บล.เคจีไอ (ประเทศไทย):
Osotspa (OSP.BK/OSP TB)*
มองมุมต่างที่ซ่อนอยู่ในความไม่แน่นอน
Event: เริ่มต้นให้คำแนะนำซื้อ OSP ด้วย reward/risk ที่น่าสนใจ
Impact
OSP ป้องกันส่วนแบ่งตลาดของตนเองโดยการปรับกลยุทธ์เชิงรุก
OSP ซึ่งเป็นผู้เล่นรายใหญ่สุดในตลาดเครื่องดื่มชูกำลังไทยที่อิ่มตัวอยู่ ได้จุดชนวนการแข่งขันอีกครั้ง โดยการเปิดตัว M-150 ฝาเหลืองราคา 10 บาท เดือน ม.ค. 68 ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่เสี่ยงสูงแต่อาจให้ผลตอบแทนสูงด้วย เพื่อป้องกันส่วนแบ่งตลาดที่ลดลง ขณะที่ยอดขายในประเทศเผชิญปัจจัยท้าทายจากตลาดอิ่มตัวและราคากดดัน เรามองว่ากลยุทธ์นี้ดีกว่าการไม่ดำเนินการใดๆ ณ เดือน เม.ย. 68 OSP มีส่วนแบ่งตลาดเชิงปริมาณ 30.5% และส่วนแบ่งตลาดเชิงมูลค่า 45% ปัจจุบันนี้บริษัทมีรายได้หลัก 3 ทางคือ เครื่องดื่ม (80–85%), ของใช้ส่วนบุคคล (10%) และอื่นๆ (OEM แก้วและสินค้าต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง) (5%)
มองมุมต่าง – อะไรที่ตลาดอาจจะคิดผิด…?
เราเชื่อว่าตลาดได้รับรู้การเปิดตัว M-150 ฝาเหลืองราคา 10 บาทของ OSP ไปมากแล้ว เห็นได้จากที่ราคาหุ้นทั้ง OSP และ CBG ร่วงลงแรงช่วง YTD แต่อย่างไรก็ตาม เราคิดว่าสถานการณ์กรณีเลวร้ายสุดที่กระทิงแดงหรือ CBG จะตอบโต้ด้วยการลดราคาลงอีก ยังไม่ได้ถูกสะท้อนราคาอย่างเต็มที่ ซึ่งเป็นไปได้ที่อาจกระตุ้นให้เกิดสงครามราคาที่สร้างแต่ความเสียหาย และการ de-rating valuation ลงอย่างมีนัยสำคัญจากการตรวจสอบภาคสนามของเรา แสดงให้เห็นถึงความเสี่ยงจากการที่สินค้าแย่งยอดขายกันเอง (cannibalization risks) ต่ำกว่าที่คาดไว้ โดยผู้ค้าปลีกบางรายขายคาราบาวในราคา 11 บาท เพื่อให้ margin ตัวเองสูงขึ้น และร้านค้าหลายแห่งยังไม่มี M-150 ราคา 10 บาทของ OSP วางขาย กรณีนี้ชี้ให้เห็นว่าสินค้า SKU ที่ราคา 10 บาท อาจเป็นการเคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์ (tactical move) โดยไม่ใช่ SKU หลักที่จะใช้ดันรายได้ให้สูงขึ้น ซึ่งชี้ว่าตลาดอาจประเมิน downside ของ margin ไว้สูงเกินไป
ความยืดหยุ่นของ margin ช่วยดันได้มากกว่าแนวโน้มของ consensus
เราคาดว่ากำไรหลักปี 2568F–2570F ของ OSP จะโต 8% / 5% / 5% YoY ซึ่งสูงกว่า consensus ราว 3–6% หนุนจากสมมติฐานที่ margin แข็งแกร่งจากการขยายตลาดเครื่องดื่มในต่างประเทศและผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล และการลดต้นทุนภายในดีต่อเนื่อง ส่วนรายได้หลักเราคาดเติบโต 1% / 3% / 4% ซึ่งสะท้อนว่าตลาดในประเทศอิ่มตัว แม้ธุรกิจต่างประเทศและผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคลจะเติบโตแข็งแกร่ง ในแง่อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) น่าจะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 38.8% / 39.0% / 39.1% ผลักดันจากส่วนผสมผลิตภัณฑ์ที่ดีขึ้น, ประสิทธิภาพการประหยัดจากขนาด และสัดส่วน SG&A ต่อยอดขายต่ำลง
แต่ทว่าอำนาจในการกำหนดราคาที่จำกัด อาจทำให้มี upside จำกัด
Valuation & Action
เรากลับมาเริ่มบทวิเคราะห์หุ้น OSP ด้วยคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 18.00 บาท (อิงจาก P/E ที่ 16x และค่าเฉลี่ยในอดีต 3 ปี -2SD) ขณะที่ valuation ของ OSP ให้ risk/reward ที่น่าสนใจ โดยมี valuation ไม่แพง และคาด dividend yield สูงราว 7% ต่อปี การที่ OSP มีอัตราการทำกำไรที่เหนือกว่าคู่แข่ง จากการปรับส่วนผสมผลิตภัณฑ์ไปยังสินค้าที่มี margin สูง และการลดต้นทุนอย่างจริงจัง รวมถึงน่าจะได้ผลกระทบเพียงเล็กน้อยจากความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา โดยเราคาดว่า OSP จะมีผลประกอบการดีกว่าคู่แข่ง นอกจากนี้ OSP ยังมีการกระจายตัวของ SKUs ที่หลากหลายกว่าคู่แข่ง จึงทำให้การบริหารจัดการผลิตภัณฑ์มีความยืดหยุ่นกว่าท่ามกลางพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงเร็ว
Risks
การแข่งขันเข้มข้น, เศรษฐกิจชะลอตัว, พฤติกรรมผู้บริโภค และต้นทุนวัตถุดิบต่างๆ เปลี่ยนแปลงไป