บล.กสิกรไทย: 

ส่งออกไทย เม.ย. 68 : ช่วงเวลาชะลอตัวลงกำลังจะเกิดขึ้น
  • ยอดส่งออกของไทยเดือน เม.ย.68 เติบโตต่อเนื่อง แต่ชะลอตัวลง ยอดส่งออกของไทยเดือน เม.ย.68 อยู่ที่ 2.563 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 10.2% YoY แต่ลดลง 13.3% MoM ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 12.2% YoY โดยยอดส่งออกชะลอตัวลงจากที่ขยายตัว 17.8% YoY ในเดือน มี.ค. ทั้งนี้ หากไม่รวมทองคำ สินค้าที่เกี่ยวข้องกับน้ำมัน และอาวุธ ยอดส่งออกจะขยายตัว 7.1% YoY ชะลอตัวลงจาก 15% ในเดือนก่อนหน้า แม้ว่ายอดส่งออกเดือน เม.ย. จะชะลอตัวลง แต่ในเชิง QTD แข็งแกร่ง โดยขยายตัวเป็น 14% YoY
  • ภาคการผลิตยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนการเติบโตของการส่งออก ยอดส่งออกผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเติบโต 16.6% YoY ในเดือน เม.ย.2568 คิดเป็น 79% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด การเติบโตดังกล่าวได้รับแรงหนุนจากผลงานที่แข็งแกร่งของชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ (+34% YoY) โดยเฉพาะคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ ซึ่งเพิ่มขึ้น 75% YoY รวมถึงเครื่องใช้ไฟฟ้า (+8.7% YoY) ทองคำและเครื่องประดับ (+117% YoY) และยางพารา (+15.9% YoY) ในทางกลับกัน ยอดส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรลดลง โดยยอดส่งออกข้าวลดลงอย่างมากที่ 44.1% YoY จากการยกเลิกข้อจำกัดการส่งออกของอินเดียในช่วงปลายปี 2567 การแข็งค่าของเงินบาท และราคาข้าวไทยที่สูงกว่าคู่แข่งสำคัญ โดยเฉพาะเวียดนามและอินเดีย
  • ขาดดุลกาค้า แต่เกินดุลกับสหรัฐฯ ยอดนำเข้าของไทยเดือน เม.ย.2568 พุ่งขึ้น 16.1% YoY มาอยู่ที่ 2.9 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ส.ค.2565 และสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ว่าจะเติบโต 7.3% YoY ยอดนำเข้าที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก สาเหตุหลักมาจากความต้องการสินค้าทุนที่เพิ่มขึ้น (+27.5% YoY) และวัตถุดิบ (+17.4% YoY) ส่งผลให้ดุลการค้าของไทยติดลบ โดยขาดดุล 2.2 พันล้านดอลลาร์ฯ ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2568 แต่ไทยยังคงเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ รวมเป็น 3.26 พันล้านดอลลาร์ฯ
  • เราคาดว่ายอดส่งออกไตรมาส 2/2568 จะยังคงแข็งแกร่ง แต่จะชะลอตัวลงในครึ่งหลังของปี 2568 เราคงมุมมองที่เป็นกลางต่อตัวเลขการส่งออก โดยคาดว่า pent-up demand และการกักตุนสินค้าของผู้นำเข้าของสหรัฐฯ ซึ่งได้รับแรงหนุนจากการเลื่อนการเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ออกไป 90 วัน (มีผลบังคับใช้ในวันที่ 9 ก.ค.) จะช่วยสนับสนุนการเติบโตในไตรมาส 2/2568 อย่างไรก็ตาม การเติบโตมีแนวโน้มที่จะชะลอตัวลงเหลือ 7–8% จาก 14–15% ในไตรมาส 1/2568 เราคาดว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวลงในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 โดยหดตัวรุนแรงที่สุดในช่วงครึ่งแรกของปี 2569 ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มในอดีตที่ยอดส่งออกมักจะลดลง -19.3% YoY ภายใน 7 เดือน และมูลค่าจะแตะระดับต่ำสุดหลังจากนั้นประมาณ 9 เดือน เราคงเป้าการส่งออกสำหรับปีนี้ไว้ที่ -0.5%
  • แนวโน้มที่ระมัดระวังสำหรับผู้ส่งออก เราคาดว่าเงินบาทจะมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง อยู่ในช่วง 32.10–32.50 ต่อดอลลาร์สหรัฐจากแรงหนุนจากราคาทองคำที่แข็งแกร่ง และดัชนีดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลง เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับหนี้สาธารณะของสหรัฐที่เพิ่มสูงขึ้นหลังการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือโดย Moody’s ซึ่งการแข็งค่าของเงินบาทนี้มีแนวโน้มที่จะกดดันผลประกอบการของผู้ส่งออกในไตรมาส 2 ท่ามกลางความไม่แน่นอนของการเจรจาการค้าระหว่างสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐและประเทศไทย เราจึงมีมุมมองระมัดระวังต่อกลุ่มผู้ส่งออก ได้แก่
    • อาหารสัตว์เลี้ยง (AAI, ITC)
    • อาหาร (TU, ASIAN)
    • เกษตรและสินค้า (STA, TECH, STGT)
    • อิเล็กทรอนิกส์ (DELTA, KCE, HANA)

- Advertisement -