KS Daily View 30 พ.ค. 2025>>>คาด SET Index ของไทยมีแนวโน้มที่แกว่งตัวรูปแบบ sideway down หลังจากที่ ศาลอุทธรณ์ของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ได้อนุมัติคำร้องของรัฐบาลทรัมป์ระงับคำตัดสินของศาลชั้นต้นที่ยกเลิกภาษีศุลกากร แนะนำ CK และ BCH
แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศวันนี้: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 0.40%, Nasdaq Composite เพิ่มขึ้น 0.39% และ Dow Jones เพิ่มขึ้น 0.28% แม้ว่าตลาดหุ้นปรับตัวสูงขึ้นในช่วงเช้า จากคำตัดสินของศาลชั้นต้นที่ยกเลิกภาษีศุลกากร แต่ถูกลดทอนด้วย ศาลอุทธรณ์ของรัฐบาลกลางสหรัฐฯได้อนุมัติคำร้องของรัฐบาลทรัมป์ระงับคำตัดสินของศาลชั้นต้นหนุนให้ตลาดถูกขายลงมาในช่วงท้าย ขณะที่หุ้น Nvidia ปรับตัวสูงขึ้นจากรายงานยอดขายออกมาดีกว่าคาด จากการกักตุนชิป AI ก่อนมีการจำกัดการส่งออกไปจีน
ตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,164.01 จุด เพิ่มขึ้น 3.27 จุด (+0.28%) ได้แรงหนุนจาก ศาลรัฐบาลกลางสหรัฐในนิวยอร์กได้มีคำสั่งระงับไม่ให้มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าแบบครอบคลุม หรือที่เรียกว่า “ภาษีวันปลดปล่อย” ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หนุนให้กลุ่มส่งออกและนิคมมีการฟื้นตัวได้แรง ในวันนี้เราคาดว่า SET Index ของไทยมีแนวโน้มที่แกว่งตัวรูปแบบ sideway down ในกรอบ 1,150-1,170 จากภาพเชิงลบในต่างประเทศหลังจากที่ ศาลอุทธรณ์ของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ได้อนุมัติคำร้องของรัฐบาลทรัมป์ระงับคำตัดสินของศาลชั้นต้นที่ยกเลิกภาษีศุลกากรส่วนใหญ่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ชั่วคราวในระหว่างการสู้คดีที่อาจส่งผลให้ตลาดผันผวน โดยกลยุทธ์การลงทุนใน domestic และ defensive play เพื่อลดความผันผวนจากต่างประเทศ แนะนำหุ้นมีปัจจัยบวกเฉพาะอย่าง CK เก็งเงินงบประมาณ และ BCH ที่มีแนวโน้มของกำไรและรายได้ฟื้นตัวใน 2Q25
ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:
- ผู้ว่าการธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BoK) ส่งสัญญาณว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 25 bps เหลือ 2.5% ท่ามกลางความกังวลจากมาตรการภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์และการบริโภคและส่งออกที่ชะลอตัว ทั้งนี้ BOK ยังได้ปรับลดคาดการณ์ GDP ปี 2025 เหลือ 0.8% จากระดับ 1.5% ที่คาดการณ์ไว้เมื่อ 3 เดือนก่อนหน้านี้ มองเป็น proxy ที่อาจหนุนให้ BoT ปรับลดอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องใน 2H25 ที่จะส่งผลลบกับกลุ่มธนาคาร แต่เป็นบวกกับกลุ่มการเงิน หากมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ BoT
- รองรัฐมนตรีพลังงานคาซัคสถาน นายอลีเบก จามูออฟ ให้สัมภาษณ์ผ่านสำนักข่าวอินเตอร์แฟกซ์ของรัสเซียว่า คาซัคสถานได้แจ้งต่อกลุ่มโอเปกแล้วว่าจะไม่ลดการผลิตน้ำมัน โดยยืนยันว่าจะเดินหน้าผลิตน้ำมันเต็มกำลังความสามารถของประเทศต่อไปก่อนจะมีการประชุม OPEC ณ ปลายสัปดาห์นี้ มองเป็นจิตวิทยาเชิงลบกับราคาน้ำมันและกลุ่มพลังงาน
- รัฐบาลไทยร่วมกับสถานทูตจีนเปิดตัวแคมเปญ “สวัสดี หนีห่าว” ส่งเสริม ภาพลักษณ์ไทยสู่ “Quality Destination” ที่ปลอดภัย เป็นมิตร และมีคุณภาพ โดยส่งเสริมการท่องเที่ยวผ่านกิจกรรมเจรจาธุรกิจ, เวทีเสวนา, งานต้อนรับ, สำรวจเส้นทางท่องเที่ยว และใช้คนดังจีนสร้างกระแสสื่อ หวังผลักดันยอดนักท่องเที่ยวจีนหลังจากปรับตัวลดลงแรงในปีนี้ มองเป็นจิตวิทยาเชิงบวกเล็กน้อยกับกลุ่มท่องเที่ยว CENTEL ERW และสายการบิน AAV BA
- แม้ว่าศาลการค้าระหว่างประเทศในแมนฮัตตัน นิวยอร์ก สหรัฐ มีคำพิพากษาครั้งประวัติศาสตร์ ให้ “ยกเลิกภาษีศุลกากรตอบโต้” (reciprocal tariffs) ในวันที่ผ่านมา จากการใช้อำนาจภายใต้กฎหมายที่ชื่อว่า “IEEPA” หรือ International Emergency Economic Powers Act แต่อย่างไรก็ตามภาษีรายเซกเตอร์ ยังคงดำเนินต่อไป เช่น ภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมอัตรา 25% รวมถึงภาษีรถยนต์และชิ้นส่วนอัตรา 25% ภายใต้มาตรา 232 ของรัฐบัญญัติการขยายการค้าปี 1962 (Trade Expansion Act 1962) ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการตัดสินของศาลในครั้งนี้ มองเป็นลบกับ KCE
- ศาลอุทธรณ์ของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ได้อนุมัติคำร้องของรัฐบาลทรัมป์เมื่อวันพฤหัสบดีเพื่อระงับคำตัดสินของศาลชั้นต้นที่ยกเลิกภาษีศุลกากรส่วนใหญ่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เป็นการชั่วคราว และจะยื่นขอ “คำสั่งคุ้มครองฉุกเฉิน” ต่อศาลฎีกาโดยเร็วที่สุดในวันศุกร์นี้ หากยังมีการบังคับใช้คำตัดสินของศาลชั้นต้น ในขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารของทรัมป์ยืนยันว่าแม้ว่ารัฐบาลจะแพ้คดี แต่จะหาวิธีอื่นในการจัดเก็บภาษี มองเป็น sentiment เชิงลบต่อตลาดหุ้นโดยเฉพาะกลุ่มส่งออกที่ฟื้นตัวในวันที่ผ่านมา
- กระทรวงพลังงานอาจมีการ จัดตั้งคณะทำงานใหม่ภายใต้ รมต.พีระพันธุ์ เพื่อ set zero ร่างแผน PDP 2024 ใหม่ตั้งแต่ต้น เนื่องจากร่างเดิมมีข้อกังวลหลายประเด็น เช่น สัดส่วนพลังงานหมุนเวียนที่สูงถึง 51% ในปี 2580 ซึ่งมีความเสี่ยงต่อความมั่นคงของระบบไฟฟ้า หลังจากเหตุการณ์ไฟฟ้าดับครั้งใหญ่ในสเปนและโปรตุเกส เนื่องจากพึ่งพาพลังงานหมุนเวียนมากไป โดยไม่มีระบบกักเก็บพลังงานที่เพียงพอ
หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:
- CK : ราคาพื้นฐาน 21.50 บาท
เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ CK มากขึ้นจากผลการประชุมที่ผ่านมาโดยบริษัทมีการปรับเป้าหมายรายได้ในปี 2025 จาก 4 หมื่นล้านขึ้นเป็น 4-5 หมื่นลบ. โดยหลักมาจากงาน M&E ของรถไฟฟ้าสายสีส้ม และแนวโน้มของ GPM ที่คงไว้ราว 7-8% ซึ่งเราคาดกำไรจากการดำเนินงานจะสามารถเติบโตได้ในระดับ 2 หลัก จากการเติบโตของรายได้ที่แข็งแกร่ง GPM ที่อยู่ในระดับสูง และการควบคุม cost ได้อย่างดีประกอบกับดอกเบี้ยจ่ายที่เป็นไปตามคาดการณ์ นอกจากนี้เราคาด CK เป็น tactical call สำหรับกลุ่มก่อสร้างในช่วงที่เราคาดการณ์การโหวต พ.ร.บ. งบประมาณปี 2569 ผ่านไปได้ด้วยดีจะเป็น sentiment เชิงบวกให้กับกลุ่มได้ และปัจจุบัน CK มี valuation ในระดับไม่แพงซื้อขายต่ำ 1 เท่า PBV
- BCH: ราคาพื้นฐานที่ 16.60 บาท
ผู้บริหารให้ความมั่นใจมากขึ้นว่าจะไม่มีปัญหาการขาดแคลนงบประมาณสำหรับกลุ่มผู้ป่วยที่มีค่าใช้จ่ายสูงในปี 2025 ซึ่งยังคงอยู่ที่ 12,000 บาท/RW ที่สอดคล้องกับแนวทางของโรงพยาบาลอื่น ทั้งนี้คาดว่ารายได้จากผู้ป่วยต่างชาติจะเติบโตได้ดีขึ้น YoY ใน 2Q25 หลังจากที่ไม่มีผู้ป่วยคูเวตภายใต้ GoP (Government of Kuwait Program) ใน 2Q24 ประกอบกับผู้ป่วยชาติอื่นที่ปรับตัวขึ้น โดยเฉพาะที่โรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอล ทั้งนี้ผู้บริหารคาดว่ารายได้จากผู้ป่วยต่างชาติจะเติบโต 10–15% ในปี 2025
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
- วันศุกร์ ติดตามดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมของไทย (TH Industrial Production) เดือน เม.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ -3.45% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ -0.66% YoY ต่อด้วย ตัวเลขส่งออก (TH Exports) ของ ธปท. เดือน เม.ย. เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 17.7% YoY และตัวเลขนำเข้า (TH Imports) เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 9.4% YoY ปิดท้ายด้วยรายงานดัชนีราคาการใช้จ่ายด้านการบริโภคพื้นฐานส่วนบุคคลของสหรัฐ (US Core PCE Price Index) เดือน เม.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ 2.5% YoY ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ 2.6% YoY