Daily Focus: จับตาศาลรัฐธรรมนูญรับ/ไม่รับถอดถอนนายกฯ
2025 SET Target: 1,180
ตลาดหุ้นวานนี้: SET Index ฟื้นตัวรีบาวด์จากที่ปรับลงแรงในวันก่อนหน้า โดยดัชนีปิดบวกได้ 7.14 จุด ที่ระดับ 1,089.56 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.7 หมื่นลบ. โดยมีแรงซื้อหุ้นขนาดใหญ่ค่อนข้างกระจายตัว ยกเว้นกลุ่มธนาคารที่ชะลอ สถาบันในประเทศขายสุทธิในตลาดหุ้นบางลงเหลือ 402 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติพลิกมาซื้อสุทธิเล็กน้อย 116 ลบ. (และพลิกมา Long Index Futures สุทธิกว่า 1 หมื่นสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้: เราคาดว่า SET Index จะแกว่งตัวในกรอบ 1,080–1,100 จุด โดยปัจจัยหลักที่ตลาดรอติดตามวันนี้คือการประชุมของศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาว่าจะรับหรือไม่รับคำร้องถอดถอนนายกฯ โดยตลาดประเมินว่ามีโอกาสที่จะรับคำร้องสูง แต่จะสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ด้วยหรือไม่ต้องติดตาม โดยจะเริ่มประชุม 9.30 น.ส่วนปัจจัยต่างประเทศยังไม่มีประเด็นใหม่ โดยรวมตลาดยังคาดหวังเชิงบวกต่อการเจรจาการค้า คาดว่าสหรัฐฯ มีโอกาสจะบรรลุข้อตกลงกับประเทศคู่ค้าในเร็ว ๆ นี้ ขณะเดียวกัน ตลาดยังคาดหวังเชิงบวกต่อโอกาสการลดดอกเบี้ยของ FED ในเดือน ก.ย. ด้วยความน่าจะเป็นสูงถึง 95% หลังตลาดประเมินว่าภาษีการค้าสหรัฐฯ อาจกระทบต่อเงินเฟ้อจำกัดกว่าที่คาด ส่งผลให้ Bond Yield ยังค่อย ๆ ขยับลงต่อเนื่อง โดยล่าสุดอายุ 2 และ 10 ปีของสหรัฐฯ อยู่ที่ 3.73% และ 4.23% ตามลำดับ ส่วนการเจรจาการค้าระหว่างไทย–สหรัฐฯ จะเกิดขึ้นวันที่ 3 ก.ค. โดยต้องติดตามว่าจะสามารถกดอัตราภาษีสู่ระดับ 18% หรือต่ำกว่าตามที่ตลาดคาดได้หรือไม่ ภาพรวมยังมีหลายปัจจัยต้องติดตามพัฒนา ทำให้การเคลื่อนไหวของดัชนียังจำกัด โดยรวมเรายังเน้นหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว แนวโน้มกำไรแข็งแรง และกระทบจำกัดจากความเสี่ยงต่าง ๆ
กลยุทธ์: เลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวและมีแนวโน้มผลการดำเนินงานแข็งแกร่ง
หุ้นเด่นเดือน ก.ค.: ITC, KCE, NEO, OSP, SCGP
FSSIA Portfolio: BA, CENTEL, CPALL, KBANK, MTC, NSL, OSP, PR9, STECON
หุ้นเด่น Finansia 1 ก.ค. 25 : KCE
- แนะนำ “เก็งกำไร” ราคาเป้าหมาย 20 บาท
- เบื้องต้นเราประเมินแนวโน้มกำไร 2Q25 จะฟื้นตัว +55% q-q เป็น 280 ลบ. โดยมีปัจจัยหนุนหลังยอดส่งออกแผงวงจรไฟฟ้าเดือน พ.ค. เติบโตแข็งแกร่ง +41% y-y โดยรวม 5M25 เติบโต +31% y-y
- ระยะสั้นหากไทยบรรลุข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯได้ด้วยอัตราภาษีที่ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 18% จะเป็น Sentiment หนุน หนุนหุ้นกลุ่มส่งออก
- แนวรับ 17.60//17 บาท แนวต้าน 19//19.50 บาท
Fund Flow: วานนี้กระแสเงินทุนต่างชาติพลิกมาไหลออกจากภูมิภาคสุทธิ US$641 ล้าน นำโดยเกาหลีใต้ US$493 ล้าน ตามด้วยไต้หวัน US$155 ล้าน ส่วนฝั่งอาเซียนเม็ดเงินไหลออกจากอินโดนีเซียแต่ไหลเข้าเวียดนามประเทศละ US$22–23 ล้าน ส่วนในไทยและฟิลิปปินส์ไหลเข้าบ้างๆ แนวโน้มกระแสเงินทุนคาดว่าจะค่อยไปในทิศทางไหลเข้า หลังตลาดคาดหวังเชิงบวกต่อโอกาสที่สหรัฐฯ จะบรรลุข้อตกลงการค้ากับคู่ค้า รวมถึงโอกาสที่ FED จะปรับลดดอกเบี้ย
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) EGCO ยังเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ที่มีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่ดี พร้อมการเติบโตจากพลังงานหมุนเวียน เราคาดกำไรสุทธิปี 2025 ที่ 10.5 พันลบ. เพิ่มขึ้นจาก 5.4 พันลบ. ในปี 2024 จากธุรกิจไฟฟ้าในต่างประเทศ เช่น โครงการโรงไฟฟ้าลม Yunlin เดินเครื่องเต็มปี, โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนของ APEX ในสหรัฐฯ มีกำลังผลิตใหม่เพิ่มขึ้น และโรงไฟฟ้าพลังน้ำที่คาดว่าจะสามารถผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจากปริมาณน้ำในอ่างที่เพิ่มขึ้น เรามั่นใจว่า ROE และความสามารถในการทำกำไรจะยังอยู่ในเกณฑ์ดีจากการเข้าซื้อและลงทุนในกำลังการผลิตใหม่อย่างต่อเนื่อง และมีพอร์ตโรงไฟฟ้าเอกชนขนาดใหญ่คิดเป็น 35% ของกำลังการผลิตรวม จ่ายปันผลสม่ำเสมอ 6.5%/ปี และมี upside เพิ่มจากการซื้อกิจการโรงไฟฟ้าต่อเนื่อง ราคาเป้าหมาย 116 บาท แนะนำ “ซื้อลงทุนระยะยาว”
(-) CBG / OSP ส่วนแบ่งตลาดเครื่องดื่มชูกำลังเชิงปริมาณเดือน พ.ค. ลดลงทั้งคู่ และขึ้นที่ KTD จากการสอบถาม CBG พบว่าส่วนแบ่งตลาดของ CBG เดือน พ.ค. อยู่ที่ 25.1% ลดลง 0.6% m-m ส่วน M150 อยู่ที่ 30.1% ลดลง 0.4% m-m โดยลดลงทั้งช่องทาง MT และ TT ทั้งนี้ เรายังไม่ทราบส่วนแบ่งตลาดในเชิงมูลค่า เนื่องจาก OSP อยู่ระหว่างสอบถามกับ AC Nielsen อย่างไรก็ตาม ในแง่รายได้เครื่องดื่มชูกำลังในประเทศของทั้ง OSP และ CBG ใน 2Q25 เราคาดว่าจะเติบโต q-q ได้ทั้งคู่ และคาดว่า CBG จะเติบโต y-y ส่วน OSP น่าจะยังลดลงเล็กน้อย y-y เพราะเพิ่งปรับสต็อกเสร็จ อยู่ระหว่างติดตามส่วนแบ่งตลาดเดือน มิ.ย. ต่อไป หาก KTD ยังได้ส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นต่อ อาจทำให้การแข่งขันดูน่ากังวลมากขึ้น และจะเป็น sentiment เชิงลบต่อทั้ง OSP และ CBG
(0) หุ้นเข้า–ออก SET50 / SET100 งวด 2H25
- SET50: หุ้นเข้า BCP, KKP, TCAP / หุ้นออก TIDLOR
- SET100: หุ้นเข้า AURA, JTS, MBK, TFG, TOA, WHAUP / หุ้นออก CKP, COCOCO, ROJNA, SAPPE, SKY, SNNP
(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 275.50 จุด หรือ +0.63%, ปิดที่ 44,094.77 จุด ปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และทำสถิติรายไตรมาสที่ดีที่สุดในรอบกว่า 1 ปี โดยได้แรงหนุนจากความหวังเกี่ยวกับการทำข้อตกลงทางการค้า รวมทั้งการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย
(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลดลงและปิดลบในเดือนมิ.ย. ขณะที่นักลงทุนติดตามความคืบหน้าของการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับเส้นตายการจัดเก็บภาษีในวันที่ 9 ก.ค. นี้
(0) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดบวกสลับลบ รอความคืบหน้าเรื่องการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ ก่อนเส้นตายการจัดเก็บภาษีในวันที่ 9 ก.ค. นี้
(+) ค่าเงินบาท แข็งค่าอยู่ที่บริเวณ 32.47 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ หรือ -0.45%
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 41 เซนต์ หรือ 0.63% ปิดที่ 65.11 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากความเสี่ยงด้านอุปทานในตะวันออกกลางลดน้อยลง นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังถูกกดดันจากความเป็นไปได้ที่โอเปกพลัสจะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันในเดือน ส.ค. เช้านี้ลดลงอยู่ที่ระดับ 64.97 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -0.84%
(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 20.10 ดอลลาร์ หรือ 0.61% ปิดที่ 3,307.70 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยข้อมูลแรงงานของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด เช้านี้ราคาทองคำอยู่ที่ 3,315.10 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ +0.84%
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 952.53/ -0.24%
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
1 ก.ค. | สหรัฐ: ISM Manufacturing PMI (มิ.ย.) ยูโรโซน: เงินเฟ้อ (มิ.ย.) จีน: Caixin Manufacturing PMI (มิ.ย.) |
3 ก.ค. | สหรัฐ: Non-Farm Payrolls (มิ.ย.), นำเข้า/ส่งออก (พ.ค.), ISM Manufacturing PMI (มิ.ย.) |
7 ก.ค. | ไทย: เงินเฟ้อ (พ.ค.) |
9 ก.ค. | จีน: เงินเฟ้อ (พ.ค.) สหรัฐ: FOMC Minutes |
10 ก.ค. | สหรัฐ: Initial Jobless Claim (มิ.ย./28) |