใน 1Q25 ของกลุ่มไฟแนนซ์ที่ 5.8 พันล้านบาท (+3.5% YoY, +0.9% QoQ) งบดุลมีเสถียรภาพดีขึ้น หนี้เสียทรงตัวและ NPL ratio อยู่ที่ 2.5% สำหรับแนวโน้มใน 2Q25 เราคาดว่ากำไรรวมจะขยายตัวได้ต่อเนื่อง หนุนจากการขยายตัวสินเชื่อ NIM ทรงตัว และสำรองหนี้ฯ ลดลง YoY อย่างไรก็ดี ความท้าทายของเศรษฐกิจไทยสูงขึ้นจากผลกระทบที่สหรัฐฯ ปรับขึ้นภาษีนำเข้า ทำให้การส่งออกไทยอาจชะลอตัว กอปรกับนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่สูงอย่างที่คาดไว้ เราปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิรวมในปี 2025 เติบโต 5.5% (เดิม +8%) ชะลอตัวจาก +7.6% ในปี 2024 อย่างไรก็ดี สินเชื่อยังขยายตัวได้ต่อเนื่อง เพราะความต้องการใช้เงินของลูกหนี้ที่สูงขึ้น ขณะที่ NIM มีแรงกดดันลดลงจากการปรับลดดอกเบี้ย และการปรับเครดิตเรตติ้งของบริษัทดีขึ้น ด้านคุณภาพสินเชื่อ แม้ยังมีความเปราะบางจากปัญหาเศรษฐกิจ แต่กลุ่มไฟแนนซ์ควบคุมได้ดีขึ้นทำให้แรงกดดันต่อสำรองหนี้ฯ และการขาดทุนรถยึดลดลง ด้านการลงทุน เราคงน้ำหนักการลงทุน “เท่ากับตลาด” เลือก MTC TIDLOR เป็นหุ้นเด่น

กำไรสุทธิรวมใน 1Q25 เติบโต YoY และ QoQ และคุณภาพสินเชื่อมีเสถียรภาพดีขึ้น

  • กลุ่มไมโครไฟแนนซ์ 4 แห่ง (KTC, MTC, SAWAD, TIDLOR) รายงานกำไรสุทธิรวมตามคาดที่ 5.8 พันล้านบาท (+3.5% YoY, +0.9% QoQ) ใน 1Q25 การเติบโต YoY หนุนจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิขยายตัว แต่เป็นการขยายตัวในอัตราชะลอตัวลง และสำรองหนี้ฯ ลดลงจากควบคุมหนี้เสียได้ดีขึ้น ขณะที่กำไรรวมเติบโตเล็กน้อย QoQ เนื่องจากสำรองหนี้ฯ และค่าใช้จ่ายการดำเนินงานลดลง โดย MTC และ TIDLOR มีกำไรเติบโต YoY และ QoQ ด้าน KTC มีกำไรสุทธิเติบโต YoY แต่ลดลง QoQ ส่วน SAWAD กำไรอ่อนแอ ปรับลดลง YoY และ QoQ
  • สินเชื่อรวมอ่อนแอกว่าคาด ปรับลดลง 0.6% QoQ (+3.9% YoY) จากการลดลงของสินเชื่อของ KTC และ SAWAD
  • คุณภาพสินเชื่อดีกว่าคาด เพราะหนี้เสียรวมทรงตัวที่ 11.9 พันล้านบาท และ NPL ratio ของกลุ่มไฟแนนซ์เฉลี่ยทรงตัว QoQ ที่ 2.5% ทรงตัวระดับนี้ 8 ไตรมาสติดต่อกัน (2Q23–1Q25)

แนวโน้มผลการดำเนินงานใน 2025 เติบโต YoY และ QoQ

  • เราคาดว่ากำไรสุทธิรวมใน 2025 จะเติบโตต่อเนื่อง และเป็นการปรับขึ้น YoY และ QoQ โดยได้รับแรงหนุนจาก (1) สินเชื่อที่จะกลับมาขยายตัวจากการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น และการจ่ายคืนสินเชื่อของ KTC ลดลง (2) NIM ทรงตัว QoQ และอาจปรับดีขึ้นล้อกับสินเชื่อ และอานิสงส์จากต้นทุนการเงินลดลงต่อเนื่อง (3) สำรองหนี้ฯ และการขาดทุนรถยึดลดลงจากการควบคุมคุณภาพสินเชื่อดีขึ้น ประสิทธิภาพการติดตามหนี้ และการปรับลด Loan to Value ลง

คาดกำไรรวมในปี 2025 เติบโตต่อเนื่อง แม้จะชะลอตัวจากปี 2024

  • แม้มีความท้าทายจากเศรษฐกิจไทยชะลอตัวใน 2H25 เราคาดว่าความสามารถในการทำกำไรของกลุ่มไฟแนนซ์จะดีขึ้น YoY และ HoH เพราะรายได้จากการดำเนินงานดีขึ้นจากการขยายตัวของสินเชื่อ และรายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นจากปัจจัยฤดูกาลในปี 2025 คาดว่ากำไรสุทธิรวมจะเติบโตต่อเนื่อง
  • ในปี 2025 แต่ในอัตราชะลอตัวลงที่ 5.5% เทียบกับเติบโต 7.6% ในปี 2024 หลังจากการปรับลดประมาณการของ MTC และ SAWAD โดยคาด MTC จะเติบโตโดดเด่น 14% เทียบกับ TIDLOR (+11.6%), KTC (+2.3%) และ SAWAD (-5%)

คงน้ำหนักการลงทุน “เท่ากับตลาด” เลือก MTC TIDLOR เป็นหุ้นเด่น

  • เราคงน้ำหนักการลงทุน “เท่ากับตลาด” แม้มีความท้าทายด้านเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น ส่งผลให้แนวโน้มการเติบโตกำไรจะชะลอตัวลงในปี 2025 แต่ (1) ราคาหุ้นปรับลดลงทำให้ Valuation มีความน่าสนใจมากขึ้น กลุ่มฯ ซื้อขายที่เฉลี่ย 1.7x PBV’25E ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี (2020–24) ที่ 3.5x และซื้อขายที่ 11.5x PE’25E ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี (2020–24) ที่ 19.6x (2) ได้รับอานิสงส์จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ย และอันดับเครดิตเรตติ้งที่ดีขึ้นทำให้ต้นทุนการเงินลดลง (3) คุณภาพสินเชื่อควบคุมได้ดีขึ้น อย่างไรก็ดี บริษัทไฟแนนซ์มีอัตราการจ่ายเงินปันผลไม่สูงเหมือนธนาคารพาณิชย์ เพราะบริษัทต้องบริหารสภาพคล่องที่เหมาะสม ทำให้อาจไม่เหมาะกับการลงทุนเพื่อรับเงินปันผล โดยคาดผลตอบแทนเงินปันผลเฉลี่ยเพียง 3.3% ในปี 2025 เลือก MTC และ TIDLOR เป็นหุ้นเด่นจากมุมมองบวกต่อ (1) การเติบโตของกำไร (2) Valuation ไม่แพง (3) ความสามารถการควบคุมคุณภาพสินเชื่อดีขึ้น
  • เราปรับคำแนะนำ SAWAD เป็น “ซื้อ” จาก “ถือ” จากมุมมอง (1) Valuation ที่น่าสนใจสะท้อนผลการดำเนินงานที่อ่อนแอใน 1Q25 (2) แนวโน้มผลการดำเนินงานใน 2Q25 ฟื้นตัว (3) ผลตอบแทนเงินปันผลสูงขึ้นราว 6.2% ในปี 2025
- Advertisement -