KS Daily View 11.06.2025 >>> ความตึงเครียดด้านภาษีลดลง หลังสหรัฐเจรจาการค้ากับจีนเป็นไปด้วยดี คาด SET วันนี้ 1,135-1,150 จุด แนะนำ OSP และ TOP

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศวันนี้: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 0.55%, Nasdaq Composite เพิ่มขึ้น 0.63% และ Dow Jones เพิ่มขึ้น 0.25% จากนักลงทุนคาดหวังภาพเชิงบวกจากการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ที่มีเป้าหมายเพื่อลดความตึงเครียดด้านภาษีซึ่งส่งผลกระทบต่อตลาดทั่วโลกในปีนี้

ตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,139.16 จุด ปรับตัวขึ้นน้อย 3.92 จุด (+0.35%) จากการปรับตัวขึ้นของกลุ่มธนาคาร, สุขภาพและสื่อและสิ่งพิมพ์ ซึ่งตลาดยังคงไร้ทิศทางในสองวันที่ผ่านมา รอปัจจัยบวกเพิ่มเติม ขณะที่วันนี้เราคาดว่า SET Index ของไทยมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นได้เล็กน้อย ประเมินกรอบดัชนี 1,135-1,150 จุด จากภาพเชิงบวกของการเจรจาการค้าสหรัฐกับจีน หลังจากรัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐ ฮาวเวิร์ด ลัทนิก ระบุว่าการหารือเป็นไปด้วยดีและทั้งสองฝ่ายพยายามบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการควบคุมการส่งออก ที่อาจหนุนให้กลุ่มส่งออกและกลุ่มพลังงานมีแนวโน้มปรับตัวขึ้น ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการยุโรปเสนอชุดมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียครั้งที่ 18 เพื่อตอบโต้การรุกรานยูเครน โดยพุ่งเป้าไปที่รายได้จากกลุ่มพลังงาน หนุนให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้น ส่วนกลยุทธ์ในการลงทุนแนะนำ OSP ที่มีพื้นฐานแข็งแกร่งจากโมเมนตัมของ GPM ยังคงเป็นขาขึ้นจากต้นทุนที่ปรับตัวลดลง และ TOP หนุนโดยราคาพลังงานที่ปรับตัวขึ้นและ GPM ที่ยืนในระดับสูง

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

1)KAMART เข้าซื้อหุ้นสามัญจำนวน 30% ของบริษัท โฟร์ยูทู โค จำกัด ซึ่งเป็นผู้นำในธุรกิจเครื่องสำอางของไทย โดยมีกำหนดการแล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อพัฒนา จัดหา จัดจำหน่าย และทำการตลาดผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางทั้งในและต่างประเทศ หากอ้างอิงจากงบการเงินของบริษัท 4U2 ปี 2024 ที่บริษัทมีกำไรสุทธิ 296 ล้านบาท
2)ธนาคารโลกปรับลดคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจโลกในปี 2025 ลงเหลือ 2.3% โดยลดลง 0.4% จากเดิม เนื่องจากอัตราภาษีศุลกากรที่สูงขึ้นและความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นจากนโยบายการค้าของประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ โดยเฉพาะการค้าโลกที่คาดว่าจะเติบโตเพียง 1.8% ในปี 2025 ลดลงจาก 3.4% ในปี 2024 และธนาคารโลกได้เตือนว่า หากมีการขึ้นภาษีเพิ่มเติม 10% จากสหรัฐฯ พร้อมการตอบโต้จากประเทศอื่น อาจกระทบการเติบโตปี 2025 หดตัวเพิ่มอีก 0.5% มองเป็นลบกับการลงทุนตลาดหุ้น
3)คณะกรรมาธิการยุโรปเสนอชุดมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียครั้งที่ 18 เพื่อตอบโต้การรุกรานยูเครน โดยมุ่งเป้าไปที่รายได้จากพลังงาน ภาคการธนาคาร และอุตสาหกรรมการทหารของรัสเซีย ซึ่งรวมถึงการห้ามทำธุรกรรมกับท่อส่งก๊าซ Nord Stream อีกทั้งเสนอให้ลดเพดานราคาน้ำมันดิบรัสเซียของกลุ่ม G7 มองเป็นจิตวิทยาเชิงบวกเล็กน้อยกับกลุ่มพลังงาน เช่น PTTEP TOP SPRC BCP
4)รัฐมนตรีคลังสหรัฐ สก็อต เบสเซนท์ได้อนตัวจากการเจรจาการค้ากับจีน เพื่อเดินทางกลับวอชิงตัน ดี.ซี. และให้การต่อสภาคองเกรสในวันถัดไป ขณะที่รัฐมนตรีพาณิชย์ ฮาวเวิร์ด ลัทนิก และผู้แทนการค้าสหรัฐ เจมิสัน เกรียร์ จะยังคงอยู่เจรจากับฝ่ายจีนต่อไป เพื่อหาแนวทางที่ผ่อนคลายการควบคุมการส่งออกของสหรัฐไปยังจีน แลกกับการส่งออกแร่หายากของจีน มองเป็นจิตวิทยาเชิงบวกกับกลุ่มส่งออกอย่าง AAI ITC STGT DELTA KCE HANA
5)นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง เปิดเผยว่าการประชุมคณะอนุกรรมการกลั่นกรองโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ภายใต้งบ 1.57 แสนล้านบาท ยังไม่ได้ข้อสรุป จึงจำเป็นต้องเลื่อนการประชุมคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในวันที่ 11 มิ.ย.ออกไปก่อน โดยเน้นพิจารณาโครงการตามเป้าหมาย 4 ด้าน ได้แก่ โครงสร้างพื้นฐานน้ำและคมนาคม, การท่องเที่ยว, การส่งออก และเศรษฐกิจชุมชน มองเป็นจิตวิทยาเชิงลบเล็กน้อยกับกลุ่มก่อสร้างอย่าง STECON และ CK

หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:

OSP: ราคาพื้นฐานที่ 20.60 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกกับ OSP มากขึ้นหลังจากส่วนแบ่งตลาดเครื่องดื่มชูกำลังของ OSP ในเดือนเม.ย.อยู่ที่ 45.0% (+10 bps MoM, -30 bps YoY) เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่สี่ติดต่อกันจากระดับต่ำสุดที่ 44.5% ในเดือนธ.ค. 2024 และอัตรากำไรขั้นต้นคาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นเป็น 39–40% ในปี 2025 จากโครงสร้างรายได้ที่ดีขึ้นและประสิทธิภาพด้านต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น โดยมูลค่าหุ้นปัจจุบัน OSP ซื้อขายอยู่ด้วย PER ปี 2025 ที่ 15.4 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีที่ 2SD

TOP: ราคาพื้นฐาน 33.30 บาท

เราแนะนำเก็งกำไรหุ้น TOP ซึ่งเป็นโรงกลั่นน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยมีกำลังการกลั่น 275,000 บาร์เรลต่อวัน และครองส่วนแบ่งตลาดประมาณ 30% ปัจจุบันหุ้นซื้อขายอยู่ในระดับมูลค่าต่ำสุดในประวัติศาสตร์ ด้วย PBV เพียงแค่ 0.4 เท่า ซึ่งต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2552 และอยู่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย -2SD อย่างไรก็ตาม เราคาดว่า GRM จะฟื้นตัวในระยะสั้นในไตรมาส 2Q68 หนุนจากการบริโภคน้ำมันที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาลในช่วงขับขี่ของตลาดหลัก รวมถึงการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการบินและการท่องเที่ยว นอกจากนี้ ปริมาณสต็อกของก๊าซโซลีนและน้ำมันดีเซลยังอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ซึ่งส่งผลให้ Singapore GRM ปรับตัวดีขึ้น โดยเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 5.x ดอลลาร์ฯ ต่อบาร์เรลในไตรมาส 2 จาก 3.16 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรลในไตรมาส 1Q25

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

วันพุธ ติดตามตัวเลขเงินสหรัฐฯ (US CPI) เดือน พ.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ +2.5% YoY เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ +2.3% YoY และ Core CPI ตลาดคาดที่ +2.9% YoY เพิ่มขึ้นจาก +2.8% YoY ในเดือนก่อนหน้า

วันพฤหัสบดี ติดตามดัชนีราคาผู้ผลิต (US PPI index) ของสหรัฐฯ สำหรับเดือน พ.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ +2.6% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ +2.4% YoY ปิดท้ายด้วย จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดคาดการณ์ที่ 2.41 แสนตำแหน่งเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.47 แสนตำแหน่ง

วันศุกร์ ติดตามดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมฝั่งยุโรป (EU Industrial production) เดือน เม.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ +1.4% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ +3.6% YoY ต่อด้วย ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภครัฐจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน (Michigan Consumer Sentiment Prelim) เดือน มิ.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ 53.5 จุด เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 52.2 จุด

- Advertisement -