KS Daily View 13 มิ.ย. 2025>>>จากสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง
แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศวันนี้: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 0.38%, Nasdaq Composite เพิ่มขึ้น 0.24%, และ Dow Jones เพิ่มขึ้น 0.24% หลังจากบริษัท Oracle ให้แนวโน้มผลประกอบการที่แข็งแกร่ง ซึ่งช่วยกระตุ้นความเชื่อมั่นเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) แม้ว่าจะมีความกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดในตะวันออกกลางและราคาหุ้นของ Boeing ที่ลดลงก็ตาม
ตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,128.62 จุด ปรับตัวลดลง 12.96 จุด (-1.14%) จากการปรับลงของกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์, ธนาคาร, และกลุ่มสื่อสาร แต่ถูกชดเชยบางส่วนจากการปรับตัวขึ้นของกลุ่มพลังงานตามราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นจากความตึงเครียดในตะวันออกกลาง่ที่ก่อตัวขึ้น ซึ่งวันนี้ เราคาดว่า SET Index ของไทยมีแนวโน้มแกว่งตัวในกรอบ 1,115-1,145 จุด หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้เปิดเผยว่าการขยายเส้นตายขึ้นกำแพงภาษีอาจไม่จำเป็นต้องเลื่อน แม้ว่าได้เปิดโอกาสผ่อนปรนให้คู่ค้าบางประเทศ ในขณะเดียวกันมีการรายงานว่าอิสราเอลได้เปิดฉากโจมตีทางทหารต่ออิหร่านส่งผลให้ความตึงเครียดในตะวันออกกลางปรับตัวสูงขึ้นอาจส่งผลเชิงลบเชิงจิตวิทยาการฟื้นตัวของตลาดหุ้นไทย ทั้งนี้นักลงทุนยังคงจับตามองสถานการณ์การเมืองโดยเฉพาะการพิจารณาคดีของ อดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร
ในส่วนกลยุทธ์การลงทุนแนะนำหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งประกอบกับแนวโน้มของกำไรยังคงเติบโตต่อเนื่องใน 2Q25 อย่าง AURA และ TOP
ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:
- กรมท่าอากาศยานประกาศปรับเพิ่มค่าบริการผู้โดยสารขาออก (Passenger Service Charge: PSC) ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2025 เป็นต้นไป ที่ท่าอากาศยาน 6 แห่งในสังกัด ได้แก่ กระบี่ สุราษฎร์ธานี อุบลราชธานี ขอนแก่น นครศรีธรรมราช และพิษณุโลก โดยอัตราค่าบริการจะเพิ่มจาก 50 เป็น 75 บาทสำหรับเส้นทางภายในประเทศ และมีการปรับอัตราสำหรับเส้นทางระหว่างประเทศจาก 400 เป็น 425 บาทสำหรับตั๋วที่ซื้อหลังวันที่ 1 กรกฎาคม 2025
- รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เดินหน้าผลักดันนโยบายเปิดเส้นทางบินตรงไทย–สหรัฐฯ หลังไทยได้รับการคืนสถานะ Category 1 จาก FAA โดยมอบหมายให้ กพท. เจรจากับหน่วยงานสหรัฐฯ และสายการบิน เช่น United Airlines ที่สนใจเปิดเส้นทางกรุงเทพฯ–ลอสแอนเจลิส พร้อมศึกษาการจัดตั้งระบบตรวจคนเข้าเมืองล่วงหน้า (Pre-Clearance) ในไทย และเตรียมความพร้อมด้านความปลอดภัยเพื่อรองรับการตรวจจาก ICAO ปลายเดือนสิงหาคมนี้ มองเป็นจิตวิทยาเชิงบวกเล็กน้อยกับ AOT
- ประเทศสมาชิกส่วนใหญ่ในกลุ่ม G7 โดยเฉพาะสหภาพยุโรป (EU), สหราชอาณาจักร และแคนาดา เตรียมเดินหน้าปรับลดเพดานราคาน้ำมันดิบของรัสเซียจาก 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เหลือ 45 ดอลลาร์ แม้สหรัฐฯ ภายใต้ประธานาธิบดีทรัมป์อาจไม่เข้าร่วม โดยจะมีการหารืออย่างเป็นทางการในการประชุมสุดยอด G7 วันที่ 15-17 มิถุนายนนี้ที่แคนาดา ซึ่งมาตรการนี้มีเป้าหมายเพื่อลดรายได้รัสเซียจากการส่งออกน้ำมันและเพิ่มแรงกดดันต่อเศรษฐกิจของรัสเซีย
- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยว่าเขาพร้อมจะขยายเส้นตายวันที่ 8 กรกฎาคมสำหรับการเจรจาการค้ากับหลายประเทศก่อนที่สหรัฐฯ จะปรับขึ้นภาษีนำเข้าสูงขึ้น แต่เชื่อว่าไม่น่าจำเป็นต้องเลื่อน พร้อมเตรียมส่งจดหมายแจ้งรายละเอียดข้อตกลงให้กับประเทศอื่นๆ อีกหลายสิบประเทศภายใน 1-2 สัปดาห์ เพื่อให้แต่ละประเทศตัดสินใจว่าจะยอมรับหรือปฏิเสธเงื่อนไขดังกล่าว มองเป็นจิตวิทยาเชิงลบกลับกลุ่มส่งออก
- IAEA มีมติว่าอิหร่านละเมิดพันธกรณีตามสนธิสัญญา NPT โดยอิหร่านตอบโต้ด้วยการอัปเกรดเครื่องหมุนเหวี่ยงและวางแผนเปิดโรงงานเสริมสมรรถนะแห่งใหม่ พร้อมอ้างว่าโครงการนิวเคลียร์มีจุดประสงค์เพื่อสันติ ขณะเดียวกัน สหรัฐฯ และอิหร่านเตรียมเจรจาในโอมาน หากการเจรจาล้มเหลวอาจส่งผลให้ราคาน้ำมันและกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้น อย่าง PTTEP TOP SPRC BCP
- อิสราเอลได้เปิดฉากโจมตีทางทหารต่ออิหร่าน โดยไม่มีการมีส่วนร่วมของสหรัฐฯ ตามรายงานจากเจ้าหน้าที่อเมริกัน 2 ราย ทั้งนี้รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล อิสราเอล แคตซ์ ได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินพิเศษทั่วประเทศ เนื่องจากมีการคาดการณ์ว่าอิหร่านจะตอบโต้ด้วยขีปนาวุธและโดรน มองเป็นบวกต่อราคาน้ำมันและหุ้นกลุ่มพลังงาน อย่าง PTTEP และ TOP
หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:
- AURA: ราคาพื้นฐาน 20.10 บาท
เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ AURA จากแนวโน้มกำไรใน 2Q25 ยังคงเติบโตขึ้นต่อเนื่องจากการเติบโตของสินเชื่อทองมาเงินไปจะขึ้นไปที่ 5.1 พันล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 4.5%QoQ โดย AURA มีสาขาเพิ่มเป็น 508 สาขา ณ สิ้น 1Q25 เราคาดการณ์ปีนี้จะเป็นปีทองต่อเนื่องของ AURA โดยมีเป้าหมายการเติบโตที่ระดับ 20-30% จากการขยายสาขา 156 สาขาในปี 2025 และตั้งเป้าการเติบโตของสินเชื่อมาอยู่ที่ 7.5 พันล้านบาท เราคาดการณ์ AURA จะเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งต่อเนื่องไปยัง ปี 2027
- TOP: ราคาพื้นฐาน 33.30 บาท
เราแนะนำเก็งกำไรหุ้น TOP ซึ่งเป็นโรงกลั่นน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยมีกำลังการกลั่น 275,000 บาร์เรลต่อวัน และครองส่วนแบ่งตลาดประมาณ 30% ปัจจุบันหุ้นซื้อขายอยู่ในระดับมูลค่าต่ำสุดในประวัติศาสตร์ ด้วย PBV เพียงแค่ 0.4 เท่า ซึ่งต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2552 และอยู่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย -2SD อย่างไรก็ตาม เราคาดว่า GRM จะฟื้นตัวในระยะสั้นในไตรมาส 2Q68 หนุนจากการบริโภคน้ำมันที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาลในช่วงขับขี่ของตลาดหลัก รวมถึงการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการบินและการท่องเที่ยว นอกจากนี้ ปริมาณสต็อกของก๊าซโซลีนและน้ำมันดีเซลยังอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ซึ่งส่งผลให้ Singapore GRM ปรับตัวดีขึ้น โดยเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 5.x ดอลลาร์ฯ ต่อบาร์เรลในไตรมาส 2 จาก 3.16 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรลในไตรมาส 1Q25
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
- วันศุกร์ ติดตามดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมฝั่งยุโรป (EU Industrial production) เดือน เม.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ +1.4% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ +3.6% YoY ต่อด้วย ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภครัฐจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน (Michigan Consumer Sentiment Prelim) เดือน มิ.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ 53.5 จุด เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 52.2 จุด