KS Daily View 10.06.2025 >>> สหรัฐ-จีนยังเจรจาหาข้อสรุปไม่ได้ SET ฟื้นตัวจำกัด มองกรอบ SET วันนี้ 1,140-1,155 จุด แนะนำ SYNEX และ AMATA

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศวันนี้: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวผสมผสาน ดัชนี S&P500 ทรงตัว, Nasdaq Compositeเพิ่มขึ้น 0.31% และ Dow Jones เพิ่มขึ้น 0.09% ได้แรงหนุนจากหุ้น Amazon และ Alphabet ที่ปรับตัวขึ้น ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่มุ่งแก้ไขข้อพิพาททางการค้า ซึ่งได้ส่งผลให้ตลาดการเงินมีความผันผวนในช่วงที่ผ่านมา

ตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,135.24 จุด ลดลงเล็กน้อย 1.19 จุด (-0.10%) จากการปรับตัวลดลงของกลุ่มพลังงาน, สื่อสาร, และกลุ่มขนส่ง แต่ถูกชดเชยบางส่วนจากการปรับตัวขึ้นของกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะ DELTA ในวันนี้เราคาดว่า SET Index ของไทยมีแนวโน้มที่จะแกว่งตัวอยู่ ในกรอบ 1,120-1,150 จุด จากตลาดหุ้นไทยยังขาดปัจจัยบวกมากระตุ้นและอาจจำกัดการฟื้นตัวของตลาดหุ้นไทย  ขณะที่ภาพในต่างประเทศ สหรัฐและจีนยังคงอยู่ในการเจรจาที่หาข้อสรุปไม่ได้ ขณะที่ปัจจัยทางการเมืองยังคลุมเครือ หลังจากที่ทางการของไทยได้ประกาศว่ากัมพูชาได้ถอนกำลังการทหารแล้ว สวนทางกับฝั่งกัมพูชาที่ยืนยันไม่ได้ถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่ใดๆ และประจำการในพื้นที่เดิม ยังคงรอการเจรจาผ่านกลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ด้วยภาพปัจจัยบวกที่ยังไม่ชัดเจน เรายังคงยึดมั่นกลยุทธ์ในการลงทุนใน defensive play ผสมผสานกับหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะ อย่าง SYNEX และ AMATA

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

– SCGP ประกาศเข้าซื้อหุ้นเพิ่มเติมอีก 30% ในบริษัท Duy Tan Plastics Manufacturing Corporationของเวียดนาม ด้วยมูลค่ารวม 2.83 ล้านล้านเวียดนามดอง (ราว 3,727 ล้านบาท) ส่งผลให้ถือหุ้นเพิ่มเป็น 100% โดยสมบูรณ์ โดยที่บริษัท Duy Tan Plastics Manufacturing Corporation มีรายได้ 5.38 ล้านล้านดอง และกำไรสุทธิ 5.78 แสนล้านดอง ในปี 2024

– ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยร่วมกับ FTSE Russell ได้ประกาศผลการทบทวนรายชื่อหลักทรัพย์สำหรับดัชนี FTSE SET Index Series รอบเดือนมิถุนายน 2025 ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 23 มิถุนายน 2568 โดยในกลุ่มดัชนี FTSE SET Mid Cap Index มีการปรับเปลี่ยนรายชื่อหลักทรัพย์ โดยเพิ่มหุ้น AURA เข้ามา และถอดหุ้น RS, THG, RBF, EPG, FORTH, LHFG, MAJOR และ SCCC ออกจากดัชนีในรอบนี้

– นายกสมาคม TICA เปิดเผยว่า จากผลกระทบของแผ่นดินไหวในไทย การเก็บภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ และจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ลดลง ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวกลุ่ม MICE ที่เดินทางเข้ามาไทยลดลง ส่งผลให้สมาคมฯ ปรับเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวMICE ปี 2025 เหลือไม่เกิน 1 ล้านคน จากเดิม 1.1 ล้านคน พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งแก้ไขภาพลักษณ์ประเทศไทยและสนับสนุนนโยบายท่องเที่ยวยั่งยืน มองเป็นจิตวิทยาเชิงลบเล็กน้อยกับ AWC

– รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม สั่งการให้ทุกหน่วยงานเดินหน้าโครงการสำคัญ เร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2568 ให้เป็นไปตามเป้าหมายโดยเฉพาะโครงการโครงสร้างพื้นฐานพร้อมทั้งเตรียมหลากหลายโครงการ เช่น ทางพิเศษใหม่, รถไฟสายสีแดง, การจัดหารถไฟและรถโดยสารใหม่  เสนอ ครม. พิจารณา มองเป็นบวกกับ STECON และ CK

– ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยประกาศปรับปรุงหลักเกณฑ์การซื้อขายของนักลงทุนกลุ่ม High-Frequency Trading จำกัดให้สามารถซื้อขายได้เฉพาะหลักทรัพย์ขนาดใหญ่และมีสภาพคล่องสูง ได้แก่ หุ้นสามัญที่อยู่ในดัชนี SET100 (รวมถึงหุ้น –F และ NVDR), หุ้นอ้างอิงของ DW และ Single Stock Futures ที่ยังอยู่ในดัชนี SET100 เพื่อป้องกันความผันผวนของราคาหลักทรัพย์ขนาดกลางและเล็ก

Daily pick

SYNEX : ราคาพื้นฐาน 16.60 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ SYNEX จากการประชุมที่ผ่านมาโดยบริษัทคงเป้าการเติบโตแข็งแกร่งต่อเนื่อง โดยคาดว่ายอดขาย 2Q25 จะ “เติบโตเลขสองหลัก ตามแผนเปิดตัวสมาร์ตโฟนและอุปกรณ์สวมใส่รุ่นใหม่ของ Huawei ขณะเดียวกันตลาด open market ยังคงทำผลงานได้ดี โดยเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์ Apple และคาดว่าจะได้ Sentiment เชิงบวกจากการจำหน่าย Nintendo Switch 2 ในปลายเดือนมิถุนายน นี้โดยเป้าหมายแรก Nintendo ตั้งเป้ายอดขาย Switch 2 ในไทย 1แสนเครื่อง ภายใน 12 เดือนแรก จากฐาน WAU ปัจจุบัน โดยตลาดในไทยมีราว 6-7 แสนเครื่องคาดการณ์ Margin ดีกว่า overall margin นอกจากนี้ บริษัทคาดว่าโครงการลงทุนของภาครัฐจะเริ่มฟื้นตัวไม่เกิน 3Q25 และคาดการณ์ไม่มีการตั้งสำรองต่อเนื่องสำหรับลูกหนี้การค้าที่มีอายุเกิน 12 เดือน

AMATA : ราคาพื้นฐาน 23.30 บาท

เรามองการปรับตัวลดลงของราคาหุ้น AMATA ลงมาบริเวณ 12-14 บาท สะท้อน worst-case scenario ไปพอสมควรแม้ยังคงมีความไม่แน่นอนของความเสี่ยงด้านสงครามทางการค้าที่ตลาดมองว่าจะส่งผลกระทบต่อ demand ในการซื้อที่ดินของลูกค้าอุตสาหกรรม, เราคาดการณ์ downside จากราคาตลาดอยู่ที่ระดับราว 10% โดยใช้PBV ที่ระดับ crisis สองช่วงเวลาที่ผ่านมาคือ Hamburger crisis ที่ระดับ 0.6 เท่า และช่วง Covid period ที่ PBV เคยปรับตัวต่ำสุดไปอยู่ที่ 0.7 เท่าจะได้ราคา ระดับ worst case อยู่ที่ประมาณ 12.60-14.75 บาทต่อหุ้น  แต่หากการเจรจาของ reciprocal tariffs สามารถบรรลุข้อตกลงได้ จะเป็นแรงปัจจัยหนุนให้ AMATA สามารถปรับตัวกลับขึ้นมาได้อย่างแข็งแกร่ง

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

วันอังคาร ติดตามรายงานดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในยูโรโซน (Investor Confidence Index) จาก Sentix เดือน มิ.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ -5.5 จุดปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ -8.1 จุด

วันพุธ ติดตามตัวเลขเงินสหรัฐฯ (US CPI) เดือน พ.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ +2.5% YoY เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ +2.3% YoY และ Core CPI ตลาดคาดที่ +2.9%YoY เพิ่มขึ้นจาก +2.8% YoY ในเดือนก่อนหน้า

วันพฤหัสบดี ติดตามดัชนีราคาผู้ผลิต (US PPI index) ของสหรัฐฯ สำหรับเดือน พ.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ +2.6% YoYเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ +2.4% YoY ปิดท้ายด้วย จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดคาดการณ์ที่ 2.41 แสนตำแหน่งเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.47 แสนตำแหน่ง

วันศุกร์ ติดตามดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมฝั่งยุโรป (EU Industrial  production) เดือน เม.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ +1.4% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ +3.6% YoY ต่อด้วย ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภครัฐจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน (Michigan Consumer Sentiment Prelim) เดือน มิ.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ 53.5 จุด เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 52.2 จุด

- Advertisement -