Daily Focus ราคาน้ำมันพุ่ง กลุ่มพลังงานหนุนตลาด

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัว Sideways Up ต่อเนื่องตามคาด โดยดัชนีปิดบวกได้อีกเล็กน้อย 2.42 จุด ที่ระดับ 1,141.58 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่ยังเบาบาง 2.6 หมื่นลบ. โดย Sentiment หนุนยังมาจากการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีนที่มีแนวโน้มเป็นบวก แต่ปัจจัยถ่วงยังคงอยู่ที่ในประเทศที่ไร้ประเด็นบวก สถาบันในประเทศมีสถานะทรงตัว ส่วนนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นบางๆ 234 ลบ. (แต่ Long สุทธิใน Index Futures เล็กน้อย 2.6 พันสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะแกว่ง Sideways หลังภาพรวมตลาดทั่วโลกตอบรับเชิงบวกต่อการเจรจาการค้าสหรัฐ-จีนไปพอสมควร ขณะที่แรงหนุนวันนี้จะมาจากกลุ่มพลังงานต้น-กลางน้ำ หลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นแรง 4% หลังมีแนวโน้มสหรัฐฯ-อิหร่านจะไม่สามารถบรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์ได้ โดยดัชนีอยู่ในช่วงทดสอบแนวต้านย่อย 1,145 จุด หากทะลุผ่านจะเปิด Upside เข้าหาแนวหลัก 1,160 จุด

ด้านตัวเลขเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ เดือน พ.ค. ออกมาต่ำกว่าคาด โดย Core +0.1% m-m, +2.8% y-y ผ่อนคลายความกังวลและทำให้ตลาดคาดหวังมากขึ้นต่อการปรับลดดอกเบี้ยของ FED ในเดือน ก.ย. ขึ้นมาที่ 70% ส่วนคืนนี้ติดตามตัวเลข PPI ต่อ อย่างไรก็ตามสถานการณ์ความไม่แน่นอนการเมืองในประเทศยังเป็นปัจจัยที่ต้องติดตาม ทั้งประเด็นการปรับ ครม. ที่อาจมีความชัดเจนขึ้นในสัปดาห์หน้า รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.57 แสนลบ. ว่าจะมีการจัดสรรอย่างไร ซึ่งปัจจุบันยังค่อนข้างล่าช้า ทำให้โมเมนตัมเศรษฐกิจที่แผ่วใน 2Q25 และอาจต่อเนื่องใน 3Q25 ยังเป็นปัจจัยจำกัด Upside ของดัชนี เราจึงยังเน้นกลยุทธ์ Bottom Up เลือกลงทุนในหุ้นที่มีประเด็นบวกเฉพาะตัว

กลยุทธ์ : ยังเน้นเลือกหุ้นที่มีแนวโน้มกำไร 2Q25–2025 แข็งแกร่งและมีความแน่นอนของกำไรสูง ที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว

หุ้นเด่นเดือน มิ.ย. : CPALL, MTC, OSP, SJWD, STECON
FSSIA Portfolio : BA, CPALL, KBANK, MTC, NSL, OSP, PR9, STECON

หุ้นเด่น Finansia 12 มิ.ย. 25 : PTTEP

  • แนะนำ “เก็งกำไร” ราคาเป้าหมายเฉลี่ยจาก IAA consensus 128.26 บาท
  • ระยะสั้นคาดได้อานิสงส์บวกจากราคาน้ำมันดิบที่พุ่งแรง 4% เมื่อคืนที่ผ่านมาโดย WTI แตะระดับ US$68 ต่อบาร์เรล หลังสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-อิหร่านเพิ่มขึ้นหลังมีแนวโน้มไม่บรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์
  • Consensus ประเมินกำไรปี 2025 ของ PTTEP เฉลี่ยที่ 5.8 หมื่นลบ. แม้จะชะลอตัวจากปีก่อนๆจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับลง แต่คาดชดเชยได้บางส่วนจากปริมาณการขายที่ขยับขึ้นจากแหล่งเอราวัณ ส่วนด้าน Dividend Yield ยังสูงกว่า 7%
  • แนวรับ 98-97.25 บาท แนวต้าน 104//106 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนต่างชาติยังคงไหลเข้าภูมิภาคสุทธิต่อเนื่องอีก US$840 ล้าน โดยยังคงกระจุกตัวที่เอเชียตะวันออกอย่างไต้หวัน US$577 ล้าน ตามด้วยเกาหลีใต้ US$273 ล้าน ส่วนฝั่งอาเซียนเม็ดเงินไหลออกบางๆ ประเทศละ US$1–7 ล้าน มีเพียงอินโดนีเซียที่ไหลเข้าอ่อนๆ US$5 ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนคาดว่าจะชะลอการไหลเข้า หลังตอบรับเชิงบวกต่อผลการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีนไปมากพอสมควร ขณะที่สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-อิหร่านเรื่องข้อตกลงนิวเคลียร์กดดัน

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) Contractor ข่าวกรมทางหลวงเดินหน้าโครงการมอเตอร์เวย์ 2 เส้นทาง วงเงินรวม 8.7 หมื่นลบ. คาดเปิดประมูลให้เอกชนร่วมลงทุน (PPP) ในปี 2026 1) โครงการ M5 วงเงิน 3.1 หมื่นลบ. 2) โครงการ M9 วงเงิน 5.6 หมื่นลบ. แม้กรอบเวลาการเปิดประมูลจะขยับจากแผนเดิมใน 2H25 เป็นปี 2026 แต่ถือว่าเป็น Sentiment บวกจากความคืบหน้าที่เป็นรูปธรรม โดยเป็น 1 ในงานที่เป็นเป้าหมายหลักของผู้รับเหมา คาด Main Contractor อย่าง CK, STECON, UNIQ เป็นผู้เข้าประมูลหลัก เรายังเลือก STECON เป็น Top Pick ของกลุ่มฯ

(+) กลุ่มโรงแรม แนวโน้มเดือนมิถุนายน ปริมาณนักท่องเที่ยวจะกลับมาขยายตัว m-m จากจุดต่ำสุดในเดือน พ.ค. แต่หากเทียบ YoY จะยังคงหดตัว ดังนั้นเรามองว่าธุรกิจโรงแรมในไทยยังคงเห็น Operating Rate ลดลง YoY ขณะที่ ADR จะลดลงหรือเติบโตในอัตราต่ำ จากการแข่งขันด้านราคา RevPar จึงมีแนวโน้มลดลง YoY เช่นกัน เราชอบ MINT จากแนวโน้มกำไรที่คาดว่าจะโดดเด่นสุดใน 2Q25 ส่วน CENTEL จะเป็น Domestic play ตาม tourism sentiment

(+) AP ยอด Presales เดือน พ.ค. ปรับตัวดีขึ้นจากเดือน เม.ย. ที่อ่อนแอ ภาพรวมแนวราบยังแข็งแกร่ง ขณะที่ผู้เยี่ยมชมคอนโดฟื้นกลับมาระดับ 70–80% เทียบกับก่อนแผ่นดินไหว ประเมินกำไรสุทธิ 2Q25 ฟื้นตัว q-q ก่อนเร่งขึ้นดีในช่วง 2H25 เราคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2025 ที่ 4.7 พันลบ. -6% y-y และราคาเป้าหมาย 9 บาท คงคำแนะนำ “ซื้อ”

(+) PTT & PTTGC บริษัทคาดเพิ่ม EBITDA จากการทำ assets monetization ปีนี้ได้ไม่ต่ำกว่า 8 พันลบ. ส่วน PTTGC มีแนวโน้มที่จะขายสินทรัพย์ที่ไม่ใช่ core ธุรกิจออก ซึ่งจะมีกำไรจากการขายสินทรัพย์ส่วนนี้ด้วย ส่วนประเด็นการมี partners ในบริษัทลูกอย่าง PTTGC, OR, IRPC นั้น หลังมี partner ใหม่ PTT ยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และ partner นั้นจะต้องสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มระหว่างกันและเติบโตไปพร้อมกัน ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการเจรจาและคาดจะมีความชัดเจนใน 3Q25 โดยรวมเรามองนโยบายดังกล่าวจะเป็นบวกกับกลุ่ม ปตท. และราคาหุ้นยังไม่สะท้อนปัจจัยดังกล่าว

(0) XO แม้ภาพรวมคำสั่งซื้อจะยังไม่สดใส เพราะศก.โลกชะลอตัว ขณะที่ผลกระทบทางลบของ US tariff จำกัด แนวโน้มคำสั่งซื้อ 2Q25 +24% q-q หลังลูกค้าในยุโรปกลับมาสต็อกมากขึ้น และลูกค้าแคนาดามีออเดอร์เพิ่ม บริษัทยังไม่ถูกกระทบทางลบจาก US tariff แม้ไทยถูกปรับขึ้น 10% แต่ distributor ใน US ยังรับภาระได้ทั้งหมด แต่หากถูกปรับ tariff ขึ้นเป็น 36% อาจต้องเจรหาทางปรับตัวกับ distributor ต่อไป เบื้องต้นคาดกำไร 2Q25 จะฟื้น q-q แต่ยังลดลง y-y และลุ้นกำไรกลับมาโต y-y อีกครั้งใน 2H25 แนะนำ “เก็งกำไร”

(0) คาดการณ์หุ้นเข้า-ออก SET50/100 งวด 2H25 สำหรับ SET50 หุ้นเข้า TCAP, BCP, KKP หุ้นออก GLOBAL, BGRIM, ITC ส่วน SET100 หุ้นเข้า MBK, TFG, JTS, AURA, TOA, TVO, SVI หุ้นออก COCOCO, ERW, JMART, ROJNA, SAPPE, SKY, SNNP โดย ตลท. จะประกาศผลอย่างเป็นทางการในช่วงครึ่งหลังของเดือน มิ.ย.

(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 1.10 จุด หรือ -0.003%, ปิดที่ 42,865.77 จุด เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง ซึ่งได้บดบังปัจจัยบวกจากตัวเลขเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลงของสหรัฐฯ ขณะเดียวกันนักลงทุนรอคอยรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ

(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ เนื่องจากการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่หลายคนจับตามองนั้นมีรายละเอียดออกมาน้อยมาก แม้ว่าทั้งสองฝ่ายสัญญาว่าจะมีการทำข้อตกลงระดับสูงเกิดขึ้นก็ตาม

(0) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดบวกสลับลบ รอรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ

(+) ค่าเงินบาท แข็งค่าอยู่ที่บริเวณ 32.53 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ หรือ -0.28%

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX พุ่งขึ้น 3.17 ดอลลาร์ หรือ 4.88% ปิดที่ 68.15 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากมีรายงานว่า สหรัฐฯ เตรียมอพยพเจ้าหน้าที่ออกจากสถานทูตในอิรัก เนื่องจากมีความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยในตะวันออกกลาง ในขณะที่เช้านี้เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 68.56 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ 0.60%

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 30 เซนต์ หรือ 0.01% ปิดที่ 3,343.70 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อชะลอตัวลงมากกว่าคาด ซึ่งทำให้นักลงทุนมีความหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ก.ย. ในขณะที่เช้านี้เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 3,383.50 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ 1.19%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 934.19 / -0.18%

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

12 มิ.ย.สหรัฐ: เงินเฟ้อ PPI (พ.ค.)
13 มิ.ย.สหรัฐ: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคและเงินเฟ้อคาดการณ์มิชิแกนเงินเฟ้อ PPI (มิ.ย.)

ไทย: ศาลฎีกานัดไต่สวนคดีชั้น 14

16 มิ.ย.จีน: ยอดค้าปลีก ผลผลิตอุตสาหกรรม (พ.ค.)
17 มิ.ย.ญี่ปุ่น: ประชุม BoJ

เยอรมนี: ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ (มิ.ย.)

สหรัฐฯ: ยอดค้าปลีก (พ.ค.)

18 มิ.ย.อังกฤษ: เงินเฟ้อ (พ.ค.)

สหรัฐ: Housing Starts (พ.ค.)

 

- Advertisement -