Daily Focus สงครามตะวันออกกลางปะทุ ส่วนรัฐบาลไปต่อ
2025 SET Target: 1180
ตลาดหุ้นวานนี้: SET Index ฟื้นตัวได้ระหว่างวันก่อนที่จะมีแรงขายออกมากดดันและทำให้ดัชนีย้อนลงมาปิดลบ 1.10 จุด ที่ระดับ 1,067.63 จุด ส่วนมูลค่าการซื้อขายสูงขึ้นเป็น 5 หมื่นลบ. จากผลของ FTSE Rebalance ภาพรวมดัชนียังดูอ่อนแอจากความไม่แน่นอนของการเมืองในประเทศ สถาบันในประเทศพลิกมาซื้อสุทธิในตลาดหุ้น 1.2 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3.8 พันลบ. (แต่ Long Index Futures สุทธิเร่งขึ้นเป็น 1.2 หมื่นสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้: เราคาดว่า SET Index มีแนวโน้มแกว่งตัว Sideways to Sideways Down ต่อเนื่อง โดยแนวรับหลักอยู่ที่ Low เดิม 1,056± จุด ถูกกดดันจากสถานการณ์สงครามในตะวันออกกลางที่ปะทุขึ้น ขณะที่การเมืองในประเทศแม้จะได้ข้อสรุปว่ารัฐบาลเดินหน้าทำงานต่อ แต่ความเชื่อมั่นของนักลงทุนคาดว่ายังไม่กลับมา ภาพรวมปัจจัยทั้งภายนอกและภายในเป็นลบต่อสินทรัพย์เสี่ยง โดยยังต้องติดตามว่าสถานการณ์สงครามจะบานปลายทั้งในแง่การโจมตีตอบโต้ หรือการใช้มาตรการที่จะทำให้เกิด Supply Disruption ต่อราคาน้ำมันดิบ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจต่อเนื่อง ทั้งในด้านการเติบโตที่ชะลอแต่เงินเฟ้อปรับขึ้น
ส่วนปัจจัยการเมืองในประเทศ แม้เราจะประเมินว่าการเดินหน้าต่อของรัฐบาลอาจทำให้ภาพรวมมีความชัดเจนขึ้นจากสัปดาห์ก่อนที่ตลาดกังวลว่าจะถึงขั้นยุบสภาหรือไม่ แต่คาดว่ายังเป็นปัจจัย Overhang ในระยะกลางจากเสถียรภาพที่ยังต่ำจากคะแนนเสียงที่เกินกว่ากึ่งหนึ่งไม่มาก และมีแนวโน้มว่าการยุบสภาอาจเกิดขึ้นภายหลังจากผ่านงบประมาณปี 2026 แล้วเสร็จ
ระยะสั้นกลยุทธ์จึงยังเน้นพักเงินในหุ้นกลุ่ม Defensive หุ้นปันผลสูง รวมถึงกลุ่มน้ำมันที่คาดว่ายังคงปรับตัวแข็งแกร่งกว่าตลาดต่อเนื่องในระยะนี้
กลยุทธ์: พักเงินในหุ้นกลุ่ม Defensive หุ้นปันผลสูง รวมถึง Global Play เช่น กลุ่มน้ำมันและส่งออก ซึ่งถูกกระทบจากความเสี่ยงการเมืองในประเทศจำกัดกว่า
หุ้นเด่นเดือน มิ.ย.: CPALL, MTC, OSP, SJWD, STECON
FSSIA Portfolio: BA, CPALL, KBANK, MTC, NSL, OSP, PR9, STECON
หุ้นเด่น Finansia 23 มิ.ย. 25 : PTTEP
- แนะนำ “เก็งกำไร” ราคาเป้าหมายเฉลี่ยจาก IAA consensus 129.79 บาท
- ราคาน้ำมันดิบปรับตัวพุ่งแรงอีกครั้งหลังสหรัฐฯเปิดฉากโจมตีอิหร่าน ขณะที่รัฐสภาอิหร่านลงมติให้ปิดช่องแคบฮอร์มุซ โดยรอคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติสูงสุดตัดสินขั้นสุดท้าย ล่าสุด Brent พุ่งเฉียด US$80 ต่อบาร์เรล และเสี่ยงที่จะขึ้นถึง US$100 ต่อบาร์เรล หากปิดช่องแคบสำเร็จ
- ประเด็นดังกล่าวคาดกดดันหุ้นในกลุ่มอื่นๆจากความเสี่ยงราคาน้ำมันที่จะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นและเศรษฐกิจสูงขึ้น แต่เป็นบวกต่อผลการดำเนินงาน PTTEP ขณะที่ Dividend Yield ยังสูงราว 7%
- แนวรับ 107-105 บาท แนวต้าน 115-117 บาท
Fund Flow: เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนต่างชาติไหลออกจากภูมิภาคสุทธิบางๆ US$34 ล้าน โดยเม็ดเงินไหลออกจากไต้หวัน US$164 ล้าน รวมถึงอาเซียนที่ไหลออกทุกประเทศ นำโดยอินโดนีเซียและไทย US$167 ล้าน และ US$115 ล้าน ตามลำดับ มีเพียงประเทศเดียวที่ไหลเข้า คือเกาหลีใต้ US$447 ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนคาดว่ายังไหลออกต่อเนื่องจากสถานการณ์สงครามตะวันออกกลางที่ปะทุขึ้น หลังสหรัฐฯ เริ่มโจมตีอิหร่านช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) กลุ่มเกษตรอาหาร – กัมพูชาห้ามนำเข้าน้ำมันและก๊าซทุกชนิดจากไทย และเริ่มพูดถึงการลดการพึ่งพานำเข้าเครื่องดื่มและอาหารกระป๋อง อาทิ แอลกอฮอล์ เครื่องดื่มชูกำลัง และปลากระป๋อง ทั้งนี้เป็นเพียงการแนะนำจากฮุนเซนต่อรัฐบาลกัมพูชา ยังไม่ได้บังคับใช้ แต่หากเกิดขึ้นจริง จะเป็นลบต่อ CBG ซึ่งมีสัดส่วนรายได้ส่งออกเครื่องดื่มชูกำลัง 15% ของรายได้รวม ส่วน TU ให้ข้อมูลว่า มีการส่งออกปลากระป๋องแบรนด์ SEALECT ไปกัมพูชาน้อยมาก ไม่ถึง 10 ลบ./ปี หรือน้อยกว่า 0.01% ของรายได้รวม กอปรกับไม่ใช่ตลาด OEM ของ TU ขณะที่ ITC และ TFM ไม่มีการขายส่งออกไปยัง กัมพูชา
(0) CPN ธุรกิจหลัก Shopping Mall ยังแข็งแกร่งและครองความเป็นผู้นำ โตจากศูนย์การค้าใหม่และกลยุทธ์การคัดเลือกผู้เช่า ธุรกิจที่อยู่อาศัยเป็นธุรกิจที่ Sensitive กับภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน แต่สามารถบริหารจัดการได้ แนวโน้มกำไร 2Q25 ควรลดลง q-q ตามฤดูกาล แต่เชื่อว่ายังอยู่ในประมาณการทั้งปีที่เราคาด 1.74 หมื่นลบ. +2% y-y การเติบโตของกำไรจะเร่งตัวมากกว่าในปี 2026 จากคอนโดจำนวนมากที่เริ่มโอน ท่ามกลางความท้าทายในปัจจุบัน เราเชื่อว่า CPN จะผ่านไปได้ด้วยดี ราคาเป้าหมาย 73 บาท Valuation ถูกมาก Dividend yield 5% ยังแนะนำ “ซื้อ”
(0) หุ้นเข้า-ออก SET50/100 งวด 2H25
สำหรับ SET50 หุ้นเข้า: BCP, KKP, TCAP, TIDLOR
หุ้นออก: BGRIM, GLOBAL, ITC, SAWAD
ส่วน SET100 หุ้นเข้า: AURA, JTS, MBK, TFG, TOA, WHAUP
หุ้นออก: CKP, COCOCO, ROJNA, SAPPE, SKY, SNNP
(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 35.16 จุด หรือ +0.08%, ปิดที่ 42,206.82 จุด ปิดบวกเล็กน้อยในวันศุกร์ (20 มิ.ย.) ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดในแดนลบ ท่ามกลางความวิตกของนักลงทุนเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างอิหร่านกับอิสราเอลในช่วงสุดสัปดาห์นี้ ขณะที่สหรัฐฯ กำลังพิจารณาว่าจะเข้าร่วมสงครามนี้ด้วยหรือไม่
(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวกในวันศุกร์ (20 มิ.ย.) โดยยุติการลดลงติดต่อกัน 3 วัน หลังนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับความเกี่ยวข้องของสหรัฐฯ ในความตึงเครียดของตะวันออกกลาง
(-) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดลบ หลังสหรัฐฯ โจมตีโรงงานนิวเคลียร์ 3 แห่งในอิหร่าน
(-) ค่าเงินบาท อ่อนค่าอยู่ที่บริเวณ 32.79 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ หรือ -0.05%
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 21 เซนต์ หรือ 0.28% ปิดที่ 74.93 ดอลลาร์/บาร์เรล ปิดปรับตัวลงในวันศุกร์ (20 มิ.ย.) หลังจากสหรัฐฯ ประกาศมาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องกับอิหร่าน ซึ่งสะท้อนท่าทีทางการทูตที่ช่วยเพิ่มความหวังต่อการบรรลุข้อตกลงผ่านการเจรจา หนึ่งวันหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ระบุว่า เขาอาจใช้เวลา 2 สัปดาห์ในการตัดสินใจว่าสหรัฐฯ จะเข้าร่วมในการทำสงครามระหว่างอิสราเอลและอิหร่านหรือไม่ในขณะที่เช้านี้เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 75.69 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +2.51%
(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 22.40 ดอลลาร์ หรือ 0.66% ปิดที่ 3,385.70 ดอลลาร์/ออนซ์ ปิดลบในวันศุกร์ (20 มิ.ย.) หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ได้เลื่อนการตัดสินใจว่าจะเข้าร่วมทำสงครามระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านหรือไม่ ในขณะที่เช้านี้เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 3,393.20 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ +0.22%
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 950.24 / +0.30%
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
23 มิ.ย. | สหรัฐ: Existing Home Sales (พ.ค.) |
24 มิ.ย. | จีน: National People’s Congress standing committee |
25 มิ.ย. | ไทย: ประชุมกนง. สหรัฐ: Fed Chair Powell Testimony |
26 มิ.ย. | สหรัฐ: 1Q25 GDP growth (Final), Durable Goods Orders (พ.ค.) |
27 มิ.ย. | สหรัฐ: Core PCE Price index (พ.ค.) |