Daily Focus: โฟกัสอยู่ที่การเมืองและการเจรจาการค้า
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวลงแรงกว่าคาด ปิดลบถึง 24.31 จุด ที่ระดับ 1,082.42 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.9 หมื่นลบ. โดยมีแรงขายทำกำไรระยะสั้นและถูกกดดันจากความกังวลทางการเมืองที่ยังไม่ชัดเจน และมีการชุมนุมครั้งใหญ่เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติพลิกมาขายสุทธิในตลาดหุ้น 636 ลบ. และ 1.1 พันลบ. ตามลำดับ (ต่างชาติพลิกมา Short Index Futures สุทธิหนาแน่น 1.6 หมื่นสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET Index จะแกว่งตัวในกรอบ 1,070-1,095 จุด โดยแม้ Sentiment ต่างประเทศจะยังค่อนไปในทางบวกจากความคาดหวังเรื่องการลดดอกเบี้ยของ FED ที่สูงขึ้น แต่ยังถูกกดดันจากความไม่แน่นอนของการเมืองในประเทศ โดยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ช่วงวันศุกร์ แม้ Core PCE สหรัฐฯ เดือน พ.ค. จะออกมาสูงกว่าคาดที่ +0.2% m-m, +2.7% y-y แต่ตัวเลขรายได้ และการใช้จ่ายส่วนบุคคลพลิกมา -0.4% m-m และ -0.1% m-m ตามลำดับ ซึ่งผิดจากที่ตลาดคาดว่าจะเติบโต ขณะที่เงินเฟ้อคาดการณ์มิชิแกนชะลอตัวลงเล็กน้อย ส่งผลให้ตลาดคาดหวังมากขึ้นว่า FED อาจปรับลดดอกเบี้ยได้มากกว่า 2 ครั้งปีนี้ (สูงกว่าที่ Dot Plot มอง 2 ครั้ง) ส่งผลให้ Bond Yield ยังทรงตัวในระดับต่ำหลังจากปรับลงต่อเนื่องในสัปดาห์ก่อน อย่างไรก็ตามปัจจัยกดดันยังคงอยู่ในประเทศ โดยติดตามการเจรจาการค้าไทย-สหรัฐฯ สัปดาห์นี้ว่าจะสามารถลดภาษีตอบโต้ลงเหลือ 18% หรือต่ำกว่าได้ตามที่ตลาดคาดหวังหรือไม่ รวมถึงประเด็นการเมืองที่ยังไม่แน่นอน โดยพรุ่งนี้ติดตามศาลรัฐธรรมนูญว่าจะรับ/ไม่รับคำร้องปมคลิปสนทนาของนายกฯ รวมถึงจะสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ขณะที่สภาฯ จะเปิดสมัยประชุมอีกครั้ง ภาพรวมวันนี้คาดว่าการเคลื่อนไหวของดัชนีจะยังจำกัด โดยรวมเรายังเน้นหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว แนวโน้มกำไรแข็งแรง และกระทบจำกัดจากความเสี่ยงต่างๆ
กลยุทธ์ : เลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวและมีแนวโน้มผลการดำเนินงานแข็งแกร่ง
หุ้นเด่นเดือน มิ.ย. : CPALL, MTC, OSP, SJWD, STECON
FSSIA Portfolio : BA, CENTEL, CPALL, KBANK, MTC, NSL, OSP, PR9, STECON
หุ้นเด่น Finansia 30 มิ.ย. 25 : ITC
- แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 15 บาท
- คาดกำไร 2Q25 ที่ 737 ลบ. ฟื้นตัว 9% q-q จากคำสั่งซื้อดีทั้ง EU และ US และแนวโน้ม 3Q25 ยังดีต่อจากคำสั่งซื้อที่ดีต่อเนื่อง q-q ล่าสุดได้มี secured orders ราว 30-40% ของเป้าแล้ว และไม่มีผลกรระทบ tariff
- เราปรับลดประมาณการกำไรปี 2025 ลง 7% เป็น 3.1 พันลบ. -13% y-y เพื่อสะท้อนกำไร 1H25 ที่ต่ำกว่าเคยคาด แต่ราคาหุ้นที่ปรับลงกว่า 53% YTD จนปัจจุบันเทรด PER เพียง 10 เท่า และคาด Dividend Yield 7.4% เรามองว่าน่าสนใจซื้อลงทุนระยะกลางยาว
- แนวรับ 10.50//10 บาท แนวต้าน 11-11.20//11.70-12 บาท
Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนต่างชาติยังคงไหลเข้าสุทธิภูมิภาค แต่บางลงเหลือ US$364 ล้าน เม็ดเงินยังไหลเข้าไต้หวัน US$1,194 ล้าน แต่ไหลออกจากเกาหลีใต้ US$795 ล้าน ส่วนอาเซียนมีบางตลาดปิดทำการ ขณะที่ไทยเม็ดเงินไหลออก US$35 ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนคาดว่ายังค่อนไปในทิศทางไหลเข้า โดยตลาดยังคาดหวังการปรับลดดอกเบี้ยของ FED ที่อาจมากกว่า 2 ครั้งในปีนี้
ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) กลยุทธ์ลงทุน 2H25 ภาษีนำเข้าของทรัมป์น่าจะถ่วงการเติบโตของโลกในช่วง 2H25 แต่หากผลกระทบน้อยกว่าคาด อาจทำให้ FED ลดอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้นและช่วยหนุนสินทรัพย์เสี่ยงเศรษฐกิจไทยคาดว่าจะชะลอตัวในช่วง 2H25 และมีความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนทางการเมือง ส่วนธปท.คาดว่าจะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีกอย่างน้อย 0.25% คงเป้า SET ยังอยู่ที่ 1,180 เราเลือกหุ้นที่กำไรดีและมีความชัดเจน พร้อม Valuation ที่มีส่วนลดสูง หุ้นเด่น ได้แก่ BA, CENTEL, CPALL, KBANK, MTC, NSL, OSP, PR9 และ STECON
(0) กลุ่ม ICT ผลประมูลคลื่น 29 มิ.ย. ที่ผ่านมา ADVANC ได้คลื่น 2100 มูลค่ารวม 14,850 ลบ. ส่วน TRUE ได้ 2 คลื่น คือ 2300 และ 1500 มูลค่า 26,424 ลบ. ซึ่งผลประมูลใกล้เคียงกับตลาดคาด แต่ที่ต่างจากตลาดคาด คือ 1) TRUE เอา 1500 มาด้วย โดยคุณชิกเว่บอกว่าจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ 4G, 5G
ส่วนราคาประมูลเท่าที่ check กับทาง ADVANC รวบรวม consensus view มองว่าคลื่น 2100, 2300 ไม่น่าจะเกินจากราคาตั้งต้นเกิน 40% ครับ ขณะที่ของจริงออกมาราว +10% ถึง 20% เพราะฉะนั้นมองว่าน่าจะเป็น sentiment บวกกับ ADVANC จากที่ดีกว่าตลาดคาด แต่ในมุม TRUE อาจจะต้องมีรวมผลกระทบที่ได้ 1500 เข้ามาเล็กน้อย
(-) AOT บอร์ดอนุมัติให้คิงเพาเวอร์ (KPD) ขยายระยะเวลาชำระเงิน Minimum guarantee ออกไปอีกงวดละ 8 เดือน และวางหลักประกันเพิ่มเติมอีก 1,450 ลบ. ครอบคลุมทั้ง 3 สัญญา ประเด็นดังกล่าวเป็นลบ เนื่องจากเป็นการขยายระยะเวลาให้ความช่วยเหลือกับ KPD ออกไปอีก อย่างไรก็ตาม การเพิ่มมูลค่าหลักประกันใน Bank Guarantee จะช่วยให้สามารถครอบคลุมยอดค้างชำระได้ ปัจจุบันมี Net D/E เพียง 0.3 เท่า และคาดมี Operating cash flow 1.8 หมื่นลบ.ใน FY25 นับว่ายังแข็งแกร่ง รวมถึงบรรเทาผลกระทบกรณีเลวร้ายหากไม่สามารถชำระเงินเมื่อถึงกำหนดเวลา คงประมาณการและราคาเป้าหมาย 29.75 บาท คงคำแนะนำ “ถือ”
(0) หุ้นเข้า-ออก SET50/100 งวด 2H25
สำหรับ SET50 หุ้นเข้า: BCP, KKP, TCAP, TIDLOR
หุ้นออก: BGRIM, GLOBAL, ITC, SAWAD
ส่วน SET100 หุ้นเข้า: AURA, JTS, MBK, TFG, TOA, WHAUP
หุ้นออก: CKP, COCOCO, ROJNA, SAPPE, SKY, SNNP
(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 432.43 จุด หรือ +1.00%, ปิดที่ 43,819.27 จุด ปิดปรับตัวขึ้นต่อในวันศุกร์ (27 มิ.ย.) ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดตลาดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากความหวังเกี่ยวกับการทำข้อตกลงทางการค้า ซึ่งกระตุ้นให้นักลงทุนต้องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น และหลังจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สนับสนุนความคาดหวังเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)
(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดที่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 สัปดาห์ในวันศุกร์ (27 มิ.ย.) โดยได้รับแรงหนุนจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ ขณะที่นักลงทุนกล้าเสี่ยงมากขึ้นจากความหวังในการยุติข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน
(+) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดบวกตามทิศทางตลาดสหรัฐฯ จากความหวังเกี่ยวกับการทำข้อตกลงทางการค้าและคาดหวังเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)
(-) ค่าเงินบาท อ่อนค่าอยู่ที่บริเวณ 32.61 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ หรือ -0.32%
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 28 เซนต์ หรือ 0.43% ปิดที่ 65.52 ดอลลาร์/บาร์เรล ปิดปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในวันศุกร์ (27 มิ.ย.) โดยฟื้นตัวขึ้นหลังร่วงลงไปอยู่ในแดนลบจากรายงานที่ว่ากลุ่มโอเปกพลัสวางแผนจะเพิ่มกำลังการผลิตในเดือน ส.ค. อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันร่วงลงประมาณ 12% ในรอบสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือน มี.ค. 2566 ขณะที่เช้านี้ลดลงอยู่ที่ระดับ 64.84 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -1.04%
(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 60.40 ดอลลาร์ หรือ 1.80% ปิดที่ 3,287.60 ดอลลาร์/ออนซ์ ปิดร่วงลงในวันศุกร์ (27 มิ.ย.) แตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบหนึ่งเดือน หลังจากข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนช่วยหนุนความต้องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง และลดความน่าดึงดูดของทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ขณะที่เช้านี้ลดลงอยู่ที่ระดับ 3,275.60 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ -0.37%
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 954.82/ 0.15%
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
30 มิ.ย. | จีน: NBS Manufacturing PMI (มิ.ย.) |
1 ก.ค. | สหรัฐ: ISM Manufacturing PMI (มิ.ย.) ยูโรโซน: เงินเฟ้อ (มิ.ย.) จีน: Caixin Manufacturing PMI (มิ.ย.) |
3 ก.ค. | สหรัฐ: Non-Farm Payrolls (มิ.ย.), นำเข้า/ส่งออก (พ.ค.), ISM Manufacturing PMI (มิ.ย.) |
7 ก.ค. | ไทย: เงินเฟ้อ (พ.ค.) |
9 ก.ค. | จีน:เงินเฟ้อ (พ.ค.) สหรัฐ: FOMC Minutes |