บล.กสิกรไทย:
SPALI พื้นฐานและกลยุทธ์ที่แข็งแกร่งนำไปสู่ความยั่งยืน อัตรากำไรที่โดดเด่น งบดุลแข็งแกร่ง และพัฒนาการต่อเนื่อง จะเป็นส่วนสำคัญที่สร้างการเติบโตให้กำไรและเงินปันผลของบริษัท
- กำไรปี 2568 ที่คาดอ่อนแอจะสร้างโอกาสการลงทุนที่น่าสนใจ เราคาดว่า SPALI จะรายงานกำไรปี 2568 ที่ 4.5 พันลบ. ลดลง 27% YoY ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ 14% เราเชื่อว่าเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มี.ค. จะส่งผลด้านลบต่อความเชื่อมั่นในการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดฯ ในระยะสั้น ซึ่งจะส่งผลให้กำไรไตรมาส 2/2568 หดตัว YoY (แม้ว่าจะฟื้นตัว QoQ) และจะนำไปสู่การปรับประมาณการกำไรของตลาดลงได้อีก อย่างไรก็ตาม เรามองว่าเป็นโอกาสการลงทุนที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนระยะกลางถึงระยะยาว จากมูลค่าหุ้นในปัจจุบันที่น่าสนใจ และการฟื้นตัวของกำไรในปี 2569 จากการโอน backlog คอนโดฯที่ดีขึ้นและการเพิ่มขึ้นของสัดส่วนการตลาดของ SPALI
- การพัฒนาโครงการที่เข้มข้นต่อเนื่อง ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาและต่อเนื่องไปในอีกหลายปีข้างหน้า SPALI ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยไม่ได้จำกัดเฉพาะบ้านรูปแบบโมเดิร์นเท่านั้น แต่ยังได้ขยายพอร์ตฯ ไปยังกลุ่มตลาดบน (ราคาสูงถึง 40 ลบ./ยูนิต ในกลุ่มบ้านแนวราบ และ 133 ลบ. สำหรับคอนโดฯ) นอกจากนี้ ยังมีแผนพัฒนาโครงการใหม่ในจังหวัดต่าง ๆ เพิ่มเติม หลังจากที่มีโครงการครอบคลุม 28 จังหวัดในปี 2567 โดยมีโครงการรวมเกือบ 200 โครงการทั่วประเทศ ซึ่งจะช่วยให้ SPALI เป็นหนึ่งในผู้พัฒนารายสำคัญที่ยังคงสามารถเติบโตและแย่งส่วนแบ่งตลาดในระยะกลางถึงระยะยาวได้
- การขยายธุรกิจในต่างประเทศ หลังแจ้งต่อ SET เมื่อเดือนธ.ค.2566 ล่าสุด SPALI ได้เพิ่มมูลค่าการลงทุนในออสเตรเลียเป็นสองเท่า หลังเริ่มลงทุนในประเทศนี้ตั้งแต่ปี 2557 ส่งผลให้ตั้งแต่ไตรมาส 1/2568 บริษัทฯ จะมีโครงการทั้งหมด 24 โครงการใน 4 รัฐ (6 เมือง) ของประเทศที่มีข้อมูลด้านอสังหาริมทรัพย์ที่โปร่งใสและสภาพการเมืองที่มีเสถียรภาพ ทำให้มูลค่าการลงทุนรวมจะเพิ่มจาก 415 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย เป็น 945 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (ประมาณ 2.23 หมื่นลบ.) ในระยะสั้น การขยายตัวนี้จะช่วยให้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในออสเตรเลียในปี 2568 จะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจากเกือบ 400 ลบ.ในปี 2567 ซึ่งจะช่วยเสริมความมั่นคงให้กับกำไรรวมของ SPALI และเพิ่มมูลค่าให้กับบริษัทฯ ในระยะกลางถึงระยะยาว
- อัตรากำไรและงบดุลที่โดดเด่น หนึ่งในจุดเด่นของ SPALI ที่แตกต่างจากคู่แข่งคืออัตรากำไรที่แข็งแกร่ง ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากการควบคุมต้นทุนอย่างเข้มงวด ทั้งต้นทุนพัฒนาโครงการและต้นทุนภายใน (อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) อยู่ในระดับสูงสุด และอัตราส่วน SG&A ต่อรายได้โดยเฉลี่ยต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับผู้บริษัทชั้นนำทั้ง 10 รายในกลุ่มที่เราวิเคราะห์) ซึ่งไม่เพียงช่วยให้บริษัทสามารถสร้างฐานทุนได้รวดเร็วกว่าคู่แข่ง แต่ยังเป็นข้อได้เปรียบทางการแข่งขันเมื่อสภาวะตลาดชะลอตัว งบดุลที่แข็งแกร่ง (อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนสุทธิอยู่ในช่วง 0.5–1.0 เท่าในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา) บ่งชี้ถึงความเสี่ยงทางการเงินที่ต่ำ ส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินอยู่ในระดับต่ำ และเอื้อต่อโอกาสในการลงทุน
- คำแนะนำ “ซื้อ” TP 16.30 บาท บนอัตราผลตอบแทนรวมปัจจุบันที่น่าสนใจที่ 30% หลังปรับ TP เป็น 16.3 บาท จาก 15.5 บาท จากการปรับฐาน TP เป็นกลางปี 2569