บล.ฟินันเซีย ไซรัส:

CARABAO GROUP (CBG TB) เผชิญปัจจัยกดดันทางการเมือง

  • CBG กำลังหันไปส่งออกสินค้า สู่กัมพูชาทางเรือ หลังได้รับผลกระทบจากการปิดจุดผ่านแดน
  • คาดกำไรสุทธิ 2Q25 จะยังอยู่ในเกณฑ์ดี แต่ยังต้องจับตาดูแนวโน้มรายได้ตั้งแต่ 3Q25 เป็นต้นไปอย่างใกล้ชิด
  • Valuation กำลังน่าสนใจ แต่บรรยากาศเชิงลบยังฉุดราคาหุ้น

เผชิญปัจจัยกดดันทางการเมือง

เมื่อไม่นานมานี้ ประเทศไทยได้ประกาศปิดจุดผ่านแดนระหว่างไทยและกัมพูชา ซึ่งได้ก่อให้เกิดผลกระทบในด้านการขนส่ง CBG ได้รับประมาณ 15% ของรายได้รวมจากการส่งออกไปยังกัมพูชา ก่อนหน้านี้บริษัทฯ ได้เร่งขนส่งสินค้าไปยังกัมพูชา ซึ่งคาดว่าจะช่วยสนับสนุนการขายได้ประมาณ 1–2 เดือน หลังจากนั้น บริษัทฯ จะส่งสินค้าทางเรือเป็นหลัก ซึ่งอาจใช้เวลานานขึ้น หากสถานการณ์ยืดเยื้อ CBG อาจจำเป็นต้องเจรจาเกี่ยวกับต้นทุนค่าขนส่งสินค้ากับผู้จัดจำหน่ายในพื้นที่

เร่งก่อสร้างสายการผลิตเครื่องดื่มในกัมพูชาอนาคต

ปัจจุบัน CBG กำลังก่อสร้างโรงงานผลิตเครื่องดื่มในกัมพูชา (โดยจะย้ายเครื่องจักรไปจากไทย) โรงงานดังกล่าวอาจเริ่มดำเนินงานได้เร็วกว่าที่วางแผนไว้ คือภายในสิ้นปี 2025 แทนที่จะเป็นในช่วง 1H26 นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังกำลังก่อสร้างโรงงานในพม่า ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินงานได้ในช่วง 2H25 จากการศึกษาความเป็นไปได้ หากรายได้จากกัมพูชาลดลง 10% ปัจจัยดังกล่าวจะกระทบกำไรสุทธิประมาณ 2% เนื่องจากกำไรสุทธิของธุรกิจในกัมพูชาที่ 20% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของบริษัทฯ ที่ 14.2% ในขณะที่กำไรจากธุรกิจในกัมพูชาคิดเป็นประมาณ 22% ของกำไรสุทธิรวม

ทั้งนี้ กัมพูชาเป็นหนึ่งในตลาดสำคัญของ CBG และเราเชื่อว่าบริษัทฯ จะสามารถปรับตัวได้ โดยได้ปัจจัยหนุนจากผู้จัดจำหน่ายที่แข็งแรงในพื้นที่ ซึ่งจะช่วยรักษาส่วนแบ่งตลาด อย่างไรก็ดี ยังจำเป็นต้องจับตาดูรายได้อย่างใกล้ชิด

แนวโน้มกำไร 2Q25 ยังดี

ในระยะสั้น เราคาดว่ากำไรสุทธิ 2Q25 จะฟื้นตัวเป็น 828 ลบ. (+9% q-q, +19.8% y-y) โดยได้ปัจจัยผลักดันจากการฟื้นตัวของรายได้ในประเทศ CBG รักษาส่วนแบ่งตลาดไว้ที่ 25.5% เท่ากับใน 1Q25 แต่เพิ่มขึ้นจาก 24.1% ใน 2Q24 ซึ่งหมายความว่าบริษัทฯ กำลังโตสูงกว่าตลาด มูลค่าตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในช่วง 2QTD ได้เพิ่มขึ้น 2–3% q-q และ 5–6% y-y เราคาดว่ารายได้ส่งออกไปยังกัมพูชาและพม่าจะสูงขึ้น q-q ตามฤดูกาล แม้ว่าภาษีน้ำตาลจะเพิ่มขึ้น เราคาดว่าผลกระทบจะชดเชยได้จากต้นทุนน้ำตาลและอลูมิเนียมที่ลดลง ซึ่งจะทำให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 60 bps q-q และ 30 bps y-y

Valuation กำลังน่าสนใจ แต่บรรยากาศเชิงลบยังฉุดราคาหุ้น

เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” เนื่องจากราคาหุ้นได้ปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ปัจจุบัน CBG มีการซื้อขายที่ 16x 2025E P/E เทียบเท่า -1.75 SD และอยู่ในระดับเดียวกันกับ OSP ในปัจจุบัน แม้ว่าปกติ CBG จะมีการซื้อขายโดยมี Premium ประมาณ 3–4x อย่างไรก็ดี ปัจจัยลบยังคงอยู่ และเราเห็นว่ารายได้ส่งออกอาจมี Downside หากสถานการณ์ยืดเยื้อกว่าที่คาด หรือหากโรงงานใหม่สร้างเสร็จไม่ทันตามกำหนด นอกจากนี้ยังต้องจับตาดูการรักษาส่วนแบ่งตลาดอย่างใกล้ชิด เป้าส่วนแบ่งตลาด ณ สิ้นปีที่ 29% กำลังมีความท้าทายเพิ่มมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในขณะที่ทั้งสองคู่แข่งเพิ่มการส่งเสริมการขาย ในทางกลยุทธ์ เราแนะนำให้นักลงทุนซื้อเก็งกำไรระยะสั้น

 

- Advertisement -