KS Daily View 16.06.2025 >>> อิสราเอล-อิหร่านยกระดับความขัดแย้ง เจรจาการค้ายังไม่มีทีท่าคลี่คลาย มองกรอบ SET วันนี้ 1,100–1,125 จุด แนะนำ TOP และ PTTEP

Theme การลงทุนสัปดาห์นี้: คาดตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้แกว่งตัวในกรอบ 1,110-1,145 จุด ซึ่งปัจจัยระยะสั้นดูเป็นลบกดดันมากขึ้นหลังการเจรจาการค้าของสหรัฐฯกับประเทศคู่ค้าต่างๆดูเหมือนว่ายังไม่มีทีท่าคลี่คลายลง ประกอบกับความขัดแย้งในตะวันออกกลางระหว่างอิสราเอลและอิหร่านที่ยกระดับ รวมถึงการเจรจา JBC ระหว่างไทยและกัมพูชายังไร้ข้อยุติความขัดแย้ง โดยในสัปดาห์นี้ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามต่อคือ สถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน ซึ่งคาดว่าการโจมตีทางอากาศด้วยขีปนาวุธและโดรนอาจทวีความรุนแรง นอกจากนี้แนะนำติดตามผลการประชุม FOMC โดยคาดจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้เท่าเดิมที่ 4.50% และ Fed Dot plot เพิ่มเนื่องจากตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อจะเป็นตัวสะท้อนแนวโน้มการปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ Fed ในระยะถัดไปว่า Fed จะกลับมาลดดอกเบี้ยต่อในระยะอันใกล้หรือไม่ จากปัจจุบันที่ตลาดมองว่า Fed จะมีการปรับลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ในช่วงเดือน ก.ย. และ ธ.ค. สำหรับกลยุทธ์การลงทุนเรายังแนะนำเน้นตั้งรับ ด้านหุ้นแนะนำในพอร์ตการลงทุนสัปดาห์นี้คือ TOP PTTGC AURA TRUE PR9

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศวันนี้: ตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,122.70 จุด ปรับตัวลดลง 1.21% จากสัปดาห์ที่ผ่านมากดดันโดยการปรับลดลงของกลุ่มค้าปลีก, การเงิน, และ ขนส่ง ในวันนี้เราประเมินว่าตลาดมีแนวโน้มแกว่งตัว sideways down อยู่ในกรอบ 1,100–1,125 จุด จากการเจรจาการค้าของสหรัฐฯกับประเทศคู่ค้าต่างๆดูเหมือนว่ายังไม่มีทีท่าคลี่คลายลงและความขัดแย้งในตะวันออกกลางระหว่างอิสราเอลและอิหร่านที่ยกระดับ แนะนำการลงทุนหุ้นที่ได้ปัจจัยบวกเฉพาะจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น TOP และ PTTEP

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

  1. รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน เปิดเผยว่าอิหร่านไม่ต้องการให้ความขัดแย้งกับอิสราเอลลุกลามไปยังประเทศเพื่อนบ้านเว้นแต่จะถูกบีบบังคับ ทั้งนี้ระบุว่าการโจมตีแหล่งก๊าซSouth Pars ซึ่งอิหร่านถือหุ้นร่วมกับกาตาร์นั้นถือเป็นการรุกรานอย่างร้ายแรง และอาจนำสงครามสู่ภูมิภาคอ่าวเปอร์เซียอย่างอันตราย มองว่าหากอิหร่านมีการปิดช่องแคบฮอร์มุซจะส่งผลให้การขนส่งน้ำมันดิบคิดเป็นประมาณ 20% ของอุปทานน้ำมันทั่วโลกชะงักลง จะเป็นบวกต่อราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น และหุ้นกลุ่มพลังงานอย่าง PTTEP TOP SRPC BCP
  1. กองทัพรัสเซียประกาศโจมตีโรงกลั่นน้ำมันเครเมนชุกในภูมิภาคโปลตาวาของยูเครน โดยใช้ทั้งขีปนาวุธจากทะเลและอากาศ รวมถึงโดรนโจมตีและอ้างว่าเป็นการโจมตีที่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากโรงกลั่นแห่งนี้เป็นแหล่งจัดหาน้ำมันให้กองทัพยูเครนในภูมิภาคดอนบาส มองเป็นบวกเล็กน้อยกับกลุ่มโรงกลั่นอย่าง BSRC BCP TOP SPRC
  1. บริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัดแจ้งเรื่อง ขอเจรจาสัญญาดิวตี้ฟรีประกอบกิจการร้านค้าปลอดอากรในสนามบินภูเก็ต เชียงใหม่ และหาดใหญ่ กับฝ่ายบริหาร AOT จากผลกระทบเศรษฐกิจที่ซบเซาและจำนวนนักท่องเที่ยวที่ชะลอตัว โดยจะมีการเสนอแนวทางแก้ปัญหาให้คณะกรรมการพิจารณาในวันที่ 16 มิ.ย.นี้  และในปี 2024AOT มีสัญญารายได้ที่ดอนเมืองมีรายได้ราว 2 พันลบ. อิงตาม revenue sharing ที่ 20% และ สัญญาที่เชียงใหม่, ภูเก็ต, หาดใหญ่ มีรายได้ราว 3 พันลบ. อิง รายได้ต่อหัวที่ 92 บาท คิดเป็นรายได้ประมาณไม่เกิน 5 พันลบ.
  1. รัฐบาลไต้หวันได้เพิ่มบริษัท Huawei Technologies และ Semiconductor Manufacturing International Corp (SMIC) ของจีน เข้าในบัญชีควบคุมการส่งออก ซึ่งรวมถึงองค์กรต้องห้ามอื่นๆ อย่างกลุ่มตาลีบันและอัลกออิดะห์ด้วย การถูกบรรจุในรายชื่อหน่วยงานที่ควบคุมสินค้ากลยุทธ์และเทคโนโลยีขั้นสูง โดยที่บริษัทไต้หวันจะต้องได้รับอนุญาตจากรัฐบาลก่อนส่งสินค้าใดๆ ไปยังสองกลุ่มนี้  มองเป็น sentiment เชิงลบเล็กน้อยกับกลุ่ม Electronics อย่าง DELTA, KCE, HANA
  1. ภาพการเจรจาการค้าของสหรัฐฯกับประเทศคู่ค้าต่างๆ ดูเหมือนว่าสุดท้ายแล้วยังไงก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงภาษีนำเข้าที่สูงขึ้นได้ โดยเจรจาการค้าระหว่างญี่ปุ่น-สหรัฐฯยังไร้ข้อสรุปในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งญี่ปุ่นยังมีความเห็นต่างเกี่ยวกับมาตรการภาษีและการทำข้อตกลงแบบบางส่วน มองว่าการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มส่งออกยังคงถูกกดดันต่อไป อย่าง AAI, ITC, ASIAN, TU, DELTA, KCE, HANA

Daily pick

TOP: ราคาพื้นฐาน 33.30 บาท 

เราแนะนำเก็งกำไรหุ้น TOP ซึ่งเป็นโรงกลั่นน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยมีกำลังการกลั่น 275,000 บาร์เรลต่อวัน และครองส่วนแบ่งตลาดประมาณ 30% ปัจจุบันหุ้นซื้อขายอยู่ในระดับมูลค่าต่ำสุดในประวัติศาสตร์ ด้วย PBV เพียงแค่ 0.4 เท่า ซึ่งต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2552 และอยู่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย -2SDประกอบกับสงครามใน ตะวันออกกลางที่รุนแรงขึ้นคาดส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง คาดการณ์ Inventory loss จะกลับกลายเป็น gain แทนใน 2Q25  ราคาดว่า GRM จะฟื้นตัวในระยะสั้นในไตรมาส 2Q68 หนุนจากการบริโภคน้ำมันที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาลในช่วงขับขี่ของตลาดหลัก นอกจากนี้ ปริมาณสต็อกของก๊าซโซลีนและน้ำมันดีเซลยังอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ซึ่งส่งผลให้ Singapore GRM ปรับตัวดีขึ้น โดยเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 5 ดอลลาร์ฯ ต่อบาร์เรลในไตรมาส 2 จาก 3.16 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรลในไตรมาส 1Q68

PTTEP: ราคาพื้นฐาน 116.00 บาท

เราแนะนำเก็งกำไร PTTEP เพื่อเป็น proxy ในการ hedge ราคาพลังงานที่มีโอกาสปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องสำหรับสงครามในตะวันออกกลาง และท่าทีของ อิหร่านที่จะมีโอกาสปิดช่องแคบฮอร์มุส ซึ่งนับเป็นจุดยุทธศาสตร์ในการส่งออกพลังงานจากตะวันออกกลางคิดเป็นราว 20% ของการค้าพลังงานทั้งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ หากช่องแคบนี้ปิดตัวลงคาดจะส่งผลกระทบต่อราคาพลังงานในระยะยาว จนกว่าเหตุการณ์จะสงบลง นอกจากนี้ ผู้บริหารให้มุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มราคาน้ำมันและปริมาณการผลิตของบริษัท โดยราคาน้ำมันผู้บริหารมองว่าจะอยู่ในกรอบ 65-75 เหรียญ/บาร์เรลจากความไม่แน่นอนของความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์ อีกทั้ง ต้นทุนของผู้ผลิต US shale oil ก็ปรับเพิ่มจากวัฏจักรก่อนหน้าเป็น 60 เหรียญ/บาร์เรล โดยในส่วนของปริมาณผลิต ผู้บริหารมองว่าได้ผ่านจุดต่ำสุดของปีแล้วในไตรมาส 1/25 เนื่องจากกิจกรรมการปิดซ่อมบำรุงจะลดลงในช่วงที่เหลือของปี

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

วันวันจันทร์ ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของจีน ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (Industrial  production) เดือน พ.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 6.0% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 6.1%YoY ต่อด้วย ดัชนียอดค้าปลีก (Retail sales) เดือน พ.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 4.9% YoY ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ 5.1%

วันอังคาร ติดตามผลการประชุมของ BoJ โดยตลาดคาดว่า BoJ จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ 0.50% และปิดท้ายด้วย ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา ดัชนียอดค้าปลีก (US retail sales) เดือน พ.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ -0.6% MoM หดตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ +0.1% MoM

วันพุธ ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อของสหภาพยุโรป (EU CPI)เดือน พ.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ +1.9% YoY ทรงตัวเดือนก่อนหน้า ต่อด้วยการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐอย่าง รายงานจำนวนที่อยู่อาศัยเริ่มสร้าง (Housing Starts) ของสหรัฐ เดือน พ.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 1.359 ล้านหลัง ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 1.361 ล้านหลัง ต่อด้วย รายงานใบอนุญาตก่อสร้างบ้าน (Building Permits)ของสหรัฐ เดือน พ.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 1.425 ล้านหลัง เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 1.422 ล้านหลัง ปิดท้ายด้วยผลการประชุม FOMC โดยตลาดคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐจะคงอัตราดอกเบี้ยและเปิดเผยคาดการณ์แนวโน้มของเศรษฐกิจของสหรัฐจากทางธนาคารกลาง (FOMC Economic Projections)

วันพฤหัสบดี ติดตามจำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดคาดการณ์ที่ 2.45 แสนตำแหน่งเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.48 แสนตำแหน่ง

วันศุกร์ ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อของญี่ปุ่น (Japan Inflation)เดือน พ.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ +3.5% YoY ลดลงเดือนก่อนหน้าที่ +3.6% YoY และเงินเฟ้อที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน ตลาดคาดการณ์ที่ 3.2% YoY เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 3.0% YoY ปิดท้ายด้วยการรายงาน Loan prime rate ของธนาคารกลางจีนเดือน ต.ค. ระยะเวลา 1 ปีคาดการณ์ไว้ที่ 3.0% ทรงตัวจากครั้งก่อนหน้า และ Loan prime rate อายุ 5 ปีคาดการณ์ไว้ที่ 3.5% ทรงตัวจากครั้งก่อนหน้า

- Advertisement -