บล.เคจีไอ (ประเทศไทย):
SCB X (SCB.BK/SCB TB)* เติบโตกำไรจากฐานต่ำในปีที่แล้ว
Event
ประมาณการกำไร 2Q68
Impact
ความเสี่ยงด้าน NPL จัดได้จากนโยบายรัฐ และสินเชื่อปรับโครงสร้าง
เราคาดว่าตัวชี้วัด NPL และคุณภาพสินทรัพย์ของ SCB จะยังคงเป็นไปตามนโยบายของ ‘คุณสู้ เราช่วย’ ของรัฐบาล ซึ่งทำให้ธนาคารสามารถแก้ไขสินเชื่อรายย่อยที่มีปัญหาบางส่วน (ส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อที่อยู่อาศัย, สินเชื่อ H/P loan) โดยไปจัดกลุ่มเป็นสินเชื่อปรับโครงสร้างได้ประมาณ 4.0–5.0 หมื่นล้านบาท ซึ่งคิดเป็นประมาณ 5–6% ของสินเชื่อที่อยู่อาศัยรวมของธนาคาร เราใช้สมมติฐานว่า NPL จะเพิ่มขึ้นประมาณ 2% QoQ และ 5% YoY ในขณะที่คาดว่า credit cost จะอยู่ที่ 1.6% (จาก 1.6% ใน 1Q68 และ 1.9% ใน 2Q67 เพราะมีการตั้ง credit cost ในกลุ่มสินเชื่อผู้บริโภค)
SCB หันมาระมัดระวังมากขึ้นกับการปล่อยกู้ใน 2Q68F
สินเชื่อ QTD ที่ไม่เพิ่มขึ้นทำให้คาดว่าสินเชื่อไม่โต QoQ และเพิ่มขึ้นเพียง 0.8% YTD สะท้อนถึงนโยบายการปล่อยกู้ที่ระมัดระวังมากขึ้นของธนาคาร ทั้งนี้ นอกจากสินเชื่อรวมจะทรงตัวแล้ว SCB ยังเพิ่มการปล่อยกู้ในตลาดเงินอย่างมากถึง +24% QTD ซึ่งจะกดดัน yield สินเชื่อใน 2Q68F
คาดว่ากำไรใน 2Q68F จะอยู่ที่ 1.16 หมื่นล้านบาท -7% QoQ แต่ +16% YoY และ +13% ใน 1H68
เช่นเดียวกับธนาคารใหญ่อื่น ๆ เราคาดว่า NIM ของ SCB จะลดลงประมาณ 7bps QoQ และ 38bps YoY เป็น 3.6% เพราะสินเชื่อใหม่ส่วนใหญ่ค่อนไปทางสินเชื่อความเสี่ยงต่ำที่มี yield ต่ำ และการปล่อยกู้ในตลาดเงิน ดังนั้น เราจึงคาดว่ากำไรใน 2Q68 จะอยู่ที่ 1.16 หมื่นล้านบาท โดยที่คาดว่ากำไรจากการลงทุนจะยังแข็งแกร่ง แต่จะต่ำกว่าใน 1Q68 โดยกำไรที่เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง YoY จะสะท้อนถึงฐานกำไรที่ต่ำใน 2Q67 เนื่องจากมีการบันทึกผลขาดทุนจากการดำเนินงานของ Robinhood ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาจากประมาณการกำไร 2Q68F เราคาดว่ากำไรในงวด 1H68F จะคิดเป็น 55% ของประมาณการกำไรเต็มปีของเรา
คงคำแนะนำ “ถือ” โดยประเมินราคาเป้าหมายปี 2568F ที่ 120 บาท
ในกลุ่มธนาคาร เราคิดว่าผลประกอบการของ SCB จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งที่สุดใน 2Q68F เพราะฐานกำไรที่ต่ำใน 2Q67 ซึ่งมีการบันทึกผลขาดทุนพิเศษจาก Robinhood อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ แนวโน้มในระยะสั้นของ SCB ถูกเบี่ยงเบนจากแนวโน้มที่เปราะบาง และความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ ซึ่งอยู่ในกระบวนการปรับโครงสร้าง แต่เรามองว่าประเด็นนี้ไม่น่าจะกระทบกับนโยบายการจ่ายเงินปันผลในปี 2568F ทั้งนี้ เนื่องจาก SCB จ่ายเงินปันผลสูงที่สุด เราจึงยังคงคำแนะนำ “ถือ” โดยประเมินราคาเป้าหมายปี 2568F ที่ 120 บาท
Risks
NPLs และ credit cost เพิ่มขึ้นในกลุ่มสินเชื่อผู้บริโภค