บล.เคจีไอ (ประเทศไทย):
Kasikornbank (KBANK.BK/KBANK TB)* เน้นโตพอร์ตลงทุนตราสารหนี้ เพื่อบันทึกกำไรจากการลงทุน
Event: ประมาณการ 2Q68
Impact
สินเชื่อหดตัวลง ในขณะที่ NIM ถูกกดดัน
พอร์ตสินเชื่อทุกกลุ่มของ KBANK ยังคงลดลงประมาณ 1% QTD และ 3% YTD แต่สินทรัพย์ที่สร้างรายได้ที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่คือการลงทุนในตราสารหนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้นประมาณ 7% QTD และ 23% YTD ในขณะเดียวกัน สถานะปล่อยกู้ในตลาดเงินซึ่งให้ yield ต่ำเพิ่มขึ้น 7% QTD และ 8% YTD ทั้งนี้ การลดดอกเบี้ย และการโยกสินทรัพย์ไปยังสินทรัพย์ yield ต่ำจะกดดันให้ yield สินเชื่อและ margin ลดลงไปอีกใน 2Q68F โดยเราคาดว่าจะลดลง 7bps QoQ และ 35bps YoY เป็น 3.34%
กำไรจากการลงทุนที่แข็งแกร่งจะหักล้างไปกับ NII ที่ลดลง
ในไตรมาส 1/68 KBANK บันทึกกำไรจากการลงทุนสูงถึง 4.1 พันล้านบาท (+31% QoQ, +29% YoY) จากการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรมีแนวโน้มลดลงตามอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง ซึ่งเกินพอที่จะหักล้างกับ NIM ที่หดตัวลง ทั้งนี้ เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรยังคงลดลงอีก และธนาคารมีสถานะลงทุนในตราสารหนี้เพิ่มขึ้น QTD เราจึงคาดว่าธนาคารน่าจะบันทึกกำไรจากการลงทุนก้อนใหญ่ใน 2Q68F อีก 3.4 พันล้านบาท ซึ่งจะไปหักล้างกับ NII ที่ลดลงเพราะถูกกดดันจาก NIM
คาดว่ากำไรใน 2Q68F จะอยู่ที่ 1.31 หมื่นล้านบาท (-5% QoQ, +4% YoY), +3% ในงวด 1H68F
ประมาณการกำไรของเราสะท้อนถึง 1) สินเชื่อที่หดตัว และ NIM ที่ลดลง ซึ่งกดดันให้ NII ลดลง 2% QoQ และ 7% YoY ใน 2Q68F 2) รายได้ค่าธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้น 1% QoQ และ 5% YoY 3) กำไรจากการลงทุนที่แข็งแกร่ง 3.4 พันล้านบาท แต่ลดลงจากไตรมาสก่อน 18% QoQ ขณะที่เพิ่มขึ้น 7% YoY
นอกจากนี้ การที่ธนาคารตั้งใจจะเพิ่มสินทรัพย์ที่ yield ต่ำและความเสี่ยงต่ำ เราจึงใช้สมมติฐาน NPL ที่ +2% QoQ และใกล้ศูนย์ YoY โดย NPL ที่ชะลอตัวน่าจะสะท้อนถึงแคมเปญ “คุณสู้ เราช่วย” ของรัฐบาล ที่เปิดช่องให้ธนาคารบริหารจัดการ NPL และค่าใช้จ่ายสำรองยังทรงตัว ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาจากประมาณการกำไรใน 2Q68F กำไรในงวด 1H68F จะคิดเป็น 55% ของประมาณการกำไรเต็มปีของเรา
คงคำแนะนำ “ถือ” โดยประเมินราคาเป้าหมายปี 2568F ที่ 168 บาท
การปรับเปลี่ยนโครงสร้างสินทรัพย์ (asset mix) โดยหันไปเน้นสินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำบ่งบอกว่า KBANK กำลังพยายามอย่างหนักที่จะบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์เพื่อลด credit cost ให้ได้ตามเป้า 1.4–1.6% ในปี 2568F
ทั้งนี้ เนื่องจาก GDP เผชิญแรงกดดันในขาลง การที่กำไรในงวด 1H68F คิดเป็น 55% ของประมาณการกำไรเต็มปีของเราน่าจะช่วยให้ธนาคารสามารถบริหารจัดการกำไรเต็มปีได้ ดังนั้นเราจึงยังคงคำแนะนำ “ถือ” โดยประเมินราคาเป้าหมายปี 2568F ที่ 168 บาท (PBV ที่ 0.7x)
Risks
NPLs และ credit cost สูงกว่าที่วางแผนเอาไว้, NIM ถูกกดดัน