Daily Focus: ลุ้นฟื้นตัวหากไม่หลุดฐานแนวรับ 1,120-1,130 จุด

2025 SET Target: 1,180

ตลาดหุ้นวานนี้: SET Index ปรับตัวลงแรงผิดคาด ปิดลบอีกถึง 17.16 จุด ที่ระดับ 1,132.02 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่น 4.9 หมื่นลบ. สูงกว่าช่วงก่อนหน้าที่ราว 3 หมื่นลบ. โดยหุ้นขนาดใหญ่หลายตัวยังเผชิญแรงขาย โดยเฉพาะ DELTA จากความกังวลของเกณฑ์จำกัดน้ำหนักหุ้นใน SET50/100 ในช่วง 2H25 สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้น 795 ลบ. และ 867 ลบ. ตามลำดับ (แต่ต่างชาติพลิกมา Long Index Futures 5.5 พันสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้: เราคาด SET Index มีโอกาสลุ้นฟื้นตัวระยะสั้นหากไม่หลุดฐานแนวรับ 1,120-1,130 จุด หลังจากปรับตัวลงต่อเนื่องเกือบ 10% ในช่วงเวลา 1 เดือนที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังได้แรงหนุนจากความคาดหวัง FED ลดดอกเบี้ยที่สูงขึ้นหลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาต่ำกว่าคาด โดย ISM ภาคบริการเดือน พ.ค. ชะลอตัวเหลือ 49.9 (ตลาดคาด 52) ขณะที่ตัวเลขการจ้างงานของ ADP ออกมาต่ำเพียง 3.7 หมื่นคน (ตลาดคาด 1.15 แสนคน) ทำให้ตลาดเพิ่มคาดการณ์โอกาสที่ FED จะลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ก.ย. เป็น 78% (เพิ่มจากสัปดาห์ก่อนที่ราว 60%) ส่งผลให้ Bond Yield 10 ปีของสหรัฐฯ ชะลอตัวลงราว 10 bps และ Dollar Index ชะลอตัว ซึ่งทำให้ค่าเงินสกุลเอเชียแข็งค่าขึ้น รวมถึงบาทที่กลับมาแตะระดับ 32.50 บาท/ดอลลาร์ เป็น Sentiment บวกสำหรับหุ้นในกลุ่มไฟแนนซ์ โรงไฟฟ้า และเทคโนโลยี อย่างไรก็ตาม Upside การฟื้นตัวคาดไม่กว้าง เนื่องจากขาดปัจจัยหนุนในประเทศ ตลาดยังคงจับตาความไม่แน่นอนทางการเมืองจากประเด็นโอกาสปรับ ครม. ขณะที่โมเมนตัมเศรษฐกิจยังชะลอตัวตามความเชื่อมั่นผู้บริโภคและธุรกิจที่ลดลง ด้านตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อเดือน พ.ค. (ตลาดคาด Headline -0.83% y-y Core +0.95% y-y) โดยหากต่ำกว่าคาดจะทำให้ตลาดคาดหวังการลดดอกเบี้ยจาก กนง. ในการประชุมสิ้นเดือนนี้อีกครั้ง ขณะที่ความเสี่ยงจากผลกระทบของภาษีทรัมป์ เป็นอีกปัจจัยจำกัด Upside ยังเน้นกลยุทธ์ Bottom Up เลือกลงทุนในหุ้นที่มีประเด็นบวกเฉพาะตัว

กลยุทธ์: ยังเน้นเลือกหุ้นที่มีแนวโน้มกำไร 2Q25-2025 แข็งแกร่งและมีความแน่นอนของกำไรสูง โดยเน้นกลุ่มสินค้าและบริการจำเป็นท่ามกลางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและไม่แน่นอน

หุ้นเด่นเดือน มิ.ย.: CPALL, MTC, OSP, SJWD, STECON
FSSIA Portfolio: BA, CPALL, KBANK, MTC, NSL, OSP, PR9, STECON

หุ้นเด่น Finansia 5 มิ.ย. 25 : COM7

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 30 บาท
  • โมเมนตัมรายได้ 2QTD คาดว่ายังทำได้แข็งแกร่ง +15% y-y สวนทางภาพกำลังซื้อและการบริโภคในประเทศที่ชะลอตัว ทำให้เราคาดว่าแนวโน้มกำไร 2Q25 แม้จะชะลอ q-q จากปัจจัยฤดูกาล แต่จะยังเติบโตได้ดี y-y
  • ราคาหุ้นปรับตัวลง 13% จาก High ในเดือน พ.ค. ไม่สอดคล้องกับทิศทางกำไร ทำให้ปัจจุบัน Valuation น่าสนใจ เทรด PER ต่ำเพียง 13 เท่าและให้ Dividend Yield ค่อนข้างสูงราว 5% แม้ว่าจะเป็น Growth Stock
  • แนวรับ 18.60//18.30 บาท แนวต้าน 19.50//20 บาท

Fund Flow: วานนี้กระแสเงินทุนต่างชาติพลิกมาไหลเข้าภูมิภาคสุทธิหนาแน่น US$1,710 ล้าน โดยกระจุกตัวที่ไต้หวันและเกาหลีใต้ประเทศละ US$880-887 ล้าน ขณะที่ฝั่งอาเซียนเม็ดเงินยังคงไหลออก นำโดยอินโดนีเซียและไทยประเทศละ US$27 ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนคาดว่ามีโอกาสไหลเข้าต่อเนื่องหลัง Dollar Index และ US Bond Yield ชะลอตัว หลังตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนเดือน พ.ค. ออกมาต่ำกว่าคาด ทำให้ตลาดคาดหวังการลดดอกเบี้ยของ FED มากขึ้น

ประเด็นสำคัญวันนี้

(-) ICHI บริษัทได้รับผลกระทบจากการบริโภคที่อ่อนแอและอากาศร้อนที่เลื่อนไปในปีนี้ อีกทั้งมูลค่าตลาดชาเขียวที่เริ่มชะลอตัว 1Q25 -0.6% y-y และเดือนเม.ย. 2025 -4% y-y อย่างไรก็ตามคาดรายได้ 2Q25 จะกลับมาเติบโต 25% q-q จากการ restock ของลูกค้าและรายได้จากลูกค้า OEM ที่เพิ่มขึ้น คาดกำไรปกติ 2Q25 อยู่ที่ 320 ลบ. +31% q-q แต่ -9% y-y หากรวมกำไรจากการขายที่ดิน 96 ลบ. (หลังภาษี) จะมีกำไรสุทธิ +70% q-q, +10% y-y อย่างไรก็ดีจากรายได้ 1H25 ที่ -12% y-y และแนวโน้มยังไม่ชัดเจน เราจึงปรับลดประมาณการกำไรปกติปี 2025 ลง 12% เป็น -17% y-y ได้ราคาเป้าหมายใหม่ 11.20 บาท ลดคำแนะนำเป็น “ถือ” และคาดให้ dividend yield 10% (ไม่รวมเงินจากการขายที่ดิน)

(0) SISB จากการเพิ่มขึ้นของจำนวนนักเรียนเพียง 23 คนใน 5M25 ขณะที่ผู้บริหารยังไม่ปรับเป้านักเรียนสิ้นปี 2025 ที่ 5,000 คน ดูค่อนข้างท้าทายเกินไป เราจึงปรับเป้าจำนวนนักเรียนในปีนี้ลง 200 คนเป็น 4,800 คน ปรับเป้านักเรียนปี 2026 ลงเป็น +380 คน จากการเลื่อนเปิดโรงเรียนที่ปทุมธานี ทำให้ นักเรียนสิ้นปี 2026 คาดอยู่ที่ 5,180 คน และปรับเป้านักเรียนปี 2027 เป็น +580 คน ทำให้เราปรับกำไรปี 2025-27 ลง 4-7% คาดกำไรเติบโต 8%/9%/16% แม้ปรับลดประมาณการแต่ยังเติบโต แต่ราคาหุ้นถูกกว่าปีที่ยังมีเพียง 4 สาขา ยังแนะนำ “ซื้อ”

(0) THANI หลังพอร์ตสินเชื่อหดตัว 5% ใน 1Q25 เราคาดรายได้ลดลงต่อเนื่องในปี 2025 โดยมีปัจจัยกดดันจากแผนการเติบโตที่ไม่ชัดเจนท่ามกลางความเสี่ยงทางเศรษฐกิจมหภาคในปัจจุบัน เรายังคงประมาณการเชิงระมัดระวังของเรา ทั้งนี้เราคาดว่าสินเชื่อจะหดตัว 15% y-y ในปี 2025 ดังนั้นรายได้จึงน่าจะลดลง 10% ในปี 2025 แต่คาดกำไรสุทธิปี 2025 จะสูงขึ้นประมาณ 14% y-y จากฐานที่ต่ำในปี 2024 ราคาเป้าหมายใหม่ 1.41 บาท แนะนำ “ถือ”

(0) คาดการณ์หุ้นเข้า-ออก SET50/100 งวด 2H25

  • SET50 หุ้นเข้า: TCAP, BCP, KKP หุ้นออก: GLOBAL, BGRIM, ITC
  • SET100 หุ้นเข้า: MBK, TFG, JTS, AURA, TOA, TVO, SVI หุ้นออก: COCOCO, ERW, JMART, ROJNA, SAPPE, SKY, SNNP
    โดย ตลท. จะประกาศผลอย่างเป็นทางการในช่วงครึ่งหลังของเดือน มิ.ย.

(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 91.90 จุด หรือ -0.22%, ปิดที่ 42,427.74 จุด ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน หลังสหรัฐฯ เปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากนโยบายการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

(+) ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก โดยได้แรงหนุนจากการที่รัฐบาลเยอรมนีอนุมัติมาตรการลดภาษีนิติบุคคลมูลค่า 4.6 หมื่นล้านยูโร (5.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ

(0) ตลาดหุ้นเอเชียเปิดบวกสลับลบ หลังสหรัฐฯ รายงานตัวเลขแรงงานที่อ่อนแอกว่าตลาดคาด

(+) ค่าเงินบาทแข็งค่าอยู่ที่บริเวณ 32.66 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ หรือ -0.09%

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 56 เซนต์ หรือ 0.88% ปิดที่ 62.85 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังสหรัฐฯ เปิดเผยสต็อกน้ำมันเบนซินและน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้นมากกว่าคาด ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะอุปทานเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นในสหรัฐฯ นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส มีมติเพิ่มกำลังการผลิต รวมทั้งความกังวลว่าสถานการณ์ตึงเครียดด้านการค้าจะส่งผลกระทบต่อแนวโน้มอุปสงค์พลังงาน ขณะที่เช้านี้ลดลงอยู่ที่ระดับ 62.63 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -0.35%

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 22.10 ดอลลาร์ หรือ 0.65% ปิดที่ 3,399.20 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และจากการที่นักลงทุนเข้าสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจและสถานการณ์การค้า ขณะที่เช้านี้เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 3,402.00 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ 0.08%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 935.65/-

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

5 มิ.ย.ไทย: เงินเฟ้อ (พ.ค.)

ยูโรโซน: ECB Meeting

6 มิ.ย.สหรัฐ: Non-Farm Payrolls (พ.ค.)
9 มิ.ย.จีน: ส่งออก (พ.ค.), ส่งออก (พ.ค.)
10 มิ.ยอังกฤษ: อัตราการว่างงาน (เม.ย.)
- Advertisement -