บล.กรุงศรีฯ:

SET Index ลดลง 12.96 จุด (-1.14%) ปิดที่ระดับ 1,129 จุด มูลค่าการซื้อขาย 3.25 หมื่นล้านบาท (จำนวนหุ้นปรับลง 330 บริษัท, หุ้นปรับขึ้น 117 บริษัท) กังวลสถานการตึงเครียดระหว่างอิหร่านกับสหรัฐ และ ในประเทศมีประเด็นการเมืองกดดัน Sector ปรับตัวลงกดดันดัชนี คือ กลุ่มอิเล็กฯ (DELTA) และธนาคาร (BBL, KANK, KTB, SCB), กลุ่มสื่อสาร (ADVANC) และกลุ่มค้าปลีก (HMPRO, GLOBAL, DOHOME) ส่วน Sector ปรับขึ้นประคองดัชนี คือ กลุ่มน้ำมันโรงกลั่น (PTTEP, TOP) และ กลุ่มปิโตรฯ (PTTGC, SCC)

หุ้นที่เคลื่อนไหวโดดเด่น คือ

PTTEP (+4.48%) ปรับขึ้นตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกกังวลอุปทานตึงตัวจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง ล่าสุดราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับขึ้นแตะระดับ 68.15$/bbl (+4.88%) ทำสถิติสูงสุดในรอบ 2 เดือน เป็นจิตวิทยาบวกกับกลุ่ม oil link company โดยเฉพาะ PTTEP 

TOP (+1.77%), PTTGC (+1.98%) ปรับขึ้นในทิศทางเดียวกับ PTTEP มองราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นแรงช่วยลด downside จากการขาดทุนสต๊อกน้ำมันดิบให้กับผู้ประกอบการโรงกลั่นและปิโตรฯ ผสานกับ PTTGC มีวัตถุดิบเป็นก๊าซธรรมชาติราคาจะปรับขึ้นช้ากว่าน้ำมันนักลงทุนจะชอบเก็งกำไรในภาวะตลาดน้ำมันขาขึ้นเพราะจะได้ Spread ที่กว้างกว่าหากเทียบกับคู่แข่งที่ใช้นาฟทาเป็นวัตถุดิบ  

SCC (+3.25%) นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานของเรามีมุมมองบวกจากข่าวลดสัดส่วนการลงทุนใน CAP บริษัทปิโตรฯ ในอินโดฯ จาก 30.57% เป็น 10.57% สอดคล้องกับกลยุทธ์ของผู้บริหารที่ต้องการลดภาระค่าใช้จ่ายคงที่ และหยุดกิจการที่ไม่ทำกำไร เราคาดธุรกรรมดังกล่าวสุดท้ายจะส่งให้ลดดอกเบี้ยจ่าย และมีกำไรพิเศษ เป็น catalyst บวกเพิ่มในช่วง 2Q25F

GLOBAL (-2.02%), DOHOME (-3.98%), HMPRO (-7.19%) นักวิเคราะห์กลุ่มค้าปลีกของเราออกบทวิเคราะห์ปรับลดน้ำหนักหุ้นในกลุ่มค้าปลีก เนื่องจากแนวโน้ม SSSG ที่อ่อนแอในไตรมาสปัจจุบัน (QTD) จากเศรษฐกิจชะลอตัว ประชาชนขาดความเชื่อมั่น และ สภาพอากาศที่ร้อนน้อยกว่าปกติ มีผลต่อยอดขายสินค้าในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องปรับอากาศ และกลุ่มเครื่องดื่ม 

DELTA (-3.96%) มีปัจจัยลบเฉพาะตัวจากข่าวเสี่ยงจ่ายคืนเงิน 2 พันล้านบาท เนื่องจากใช้สิทธิผลิตชิ้นส่วน EV แต่ไม่เป็นไปตามที่ BOI กำหนด แม้ในเบื้องต้นบริษัทจะออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าว 

 

- Advertisement -