บล.ฟินันเซีย ไซรัส:

CP ALL (CPALL TB) โอกาสจากราคาที่ต่ำกว่ามูลค่า

  • CPALL เป็นผู้ประกอบธุรกิจการค้าสมัยใหม่ที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน แต่ Valuations ปัจจุบันถูกเกินไป
  • คาดกำไรปี 2025 จะโตสูงที่สุดในกลุ่มฯ
  • คงคำแนะนำ “ซื้อ” หลังปรับลดราคาเป้าหมายลงเป็น 65 บาท (DCF)

บริษัทค้าปลีกที่แข็งแกร่งที่สุดของไทย

CPALL เป็นผู้ประกอบธุรกิจการค้าสมัยใหม่ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและเป็นผู้นำในตลาดร้านค้าสะดวกซื้อ (7-11) ค้าส่ง (Makro) และไฮเปอร์มาร์เก็ต (Lotus) ทั้งนี้ยอดขายของบริษัทฯ คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 21.8% ของยอดขายปลีกโดยรวมในประเทศ ซึ่งคาดว่าจะแตะ 1 ล้าน ลบ. ภายในปี 2026 แม้ว่าการแข่งขันจะรุนแรงในทั้ง 3 ตลาดดังกล่าว เรายังคาดว่าความสามารถในการแข่งขันจะอยู่ในเกณฑ์ดีเหนือความท้าทายต่าง ๆ เมื่อพิจารณาจากฐานรายได้ที่สูงกว่าคู่แข่งขันอันดับ 2 ถึงกว่า 2 เท่า

กำไรโตสูงที่สุดในกลุ่ม Consumer staple

เราคาดว่า CPALL จะรายงานกำไรโตดีถึง 9.4% y-y CAGR สำหรับในช่วงปี 2025-27 จากทั้งรายได้และความสามารถในการทำกำไรที่สูงขึ้น ทั้งนี้เราคาดว่ากำไรในปี 2025 จะโต 12.4% y-y ส่วนมากจากธุรกิจร้านสะดวกซื้อที่ปรับตัวดีขึ้น โดยเราคาดว่ากำไรปกติของธุรกิจร้านสะดวกซื้อจะโตดี y-y ตลอดไตรมาส 2Q-4Q25 นอกจากนี้ เรายังคาดด้วยว่าประมาณการกำไรของตลาดสำหรับปี 2025 จะมี Downside จำกัด

โอกาสโตมีมาก

เราคงมุมมองเชิงบวกของเราสำหรับ CPALL จากโอกาสการเติบโตระยะยาวที่อยู่ในระดับสูง ข้อแรก บริษัทฯ วางแผนเพิ่มร้าน 7-11 อีก 700 สาขาต่อปีจนถึงปี 2031 คิดเป็นอัตราการเติบโตของจำนวนสาขาที่ 4.1% y-y CAGR ในช่วงปี 2024-31 ข้อสอง จุดแข็งในด้านเครือข่ายสาขาทั่วประเทศจะช่วยให้ CPALL เป็นผู้กำหนดทิศทางของตลาดและช่วยสร้างการเติบโตในระดับสูงใหม่ผ่าน CPRAM ซึ่งเป็นผู้ผลิตอาหารพร้อมรับประทานในเครือ ซึ่งจะเปิดตัวสินค้า เช่น อาหารเพื่อสุขภาพ ที่สามารถเจาะกลุ่มลูกค้าบางประเภทได้ดีขึ้น ข้อสาม เราเห็นโอกาสในการขยายสาขาเพิ่มเติมในกัมพูชาและลาวอีกมากกว่า 4,000 สาขาในแต่ละประเทศ ซึ่งคิดเป็นเกือบ 1 ใน 3 ของจำนวนสาขาของ 7-11 ในปัจจุบัน

จุดเข้าสะสมที่น่าสนใจ

ราคาหุ้นของ CPALL ปรับตัวลดลง 21% YTD เรามองว่าราคาที่ลดลงดังกล่าวเป็นจุดที่ดีในการเข้าซื้อเพื่อสะสม CPALL เมื่อพิจารณาจาก 1) ราคาดังกล่าวคิดเป็น 14x ของค่า 2025E P/E 2) Valuation ที่ต่ำเกินจริง เนื่องจากเราคาดว่า CPALL จะรายงานกำไรโตสูงที่สุดในกลุ่ม Consumer staple แต่หุ้นของบริษัทฯ กลับมีการซื้อขายโดยมีส่วนลด 3.3% เมื่อเทียบกับค่า 2025E P/E เฉลี่ยของกลุ่มฯ และ 3) ผลตอบแทนในรูปเงินปันผลและ ROE คาดว่าจะอยู่ที่ 3.6% และ 21% เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” หลังปรับราคาเป้าหมายลงเหลือ 65 จาก 83 บาท (DCF)

ทั้งนี้ บทวิเคราะห์ฉบับนี้ปัจจุบันจัดทำโดยคุณ กพล อัครวรินทร์ชัย

- Advertisement -