บล.ฟินันเซีย ไซรัส:
กลุ่มอาหาร – อัพเดทกัมพูชาจากผู้ประกอบการ ปัจจุบันยังค้าขายปกติ แต่ต้องบริหารจัดการเวลามากขึ้น ส่วนเรื่องแรงงาน ยังตามดูต่อไป เบื้องต้นน่าจะกระทบจำกัด
- จากความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา หลังรัฐบาลกัมพูชายกระดับลดระยะเวลาเปิด-ปิดด่านให้สั้นลง และเริ่มมีข่าวพูดถึงให้ต่อต้านสินค้าไทยและให้แรงงานกัมพูชากลับประเทศ
- บริษัทที่มีสัดส่วนรายได้ในกัมพูชา นำโดย CBG (15% ของรายได้), ICHI (5%), CPF (3-4%), BTG (3-4%), NEO (2%), HANA (1.4% แต่ผลิตเพื่อส่งออก)
- จากการสอบถามวันนี้ (16 มิ.ย.) พบว่า ปัจจุบันยังสามารถส่งสินค้าได้ แต่ต้องบริหารจัดการด้านเวลา เพราะด่านปิดเร็วขึ้น และเริ่มมีอัดสต็อกมากขึ้นเผื่อสถานการณ์รุนแรงขึ้น นอกจากนี้ยังมีการเตรียมช่องทางอื่นเผื่อไว้ด้วย (เช่น ทางเรือ)
- ส่วนการซื้อขายสินค้าไทยในกัมพูชา ยังปกติ ไม่มีการต่อต้านใดๆระดับผู้บริโภค
- สำหรับแรงงานกัมพูชาในไทย กลุ่มอาหารต้นน้ำ-กลางน้ำ มีการใช้แรงงานในโรงงานค่อนข้างมาก หากเทียบกับกลุ่มเกษตร (ต้นทุนหลักคือวัตถุดิบ) และอาหารปลายน้ำ และเครื่องดื่ม ที่ส่วนใหญ่ใช้เครื่องจักร และต้นทุนหลักคือ พลังงานและบรรจุภัณฑ์
- จากการสอบถามพบว่า GFPT มีสัดส่วนแรงงานกัมพูชาต่อแรงงานทั้งหมดมากสุดราว 20% ของแรงงานทั้งหมด รองมาคือ CPF 9%, ส่วน TU/ITC ต่ำกว่า 1% (ส่วนใหญ่เป็นพม่า เพราะโรงงานหลักอยู่ที่สมุทรสาคร)
- สำหรับ GFPT เป็นการจัดหาแรงงานผ่าน Agency ซึ่งระบุในสัญญาว่า หากแรงงานลาออกก่อนครบกำหนด ทาง Agency ต้องจัดหาแรงงานทดแทน และคาดว่ายังมีแรงงานพม่ารองรับได้ ปัจจุบัน GFPT ใช้แรงงานไทยราว 50% และอีก 30% เป็นพม่าและประเทศอื่น (ที่ไม่ใช่กัมพูชา)