บล.กรุงศรีฯ:
เก่งหลังเกมส์
SET Index ปรับลง -14.83 จุด (-1.27%) ปิดที่ระดับ 1,149.18 จุด มูลค่าการซื้อขาย 7.3 หมื่นล้านบาท (จำนวนหุ้นปรับลง 295 บริษัท, หุ้นปรับขึ้น 172 บริษัท) โดยตลาดหุ้นปรับลงสอดคล้องกับตลาดหุ้นในภูมิภาคจาก ประเด็นศาลอุทธรณ์สหรัฐฯมีคำสั่งชั่วคราวให้ระงับคำตัดสินของศาลการค้าระหว่างประเทศ (CIT) ที่ตัดสินภาษี “Liberation Day” ของทรัมป์เกินขอบเขตอำนาจฝ่ายบริหาร ทำให้ภาษีนำเข้ายังมีผลบังคับใช้ระหว่างอุทธรณ์ ผสานนักลงทุนบางส่วนอาจ Wait & see เนื่องไทยต้นสัปดาห์หน้ามีวันหยุดหลายวัน และประเด็น MSCI Rebalance Sector ปรับลงกดดัชนี คือ กลุ่มพลังงาน (GULF, PTT, PTTEP), กลุ่มอิเล็กฯ (DELTA, KCE, HANA), กลุ่มวัสดุก่อสร้าง (SCC) ฯลฯ
หุ้นที่เคลื่อนไหวโดดเด่น คือ
CRC +2.19%
หุ้นปรับขึ้น โดยนักวิเคราะห์เราประเมิณยอดขายทั้งปีน่าจะบวกได้ 4% จากการเติบโตของธุรกิจ Go Wholesale และกำไรปีนี้คาดการณ์ว่าจะเติบโต 2% yoy แตะ 9.1 พันล้านบาท อย่างไรก็ดี CRC เทรดที่ 13x 2025F P/E ประมาณ -2SD ของค่าเฉลี่ยระยะยาว เรามองว่าปัจจัยลบได้อยู่ในราคาแล้ว และราคาเป้าหมาย 20 บาท ยังมี upside ประมาณ 5%
GPSC +0.78%
หุ้นที่มีหนี้สูง ปรับตัวเพิ่มขึ้น สะท้อนมุมมองเชิงบวกของนักลงทุนที่มีต่อทิศทางค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมาอยู่บริเวณ 32.7 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ (+/-) ซึ่งส่งผลดีต่อบริษัทที่มีภาระหนี้เงินกู้เป็นสกุลต่างประเทศ เนื่องจากช่วยลดภาระต้นทุนทางการเงินจากผลต่างของอัตราแลกเปลี่ยน ขณะเดียวกันยังช่วยลดความเสี่ยงในงบการเงินและเพิ่มความมั่นใจต่อแนวโน้มกำไรในช่วงครึ่งหลังของปี
ITEL +3.36%
นักวิเคราะห์ของเราออกบทวิเคราะห์ แนะนำ ซื้อ จาก โทนจากงาน Opportunity Day ยังคงเป็นไปในเชิงบวก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับโครงการ USO 3 ที่กำลังจะมาถึง การประมูลโครงการนี้ล่าช้าจากประมาณเดือนเมษายน แต่ดูเหมือนว่าการกลับมาเปิดประมูลอีกครั้งหลังจากการประมูลคลื่นความถี่สำหรับธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ในเดือนกรกฎาคมนั้นสมเหตุสมผล การเติบโตของกำไรของเราที่ 17.5% ในปีนี้ยังไม่ได้รวมการชนะโครงการ USO 3 เข้าไปด้วย การวิเคราะห์ Sensitivity ของเราบ่งชี้ว่าการชนะโครงการ USO 3 มูลค่า 1.2 พันล้านบาทจะเพิ่มประมาณการของเรา 24% ในปี FY25F และปีต่อๆ ไป การซื้อขายที่ส่วนลด 60% จาก Book Value ปี 2025 ทำให้ ITEL น่าสนใจเมื่อเทียบกับการเติบโตของกำไรและโครงการที่มีศักยภาพ
BANPU -4.13%
ราคาหุ้นกลุ่มถ่านหินปรับลงตอบรับ จากแรงกดดันของราคาถ่านหิน Newcastle ที่ลดลงถึง -2.27% DoD, -6.56% ตั้งแต่ต้นไตรมาส QTD และ -18.74% ตั้งแต่ต้นปี YTD โดยล่าสุดปิดที่ระดับ US$ 107.55/ตัน ซึ่งสะท้อนภาพความต้องการที่อ่อนแอลงในตลาดโลก ผนวกกับแนวโน้มอุปทานที่ยังล้นตลาด ส่งผลให้นักลงทุนเริ่มลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นที่อิงกับราคาถ่านหิน
